ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 138 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2741 - 2760 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2741 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ตามมติคณะรัฐมนตรี | พณ | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ สรุปได้
ดังนี้ 1. การดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว และชลบุรี รวมทั้งห้างค้าปลีกและตลาดสด ประชุมหารือเพื่อแก้ไข ปัญหาไข่ไก่ ซึ่งผลการหารือทุกภาคส่วนพร้อมสนับสนุนการดำเนินการตามมติคณะรYฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 ทั้งการรับซื้อไข่ไก่จากสมาคมและสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ การประชาสัมพันธ์รณรงค์เพื่อให้ข้าราชการในสังกัด บริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น และการอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ภายในส่วนราชการให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่นำไข่ไก่ไปจำหน่าย นอกจากนี้ ได้มีการขยายตลาดรองรับผลผลิตไข่ไก่ โดยประสานเชื่อมโยงผู้เลี้ยงไก่ไข่นำไข่ไก่มาวางจำหน่ายให้แก่ผู้ บริโภคโดยตรง ตลอดจนจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ 2. ผลการดำเนินการ ด้านปริมาณสามารถช่วยขยายตลาดให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้ระบายผลผลิตส่วนเกินเพิ่ม ขึ้นจากช่องทางปกติ จำนวน 7,094,300 ฟอง (22 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ 2553) สำหรับด้านราคาไข่ไก่คละที่ เกษตรกรขายได้ ณ แหล่งผลิต ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไข่ไก่คละจากฟองละ 2.00 บาท ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 เป็นฟองละ 2.50 บาท ขณะที่ราคาขายส่งและขายปลีกไข่ไก่ในตลาดทั่วไปปรับสูงขึ้นเล็กน้อย โดยราคาขาย ปลีกไข่ไก่ เบอร์ 3 (ตลาด กทม.) ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 ฟองละ 2.50-2.60 บาท ปรับเป็นฟองละ 2.80- 2.90 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
2742 | การดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น | สผ | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศเสนอผลการดำเนินการตาม
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น และแจ้งให้สำนัก งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ดังนี้ 1. ผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ ที่ให้มีหน่วยงานรับผิด ชอบกำกับดูแลการเยียวยา (อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ) ในภาพรวม รวมทั้งให้มีการบูรณาการการบริหารจัด การกองทุนของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและไม่ซ้ำซ้อนนั้น ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการ จัดจ้างศึกษาวิจัยเพื่อบูรณาการกองทุนให้ความช่วยเหลือเป็นภาพรวมของประเทศโดยให้มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง เป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีระยะเวลา ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2. ผลการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ ที่ให้มีคณะทำ งานระดับรัฐบาลศึกษาแนวทางและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นด้านอื่น ๆ นอก เหนือจากด้านการค้า นั้น ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมหารือกับหน่วยงานไทยเกี่ยวกับท่าที ของไทย รวมทั้งประเด็นที่ไทยประสงค์จะผลักดันในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมอา เซียนกับประเทศคู่เจรจาเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเห็นควรใช้กลไกดังกล่าวหารือถึงแนวทางและยุทธศาสตร์ใน การพัฒนาความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเสนอ ให้ประเด็นดังกล่าวเป็นวาระประจำในการประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการจัดตั้ง คณะทำงาน ฯ ขึ้นใหม่ และมีขอบเขตการศึกษาจำกัดเฉพาะกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมทำให้เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และเป็นการเพิ่มภาระให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
2743 | มาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปี 2553 | ทส | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่งและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปี 2553 ประกอบด้วย มาตรการระยะเร่งด่วน ได้แก่ การขยายระยะเวลาการจ้างประชาชนปฏิบัติงานดับไฟป่า จากเดิมที่ สิ้นสุดการจ้างในเดือนเมษายน 2553 เป็นสิ้นสุดการจ้างในเดือนมิถุนายน 2553 ภายใต้วงเงินงบประมาณเท่า เดิมที่ได้รับการจัดสรร และสนับสนุนการดำเนินโครงการความร่วมมือในการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศใน อนุภูมิภาคแม่โขงโดยจัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศในสหภาพพม่า และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในช่วงหน้าแล้ง และมาตรการระยะยาว ได้แก่ การติดตั้งสถานีตรวจ วัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การทำเกษตรปลอดการเผา การทำเกษตรที่สูงปลอดการ เผา รวมทั้งการดำเนินโครงการการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อการติดตามและ ประเมิน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย คณะกรรม การนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกรณีเกษตร กรที่ไม่มีเอกสารสิทธิจะมีสิทธิเข้าร่วมโครงการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีการผลิต 2553/2554 ได้ ต้อง เป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ในปีการผลิต 2552/2553 แล้วเท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2744 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (นายนพดล สระวาสี) | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายนพดล สระวาสี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการ
พาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณ สมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2745 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. .... | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบ
วิชาชีพบัญชี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดประเภท จำนวน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดให้มีหลักประกันความ รับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่เป็นนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชีหรือ ด้านการทำบัญชี หรือให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 ที่สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2746 | รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2552) | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทาง
ปัญญาตามที่ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งจับกุมได้ 136 คดี และยึดของกลางได้ 112,956 ชิ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2747 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดยคณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (2 เรื่อง) | นร | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะ
รัฐมนตรี (ปคค.) เสนอรายงานผลการประชุม ปคค. ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมมีมติ รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 2 เรื่อง คือ 1. การชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้าขององค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าเมื่อวัน ที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2553 ได้ดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าวแล้ว จำนวน 610.882 ล้านบาท และจะเร่งดำเนินการ จ่ายเงินจำนวนที่เหลืออีก 3,063.118 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2553 2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียว เตี้ยและโรคใบหงิก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้อนุมัติวง เงิน 739 ล้านบาท จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อนำไปใช้ดำเนินมาตรการเร่งด่วน เพื่อยุติการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลฯ และในส่วนของสำนักงบประมาณอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอ ของกรมการข้าวกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดินที่เสนอขออนุมัติเงินงบประมาณจากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 501 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินมาตรการต่อเนื่อง เช่น การอบรม และประชาสัมพันธ์ ส่วนการประกาศรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการควบคุมการระบาดและตัดวงจร เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก ขณะนี้ยังไม่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ คาดว่าอาจเป็นเพราะ การประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึงโดยจะเร่งรัดให้มีการลงพื้นที่จริงภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 และคาดว่าจะดำเนิน การแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
2748 | ปัญหาราคาข้าวเปลือกปทุมธานีตกต่ำ | พณ | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ปรับการประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงจากทุก 15 วัน เป็นทุก 7 วัน โดยให้กระทรวงพาณิชย์ ประกาศเกณฑ์ดังกล่าวทุกวันจันทร์ของแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้เกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวเปลือกที่ประกาศสะท้อนและใกล้ เคียงที่สุดกับราคาตลาด 2. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้เกณฑ์กลางอ้างอิง ในช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 2553 ที่ประกาศไปแล้ว โดย ให้ใช้เกณฑ์กลางอ้างอิงดังกล่าวสำหรับในช่วงวันที่ 1-7 มีนาคม 2553 เท่านั้น ส่วนเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 8- 14 มีนาคม 2553 ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการต่อไป โดยใช้ข้อมูลราคาข้าวเปลือกย้อนหลัง 7 วัน 3. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเปิดจุดแทรกแซงตลาดรับ ซื้อข้าวเปลือกเพิ่มขึ้น หากมีปัญหาในการดำเนินการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรม การนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2749 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ตามข้อเสนอของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.2 ขยายระยะเวลาการเก็บเงินและการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่คงเหลือ จำนวน 197.59 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.3 การจัดสรรค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารขององค์การ คลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 1.4 มอบหมายการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ให้คณะกรรมการนโยบาย ข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำกับดูแลต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสต๊อก (Stock) ข้าวของโครงการ ฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ก่อนส่งมอบ กขช. ด้วย 2. กรณีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรที่คณะรัฐมนตรีหรือ กขช. หรือคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ และหากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วแต่ยัง มีภาระหนี้กับ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส. ขอเบิกชดเชยค่าใช้จ่ายได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้เสนอขออนุมัติต่อ คณะรัฐมนตรีเป็นรายโครงการ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่เคยปฏิบัติมา 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการระบายข้าวสารภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 เพื่อลดภาระดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาคุณภาพข้าว ซึ่งจะเป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทุกปี ไปพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2750 | การออกกฎกระทรวงเพื่อรองรับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 รวม (2 ฉบับ) | พณ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาความเสียหายจากการนำเข้า สินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาความเสียหาย จากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกาศเผยแพร่ผลคำวินิจฉัยเกี่ยวกับ การพิจารณามาตรการปกป้อง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกาศ เผยแพร่ผลคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการพิจารณามาตรการปกป้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
2751 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรซูดาน | กต | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรซู ดาน และมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาด ไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติต่อไป โดยให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมาย ภายในของไทย รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อรายงานให้ สหประชาชาติทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังที่ว่า ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายศุลกา กรได้นั้น จะต้องมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งออกสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรให้เป็นไปตามข้อ มติคณะมนตรี ฯ ดังกล่าวก่อน จึงจะสามารถนำกฎหมายศุลกากรไปใช้บังคับได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2752 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทาง
การค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงพาณิชย์ โดยกำหนดให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ เป็นบริษัทมหาชนทั้งที่ได้จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ประกอบธุรกิจเป็น ทางการค้าปกติแข่งขันกับเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2753 | การเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ | พณ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นกรรมการในคณะกรรมการ
นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) กรรม การและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2754 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ และเปลี่ยนแปลงการมอบอำนาจการบังคับบัญชา (จำนวน 10 คน 1. นายศักดา หาญบุญตรง ฯลฯ) | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 1 ปี ในวันที่ 2 มีนาคม 2553 จำนวน 10 คน คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ ดังนี้ 1.1 นายศักดา หาญบุญตรง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) 1.2 นายนิพนธ์ บุญญภัทโร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาธิต วงศ์หนองเตย) 1.3 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 1.4 นายกมล จิตระวัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1.5 นายณัฐวุฒ จิตะสมบัติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.6 ร้อยตรี ประพาส ลิมปะพันธุ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 1.7 นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวพาณิชย์ อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 1.8 นายรุ่งโรจน์ ทองศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 1.9 นายยุพ นานา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 1.10 นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 2. เปลี่ยนแปลงการมอบอำนาจการบังคับบัญชาของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คน ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากเดิมอยู่ในบังคับบัญชา รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 มีนาคม 2552 เปลี่ยน แปลงใหม่เป็นอยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||
