ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 136 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2701 - 2720 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2701 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | พณ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้าง สรรค์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่ เกิน 30 คน 1.2 กำหนดให้สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (สศส หรือ TCEA) เป็นหน่วยงานภายใน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะกรรมการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กบศส.) ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินงานของสำนักงาน 1.3 กำหนดให้ สศส หรือ TCEA มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแนะนโยบาย มาตรการและกลยุทธ์ ส่ง เสริมการพัฒนาศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และรับผิดชอบงานธุรการของ กศส. และ กบศส. เป็นต้น 1.4 กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสนับสนุนเงินทุนในกิจการใดกิจ การหนึ่งเดียวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยจัดตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น 2. ให้เพิ่มเลขาธการนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่ง ชาติ ตามร่างข้อ 4 แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2702 | ขออนุมัติใช้เงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปี 2553 และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 | กษ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติเงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี 2553 ให้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 121.477 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิด ขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2552 1.2 อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ให้แก่ อ.ต.ก. จำนวน 123.285 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2552 ตามที่ อ.ต.ก. ได้เสนอขอ ตั้งงบประมาณประจำปี 2554 ไว้แล้ว 2. สำหรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2552 วงเงิน 121,477,000 บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อ ไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้พิจารณาจัดทำแผนการระบายข้าวสารในสต็อกภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ให้สอดคล้อง กับสถานการณ์และไม่กระทบราคาข้าวในตลาด รวมทั้งลดภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2703 | รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ระหว่างวันที่ 1 - 31 มกราคม 2553) | พณ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทาง
ปัญญา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม 2553 สามารถจับกุมได้ 252 คดี ยึดของกลาง ได้ 56,417 ชิ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2704 | การจัดทำสัญญาเช่าบ้านพัก สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ | พณ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเช่าบ้านพักของนายสุทธิชาติ นิลคูหา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริม
การค้าระหว่างประเทศ ณ นครมุมไบ ประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เกินกว่า 3 ปีงบประมาณ โดยมีระยะเวลาการเช่า ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 14 เมษายน 2557 รวมระยะเวลาเช่า 4 ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ 260,000 รูปี หรือปีละ 3,120,000 รูปี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการ ส่งออกจะได้ทำความตกลงไว้กับผู้ให้เช่า สำหรับค่าเช่าที่ต้องจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 6,240,000 รูปี หรือเท่ากับ 5,616,000 บาท ให้กรมส่งเสริมการส่งออกเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรร แล้ว ส่วนงบประมาณที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2705 | สรุปการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการประชุมส่วนราชการที่
เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. การให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น เห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับความเสียหายโดยตรง เช่น ร้านค้า ทรัพย์สิน ถูกเพลิงไหม้ เป็นต้น เป็นเงินช่วยเหลือ รายละ 50,000 บาท นอกเหนือไปจากการให้ความช่วยเหลือจากกรุงเทพมหานคร 2. นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสำนักงานทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์พิจารณาแนวทางการจัดหาสถานที่ค้าขายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ย่านราชประสงค์ สยามสแควร์ และย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครและกระทรวงพาณิชย์จัดหาพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ค้าขายโดยเร็ว รวมถึงพิจารณาจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการค้าขาย เช่น ถนนคน เดิน หรือตลาดนัดในพื้นที่ที่เหมาะสม โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมพิจารณาพื้นที่ที่จะต้องมีการปิดถนน 3. กระทรวงการคลังจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงเงินกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกันของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี) วงเงินไม่เกิน 5 แสน บาท ภายใต้กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยมีรัฐบาลค้ำประกัน และกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารออมสินจะ สมทบกับโครงการของธนาคารเอสเอ็มอี สำหรับวงเงินกู้ที่ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงิน 2.5 แสนบาท 4. กระทรวงแรงงานได้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของลูกจ้างที่ได้รับผล ซึ่งมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 4,405 ราย โดยเป็นแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจำนวน 142 ราย สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง นายจ้างจะต้องปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งได้กำหนดในเรื่องต่าง ๆ ไว้แล้ว 5. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ดำเนินการแบ่ง ผู้เสียหายเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีประกันภัยก่อการร้าย คปภ. ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยให้ จ่ายชดเชยให้เร็วที่สุด และบางบริษัทได้มีการทำประกันภัยธุรกิจชะงักงันไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถนำเงินชดเชยมา จ่ายค่าจ้างแรงงานได้ และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีเฉพาะการประกันอัคคีภัย จะมีสินไหมการุณเพื่อให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ คปภ. และสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยรับที่จะประเมินความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อ เป็นแนวทางให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลัง 6. ที่ประชุมเสนอให้มีการเปิดบัญชีรับบริจาคจากผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุม โดยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งเป็นกองทุน ซึ่งให้สิทธิทางภาษีแก่ผู้ที่บริจาคเข้ากองทุนดังกล่าวด้วย และสำนักงานประกันสังคมจะขยายพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยนาย จ้างในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในปี พ.ศ. 2553-2554
|
|||||||||||||||||||||||||||
2706 | ขอขยายเวลาโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ | พณ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้กรมส่งเสริมการส่งออกขยายเวลาลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 สำหรับ 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสมุนไพรไทยเพื่อการส่งออกสู่ ตลาดโลก และโครงการพัฒนาทักษะเชิงสร้างสรรค์และเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ ออกไป เป็นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2553 2. ให้กรมส่งเสริมการส่งออกขยายเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการเศรษฐ กิจสร้างสรรค์ ทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ออกไปจากที่จะต้องสิ้นสุดภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นสิ้นสุดภาย ในเดือนธันวาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
2707 | แนวทางในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การชุมนุม | พณ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางในการช่วยเหลือผู้ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์ชุมนุม โดยกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกรุงเทพมหานคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทยจัดงานถนนคนเดินบริเวณถนนสีลม ในระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-21.00 น. โดยจะมีการปิดถนนสีลมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ได้นำสินค้ามาจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะ นี้ได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว 2. ส่วนแนวทางการช่วยเหลือผู้รับได้ผลกระทบจากสถานการณ์การชุมชน ให้กระทรวงพาณิชย์ส่งให้คณะ กรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2708 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ | พณ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาเช่าอาคาร Gauss 9,
No 102.1st floor, col. Anzures, C.P. 11590, Miguel Hidalgo, Mexico D.F. สำหรับเป็นสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2709 | ขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเพิ่มรายได้และช่องทางจำหน่ายข้าวให้กับเกษตรกรในระดับตำบล | พณ | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการของโครงการเพิ่มรายได้
และช่องทางจำหน่ายข้าวให้กับเกษตรกรในระดับตำบลเพื่อให้เกษตรกรมียุ้งฉางกลางและโรงสีประจำตำบลไว้เก็บข้าว เปลือก ตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ แต่เนื่องจากขณะนี้สำนักงบประมาณยังไม่ได้รับข้อมูลด้านความพร้อมของ พื้นที่เป้าหมายที่จะดำเนินการและแบบรูปรายการก่อสร้างที่ชัดเจน จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ตกลงในรายละเอียดกับ สำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของวงเงิน นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดรูปแบบ การบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืนของโครงการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2710 | แนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ | พณ | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อ วันที่ 26 เมษายน 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1.1 โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก 1.1.1 ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เร่งรัดเปิดจุดรับ ซื้อข้าวเปลือกตามโครงการฯ และให้มีการรับซื้อจริงจากเกษตรกร โดยเปิดจุดเพิ่มขึ้นให้ทั่วถึงและครอบคลุมพื้นที่ ที่ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังกำลังออกสู่ตลาด โดยดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่มีมติ 1.1.2 ให้คณะอนุกรรมการการกับดูแลการรับซื้อข้าวเปลือกของรัฐบาลระดับจังหวัดกำกับดูแล ให้มีการเปิดจุดและรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรตามโครงการฯ อย่างใกล้ชิด และรายงานผลการรับซื้อ รวมทั้ง ราคาข้าวที่มีการซื้อขายในตลาดให้ฝ่ายเลขานุการทราบทุกวันและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้ทราบ 1.1.3 เห็นชอบให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการฯ สีแปรสภาพข้าวเปลือกที่ อคส. และ อ.ต.ก. รับซื้อ ไว้เป็นข้าวสารตามเขื่อนไขที่กำหนด คือ เมื่อโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกตั้งแต่ 1,000 ตันขั้นไป ให้สีแปรสภาพเป็นข้าว สารในอัตราร้อยละ 30 โดยให้ค่าสีแปรสภาพ ตันละ 500 บาท และเก็บข้าวสารไว้ในโกดังกลางของ อคส. และ อ.ต.ก. เพื่อให้โรงสีมีการหมุนเวียนรับซื้อข้าวเปลือกได้เพิ่มขึ้น เพื่อดึงสัมปทานส่วนเกินจำนวนหนึ่งออกจากตลาด ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการสีแปรสภาพให้รอบคอบและรัดกุม 1.1.4 เห็นชอบให้เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่คณะอนุกรรมการดำเนินการกำกับดูแลการแทรกแซง ตลาดรับซื้อข้าวเปลือกของรัฐบาล ให้สามารถสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่รับซื้อไว้ตามโครงการฯ ได้ 1.2 เห็นชอบมาตรการให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกนาปรังฤดูใหม่ เพื่อสีแปรสภาพเป็น ข้าวสาร แล้วนำมาแลกข้าวสารนาปรังเก่าในสต็อกของรัฐบาล โดยผู้ประกอบการค้าข้าวจะต้องซื้อข้าวเปลือกจาก เกษตรกรที่กำลังออกสู่ตลาดในฤดูการผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2553 ตั้งแต่เมษายน-กรกฎาคม 2553 ตาม ราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศเกณฑ์อ้างอิงในแต่ละช่วงเวลาบวกเพิ่มอีกตันละ 300 บาท และจะต้องมีหลักฐาน เอกสารมาแสดงว่าได้มีการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในฤดูการผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2553 จริง โดยข้าว สารที่นำมาแลกเปลี่ยนจะต้องเป็นข้าวชนิดเดียวกันในฤดูการผลิตเดียวกัน ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการหารือกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เช่น อคส. และ อ.ต.ก. กำหนดหลักเกณฑ์แลกเปลี่ยนข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลให้เป็นไปด้วย ความเรียบร้อย 1.3 การระบายจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาล 1.3.1 เห็นชอบในหลักการให้พิจารณาระบายจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาลในรูปแบบรัฐบาลต่อ รัฐบาล ในราคามิตรภาพ ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม โดยให้ระบายไปยังตลาดต่างประเทศที่นอกเหนือ ตลาดปกติของผู้ส่งออกข้าว 1.3.2 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่ง ชาติ พิจารณาจำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลตามหลักการที่กำหนดไว้ ในราคา ปริมาณ และระยะเวลาที่เหมาะสม ด้วยความระมัดระวังมิให้กระทบต่อระบบตลาด ครั้งละไม่เกิน 300,000 ตัน 2. สำหรับประเด็นการระบายข้าวสารโดยจำหน่ายแก่เอกชนเพื่อการส่งออกนั้น ให้เป็นไปตามมติคณะ กรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553 โดยให้ระบายจำหน่ายแก่เอกชนเพื่อการส่งออก จำนวนไม่เกิน 100,000 ตัน แล้วรายงานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2711 | รายงานผลการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | นร | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อค้นพบปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการติดตามและเร่งรัดการ ดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร และคณะอนุกรรมการติดตามผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ เกษตรกรในระดับพื้นที่ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ 1.1 ควรเร่งพิจารณาปรับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงให้สะท้อนความเป็นจริงและใกล้เคียงกับราคาตลาด โดยเร็ว และควรมีตลาดกลางข้าวเปลือกหรือท่าข้าวเอกชน