2755 | รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ (ครั้งที่ 2/2553 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553) | นร | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบเกี่ยวกับยอดเงินรับบริจาคของศูนย์ร่วมน้ำใจชาวไทยฯ การจัดส่งข้าวสารในส่วนที่เหลือ รวมทั้ง ผลการสำรวจความต้องการความช่วยเหลือของคณะล่วงหน้าผู้แทนประเทศไทย และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปดำเนินการตามมติคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ ครั้งที่ 2/2553 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) ประธานกรรมการอำนวย การศูนย์ฯ เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ รวม 4,728 ตัน ให้ทันตามกำหนดเวลา ดังนี้ 1.1 ข้าวสารในงวดที่ 2 จำนวน 3,525 ตัน ให้จัดเตรียมให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินกระบวนการจัดส่งให้เรือ บรรทุกสินค้า ณ ท่าเรือที่ World Food Program (WFP) กำหนดตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2553 และดำเนินการจัดเตรียม ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 12 มีนาคม 2553 1.2 ข้าวสารในงวดที่ 3 จำนวน 1,203 ตัน ให้จัดเตรียมให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินกระบวนการจัดส่งให้เรือ บรรทุกสินค้า ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 2. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาการจัดส่งเมล็ดพันธุ์พืช รวมไปถึงผู้ฝึกสอน การเพาะปลูกพืชไปช่วยเหลือชาวเฮติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวง การต่างประเทศประสานในรายละเอียดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2756 | แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำและการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว | พณ | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำและการขยายระยะเวลาดำเนินมาตร การรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โดยขยายเวลาการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ทั้งโครงการแทรกแซง ตลาดรับซื้อข้าวเปลือก และโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ออกไปจากเดิมที่สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เป็นสิ้น สุดเดือนกรกฎาคม 2553 และภาคใต้ จากเดิมที่สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2553 เป็นสิ้นสุดเดือนตุลาคม 2553 โดยใช้ วงเงินดำเนินการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม กรณีที่ไม่เพียงพอให้เสนอขออนุมัติเพิ่มเติมต่อไป และให้กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งรัดการออกหนังสือรับรองเกษตรกรเพื่อใช้ในการเข้าร่วมโครงการแทรกแซงรับซื้อข้าวเปลือกและการทำสัญญากับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบที่ 2) ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้ยกเว้นในส่วนของการเยียวยาเกษตรกรที่จำหน่ายข้าวเปลือกไปแล้วในช่วงที่ราคาข้าวในตลาดมีความ ผันผวน โดยให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ใช้สิทธิตามหลักเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามมาตรการรักษา เสถียรภาพราคาข้าว 2 โครงการดังกล่าว ให้ยึดหลักการว่าควรจะดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรเมื่อราคา รับซื้อในพื้นที่ต่ำกว่าราคากลางอ้างอิง เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการขายผลผลิตตามวัตถุประสงค์ของโครง การ สำหรับการให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังนอกเขตชลประทานทราบ หลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกปี 2552/53 รอบที่ 2 นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง โดยให้ยึดหลักการว่า เกษตรกรมีการเพาะปลูกจริงและได้รับ การขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์โครงการแล้วสามารถให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่โครง การกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
2757 | ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการระบายข้าว | นร | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อ
สารมวลชนหลายแขนง โดยอ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลจะดำเนินการระบายข้าวในปริมาณสูง ถึง 2 ล้านตัน ซึ่งเป็นการสร้างกระแสข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการดำเนินนโยบายเรื่องนี้ของ รัฐบาล อันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาข้าวในตลาดเป็นอย่างมาก และหากพบว่าผู้ใดเป็นผู้ให้ข่าวสารที่ไม่ เป็นความจริงโดยเจตนาจะให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม ก็ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อ ไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2758 | การแก้ไขปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 1) เพิ่มเติมและการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 2) | พณ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 1) เพิ่มเติม สรุปในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.1 ไม่เห็นชอบให้เกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม และนครสวรรค์ ที่ไม่ได้มาขึ้นทะเบียนเกษตร กรภายในระยะเวลาตามที่กำหนดเดือนตุลาคม 2552 เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/ 53 (รอบที่ 1) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 1.2 ให้คณะอนุกรรมการ กขช. ระดับจังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มี ปัญหา เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ลำปาง และเลย กรณีที่กลุ่มเกษตรกรขอใช้สิทธิ 16 -30 พฤศจิกายน 2552 แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ใช้สิทธิช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2552-28 กุมภาพันธ์ 2553 และกรณีเกษตรกรจังหวัดมหาสารคามที่ปลูกข้าวในที่นาหลายแปลง แต่เกษตรอำเภอ ขึ้นทะเบียนให้ใช้สิทธิเพียงแปลงเดียว โดยหาต้นเหตุของปัญหาและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน 1.3 ให้ ธ.ก.