เพื่อมาช่วยพัฒนาระบบกลไกตลาดข้าวเปลือกและดำเนิน การควบคู่ไปกับการเปิดจุดตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรให้มากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์และวิธีการในการคำนวณเกณฑ์กลาง อ้างอิงเพื่อให้สอดคล้องใกล้เคียงกับราคาที่เกษตรกรขายได้ในปัจจุบัน 1.2 ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ คู่มือ และการรายงานผลการตรวจสอบ โดยจังหวัดเป็นผู้ กำกับดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจสอบระดับตำบลอย่างเคร่งครัด โดยให้คณะกรรมการฯ รายงานผล การตรวจสอบพื้นที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดทราบหลัง จากสุ่มตรวจสอบพื้นที่เสร็จ 1.3 การใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์ การมหาชน) ในการเปรียบเทียบกับข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการทำประชาคมของเกษตรกรในพื้นที่ปลูก ข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 จากการตรวจติดตามของคณะอนุกรรมการฯ พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดยังไม่ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันโครงการฯ ได้ดำเนินการจัดทำประชาคมและออกใบรับรองให้เกษตรกรแล้วเกิน กว่าร้อยละ 90 ทำให้การใช้ประโยชน์ในข้อมูลอาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ดังนั้น ในระยะต่อไปหากมีการใช้ข้อ มูลภาพถ่ายดาวเทียม ควรเร่งดำเนินการจัดทำข้อมูลการแปลผลจากภาพถ่ายดาวเทียมส่งให้จังหวัดต่าง ๆ เพื่อคณะ กรรมการตรวจสอบระดับตำบลใช้ประโยชน์ในช่วงการจัดทำประชาคม และสุ่มตรวจสอบพื้นที่จริง 1.4 จากผลการติดตามผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่าเกษตรกร จำนวน 3,600 ราย ปลูกข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ซึ่งคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ด้านการผลิตมิได้ระบุผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ไว้ และ เกษตรกรเกรงว่าจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ทางจังหวัดได้ทำหนังสือหารือไปยังคณะอนุกรรมการนโยบายข้าว แห่งชาติด้านการผลิตแล้ว แต่ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาแต่อย่างใด และควรมีการทบทวนการกำหนดพื้นที่ผล ผลิตเฉลี่ยต่อไร่ในการปลูกข้าวในพื้นที่จังหวัดที่ต่ำกว่าความเป็นจริงให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างน้อยควรกำหนด เกณฑ์ผลผลิตต่อไร่ของจังหวัดไม่น้อยกว่าผลผลิตต่อไร่ระดับภาค 1.5 ควรมีการจัดระบบการจัดสรรน้ำให้เหมาะสมกับฤดูกาลทำนาของเกษตรกร 1.6 ควรมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตข้าวให้มีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การลดต้นทุนการผลิตข้าว เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศ 1.7 กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าวควรประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ และส่งเสริมให้ เกษตรกรปลูกข้าวพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสูงและให้ผลผลิตต่อไร่สูง นอกจากนี้ กรมส่ง เสริมการเกษตรควรเร่งรัดติดตามการช่วยเหลือเกษตรกรในจังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์ที่ประสบปัญหาเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาลระบาดในนาข้าว ปี 2552-53 ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2552 ให้ได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็ว 2. ให้คณะกรรมการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ดำเนินการตรวจ สอบข้อมูลร้อยละ 100 ในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรที่ผลการเปรียบเทียบข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงาน พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศกับข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรมีความแตกต่างกันเกินกว่าร้อยละ 20 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการดำเนินโครงการฯ ที่ถูกต้อง ชัดเจน สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2712 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาและบริหารจัด
การผลไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎ หมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบสำนักนายกฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ พ.ศ. 2550 ในส่วนขององค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ข้อ 4(2) และ (3) ดังนี้ 1. เพิ่มรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ 2. เพิ่มอธิบดีกรมการปกครอง เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2713 | การเข้าร่วมงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ เมือง
Yeosu สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคม-12 สิงหาคม 2555 โดยมอบหมาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานดังกล่าว ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยในส่วนของการจัดเตรียมรายละเอียดด้านงบประมาณ และการเตรียมความพร้อม ในการเข้าร่วมงานด้านต่าง ๆ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
2714 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากรูปเดิมซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย เป็นบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจภาคเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ และจัดตั้งกองทุนส่ง เสริมการพัฒนาตลาดทุนซึ่งมีทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ได้รับมาตามโครงการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนในระยะเยาว ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เสนอเพิ่มเติม ให้เพิ่มบทบัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจในการให้ความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ กรรมการตลาดหลักทรัพย์ตามร่างมาตรา 161 เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์มีกรรมการที่มีความเหมาะสม มีความรู้ และ ความสามารถทำหน้าที่ได้ตามหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็น แนวทางหนึ่งสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรและผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไทย รวมทั้งรับข้อสังเกตของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรมีบทบัญญัติห้ามผู้ที่ ไม่ได้ประกอบธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ตลาดหลักทรัพย์" หรือ "ตลาดทุน" หรือคำ อื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน และตามที่พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 30 ได้กำหนด ให้บริษัทมหาชนจำกัดต้องมีข้อบังคับกำหนดในเรื่องเกี่ยวกับบริษัท เช่น การออกและโอนหุ้น การประชุมผู้ถือหุ้น จำนวนและวิธีเลือกตั้งกรรมการ เป็นต้น ซึ่งตามพระราชบัญญัติที่กระทรวงการคลังเสนอก็ได้กำหนดคำว่าข้อบังคับ ของตลาดหลักทรัพย์ไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งดูตามเจตนารมณ์น่าจะเป็นข้อบังคับที่กำหนดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์ที่มิใช่ความหมายของคำว่าข้อบังคับตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดฯ ดังนั้น เมื่อใช้ถ้อย คำเดียวกันอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติได้ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติ บัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบดำเนินงานด้านการส่งเสริมการ เปิดเสรีในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้การปฏิรูปตลาดทุนเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้ง ให้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนจัดทำแผนการบริหารเงินลงทุนของกองทุนฯ ประกอบไปกับแผนการดำเนิน งานและงบประมาณรายจ่ายที่ต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประจำทุกปี เพื่อให้กองทุนฯ สามารถ ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์และไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2715 | กรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย - ชิลี | พณ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงทางการค้าเสรีไทย-ชิลี มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการขยายโอกาสใน การส่งออกสินค้าและบริการของไทย รวมทั้งโอกาสการลงทุนในชิลี เพื่อให้ผู้บริโภคของไทยได้ใช้สินค้าและบริการ ที่มีคุณภาพ และเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยกรอบการเจรจาฯ ครอบคลุม 11 ประเด็น ได้แก่ 1.1 การค้าสินค้า 1.2 พิธีการศุลกากร 1.3 กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 1.4 มาตรการปกป้องและมาตรการเยียวยาด้านการค้า 1.5 มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 1.6 อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 1.7 การค้าบริการ 1.8 การลงทุน 1.9 การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ 1.10 ความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 1.11 ความโปร่งใส 2. นำเสนอกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มการเจรจา |
|||||||||||||||||||||||||||
2716 | การนำกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าฉบับทบทวน (Revised PSR) ปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) มาใช้ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการดำเนินการนำกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า ฉบับทบทวน (Revised PSR) ปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม ในหนังสือรับรองดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญของกฎว่าด้วยถิ่น กำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง 3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในหนังสือให้การรับรองดังกล่าว 4. เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามข้อ 1. แล้ว มอบหมายหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวน การภายในประเทศเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามสัญญา
|
|||||||||||||||||||||||||||