ส. แก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิของเกษตรกรให้ถูกต้อง โดยให้ได้รับสิทธิวันเดียวกันคือ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ตามที่เกษตรกรจังหวัดมหาสารคามที่ปลูกข้าว 2 ชนิดร้องขอ เนื่องจากเกิดความผิด พลาดทางเอกสารและไม่ใช่ความผิดของเกษตรกร 1.4 เห็นชอบให้เกษตรกรจังหวัดขอนแก่นที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ช่วงวันที่ 1-16 ธันวาคม 2552 ใช้ สิทธิชดเชยได้ในวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 1.5 ให้ ธ.ก.ส. และสำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เกษตรกรจังหวัด ขอนแก่น จำนวน 28,369 ราย ทำสัญญาช่วงวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552 จริงหรือไม่ หรือเป็นการใช้สิทธิในช่วง เวลาดังกล่าว แต่ได้รับเงินชดเชยน้อย หรือไม่ได้รับเงินชดเชย จึงมาขอใช้สิทธิช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 โดยให้ ตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 7 วัน 1.6 เห็นชอบให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียว และข้าวปทุมธานี 1 ที่ทำสัญญาในช่วงวันที่ 1-31 ธันวา คม 2552 สามารถใช้สิทธิชดเชยได้ โดยให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวใช้สิทธิในช่วงวันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2552 และเกษตรกรที่ปลูกข้าวปทุมธานี 1 ให้ใช้สิทธิในช่วงวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชนิดข้าว ดังกล่าวที่จะได้รับเงินชดเชย 1.7 เห็นชอบยืนยันให้เกษตรกรในจังหวัดภาคใต้ใช้สิทธิประกันรายได้ รอบที่ 1 ช่วงหลังการเก็บเกี่ยว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของโครงการประกันรายได้ 2. เห็นชอบให้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 และรอบที่ 2 เป็นราคาเดียวกัน โดยยึดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้เดิม คือ คำนวณ จากมูลค่าข้าวสาร ณ ตลาดกรุงเทพมหานครรวมกับมูลค่าผลิตภัณฑ์ หักด้วยค่าแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และค่าขนส่งเแลี่ยนจากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดจุดซื้อขายของเกษตรกร 3. เห็นชอบหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และแนวทางการปฏิบัติโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2552/53 รอบที่ 2 ตามคู่มือการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และหลัก เกณฑ์การทำสัญญาและการใช้สิทธิโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ของ ธ.ก.ส. ตามที่เสนอ โดยเพิ่มเติมในส่วนของขั้นตอนการทำประชาคม การออกใบรับรองผลการขึ้นทะเบียน และขั้นตอนการ จัดทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส.
|
|||||||||||||||||||||||||||
2759 | รายงานผลการศึกษาและการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร | กษ | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อสร้างระบบการประกันความเสียหายผลผลิตทางการเกษตรที่ เหมาะสมโดยระบบสหกรณ์ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผลการศึกษาโครงการศึกษาแนวทางการดำเนินการประกัน ภัยธรรมชาติสำหรับการผลิตข้าว ของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับผลการศึกษา ฯ ทั้ง 2 โครงการ และเรื่องเกี่ยวกับ ระบบประกันภัยพืชผลอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เหมาะ สม โดยรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการจ่ายเบี้ยประกันบางส่วนร่วม กับภาครัฐ เพื่อให้เกษตรกรได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการประกันภัยพืชผลที่จะได้รับเงินค่าชดเชยความเสียหายเพิ่ม ขึ้นจากเดิมที่เคยได้รับกรณีได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สำหรับกรณีให้ความคุ้มครองเฉพาะค่าพันธุ์และปุ๋ย โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันให้ทั้งหมดนั้น ควรมีการกำหนดเงื่อนไขเกษตรกรที่จะได้รับการอุดหนุนในลักษณะ ดังกล่าวไว้ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 3. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำฐานข้อ มูลเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเกษตรกรทั่วประเทศโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันครอบคลุมทั้งในแง่พื้นที่ และชนิดของพืชเพาะปลูก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย หรือเป็นข้อมูลสำหรับตรวจสอบติดตามการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2760 | ขออนุมัติหลักการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 09/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจารณาจ่ายค่าดอกเบี้ยค้างชำระ ในวงเงิน 110,000 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำผลิต ผลการเกษตร ปี 2551/52 ตามนโยบายของรัฐบาล จากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการรับจำนำ ผลผลิตการเกษตรปีการผลิต 2551/2552 ซึ่งได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 3,523.08 ล้านบาท และจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ได้รับอนุมัติจากโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงินตามพระราชกำหนด ฯ 149,999.8371 ล้านบาท) จำนวน 1,706 ล้านบาท ไปก่อน โดยคำนวณดอกเบี้ยจากเงินและระยะเวลาที่จ่ายจริง ทั้งนี้ หากการใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวจ่ายแล้ว มีผลให้ค่าบริหารโครงการไม่เพียงพอ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการระบายผลิตผลทางการเกษตรภายใต้โครงการรับจำนำ ฯ เพื่อลดภาระเงินต้นและ ดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้ทุกปี ไปพิจารณาดำเนิน การต่อไป
|
.....