2717 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี | กษ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมถึงความร่วมมือในด้านพืช และสัตว์ รวมถึงการส่งเสริม การค้าสินค้าเกษตร และการอนุรักษ์และจัดการความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตร 1.2 มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรเพิ่มเติมและแก้ไขถ้อยคำ ในส่วนของทรัพย์สินทางปัญญา ข้อ 7 บรรทัด 4 หลังคำว่า "...international agreements" เป็นดังนี้ ", and that the implementing programmes or projects under this MOU shall include provisions regarding the ownership of intellectual property rights, the sharing of benefit arising out of the use of intellectual property righs and the liability and responsibility of each Party which may arise out of such programmes or projects. และ ความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับสารัตถะของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ในข้อ ที่ 4(3) เรื่อง การจัดการและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตรยังขาดรายละเอียดในการ ดำเนินงาน จึงเห็นควรเพิ่มประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ป่าหรือชนิดพันธุ์พื้นเมือง การ อนุรักษ์ผู้ผสมเกสร (Pollinators) การอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร ตลอดจนเผยแพร่วิธีปฏิบัติที่ดีที่ สุดที่นำไปสู่การเกษตรแบบยั่งยืน ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2718 | การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินงานในลักษณะธุรกรรมตาม นโยบายพิเศษของรัฐบาล (Public Service Obligation : PSO) โดยแยกบัญชีงบการเงินออกจากการดำเนินงานปกติ ของ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ ติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร) เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ ระยะเวลาการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสมที่เกิดขึ้นจริงในวงเงินที่จะอนุมัติ รวมทั้งการนำระบบข้อมูล เกษตรกรที่ได้จัดเก็บไว้แล้วในรอบที่ 1 มาใช้ประโยชน์ในรอบที่ 2 และรูปแบบการดำเนินงานของโครงการที่เน้นให้ เกษตรกรเข้ามาทำสัญญา ณ สำนักงาน ธ.ก.ส. ไปดำเนินการต่อไปด้วย 2. อนุมัติค่าใช้จ่ายชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง จำนวน 8,773 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ ให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อ ไป ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 เพื่อขอขยายเวลาการขอรับการจัดสรรเงินตามโครงการจากที่กำหนดให้ขอจัด สรรจากสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 และให้เร่งรัดขอจัดสรรเงินตามที่ ธ.ก.ส. ได้จ่ายจริงไปทุก ครั้งโดยเร็ว เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจากการดำเนินการขอจัดสรรเงินล่าช้า ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2719 | ผลการจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจ "มหกรรมธงฟ้า ... มหาชน" (วันที่ 24 - 30 เมษายน 2553) | พณ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจ "มหกรรมธงฟ้า
...มหาชน" ระหว่างวันที่ 24-30 เมษายน 2553 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยกิจ กรรมภายในงาน ประกอบด้วยการจัดจำหน่ายสินค้าขายตรงจากฟาร์มและโรงงาน สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ในราคาถูกกว่าตลาดร้อยละ 20-40 สินค้าอุตสาหกรรมคุณภาพส่งออกในราคาธงฟ้า สินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มี ชื่อเสียงของแต่ละจังหวัด (OTOP) สินค้าจากธุรกิจแฟรนไชส์และสินค้าทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการนำสินค้าที่ จำเป็นต่อการครองชีพและเป็นที่ต้องการของประชาชนมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ได้แก่ น้ำตาลทราย ข้าว น้ำมัน พืช ไข่ไก่ กุ้ง เนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ โดยมีประชาชนเข้าชมงานกว่า 6.26 แสนคน มียอดการจำหน่ายสินค้ารวม 362 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 62 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนกว่า 420 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้ง ไว้ 120 ล้านบาท สำหรับการจัดงานในครั้งต่อไป ได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในโอกาสบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และเฉลิมพระชนมพรรษา โดยจัดงาน "มหกรรมธงฟ้า...มหาชนเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสบรมราชาภิเษกปีที่ 60" ระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2553 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
|
|||||||||||||||||||||||||||
2720 | ขออนุมัติจัดงานแสดงสินค้าและบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง | พณ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่อง ขออนุมัติจัดงานแสดงสินค้าและบริการเพื่อช่วยเหลือผู้
ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองเสนอคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับ การช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เพื่อพิจารณาในรายละเอียดให้ชัดเจน แล้วให้ดำเนินการตามผลการพิจารณาต่อไปได้ ยกเว้นเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
.....