ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 124 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2461 - 2480 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2461 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. .... | ทส | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑.๒ กำหนดคำนิยามคำว่า “เลื่อยโซ่ยนต์” ให้หมายความถึงเครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีฟันเลื่อยติดกับโซ่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกลที่ผลิตและประกอบสำเร็จรูปเพื่อการใช้งานที่มีต้นกำลังตั้งแต่ ๑ แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้ว และเครื่องจักรกลต้นกำลังที่มีการออกแบบตัวเครื่องและอุปกรณ์ประกอบตัวเครื่องให้มีลักษณะหรือสภาพเพื่อนำมาประกอบเป็นเครื่องมือใช้งานโดยเฉพาะ ที่มีต้นกำลังตั้งแต่ ๑ แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้ว ๑.๓ กำหนดให้ผู้มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ครอบครองต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของเลื่อยโซ่ยนต์ให้ครอบคลุมถึงเลื่อยโซ่ยนต์ที่ใช้แผ่นบังคับโช่ ขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้วลงมา รวมทั้งเลื่อยโซ่ที่ใช้พลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนและขั้นตอนในการปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2462 | การจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ....) | นร | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์แจ้งไม่ประสงค์ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อไป เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่ได้เห็นชอบปรับเปลี่ยนมาตรการจากการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาเป็นมาตรการรับจำนำข้าวเปลือก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายุติการพิจารณาร่างระเบียบฯ ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
2463 | การปรับกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (PSR) จากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี พ.ศ. 2545 (HS 2002) เป็นฉบับปี พ.ศ. 2550 (HS 2007) ในเอกสารแนบ บี ของภาคผนวก 3 ของความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า ภายใต้ กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (PSR) ซึ่งเดิมกำหนดตามพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (HS 2002) เพื่อให้สอดคล้องกับพิกัดศุลกากรฉบับปี พ.ศ. ๒๕๕๐ (HS 2007) ในเอกสารแนบ บี ของภาคผนวก ๓ ของความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์จากฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (HS 2002) เป็นฉบับปี พ.ศ. ๒๕๕๐ (HS 2007) เป็นผลให้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าในประเภทย่อย ๓๐๐๖.๐๑ (ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม/เอ็นเย็บแผล) และประเภทย่อย ๔๑๐๓.๙๐ (หนังดิบและหนังฟอก/อื่น ๆ) เปลี่ยนแปลงไปจากที่กำหนดไว้ในฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (HS 2002) ๒. นำเสนอเรื่องในข้อ ๑ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อผนวกกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าฉบับปี พ.ศ. ๒๕๕๐ (HS 2007) เข้าไปในความตกลงการค้าสินค้า ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามข้อ ๒ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
2464 | มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (เพิ่มเติม) | นร | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (เพิ่มเติม) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกันปรับปรุงรูปแบบของศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยให้เป็นศูนย์พัฒนาฝีมือและคุณภาพชีวิตชั่วคราว โดยจัดบริการเบ็ดเสร็จให้ความช่วยเหลือ ด้านอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพให้บริการทางการแพทย์ และการเยียวยาจิตใจ และจัดให้มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มวัย รวมทั้งเร่งการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นเพื่อนำไปประกอบอาชีพและสร้างรายได้ต่อไป โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการรับฝึกอบรมเฉพาะประชาชนที่พักอยู่ในศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ไม่นับรวมผู้ที่เดินทางไป - กลับ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ฝึกอบรมอาชีพผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยง ๑๒๐ บาท/วัน และหากประสงค์จะทำงานต่อจะจัดหางานให้ทำต่อในศูนย์พักพิง เช่น ทำอาหาร ดูแลเด็ก ผู้สูงอายุและผู้พิการ เป็นต้น โดยได้รับค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งหางานอาชีพให้ทำนอกศูนย์พักพิงที่มีตำแหน่งว่างอยู่กว่า ๓๐,๐๐๐ ตำแหน่ง ๑.๑.๒ สำหรับการดูแลผู้ป่วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยไปยังโรงพยาบาลที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ แต่เริ่มมีการขาดแคลนเวชภัณฑ์บางชนิด เช่น น้ำยาล้างไต เป็นต้น เนื่องจากโรงงานผลิตในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งเตรียมการนำเข้าและสำรวจเวชภัณฑ์ที่จำเป็นที่อาจมีไม่เพียงพอ ๑.๑.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่ไม่ได้อยู่บ้านอย่างเข้มงวดเพื่อให้มีความปลอดภัยจากการโจรกรรม ๑.๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาจัดตั้งคลังอาหารสดและอาหารปรุงสำเร็จสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประสานให้จังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ประสบอุทกภัยซึ่งยังมีศักยภาพและมีความประสงค์ที่จะส่งอาหารเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอื่นดำเนินการรวบรวมจัดส่งเข้าคลัง และจัดให้มีจังหวัดคู่แฝดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันที่มีศักยภาพและความพร้อมเพื่อช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภาวะอุทกภัย ๑.๑.๕ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ซึ่งน้ำลดแล้ว เพื่อจัดงบประมาณช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือไม่เกินครอบครัวละ ๓๐,๐๐๐ บาท และประสานการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การรวมพลังช่วยเหลือกันในชุมชน และการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของภาคเอกชนเพื่อซ่อมสร้างบ้าน เป็นต้น ๑.๒ การช่วยเหลือเกษตรกร ๑.๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม เพื่อเตรียมโครงการและงบประมาณช่วยเหลือความเสียหาย เช่น ความเสียหายด้านพืช ปศุสัตว์และประมง การช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์พืชไร่ พันธุ์สัตว์น้ำ และพันธุ์สัตว์ปีก การฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและฟื้นฟูคุณภาพดิน การช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เป็นต้น ๑.๒.๒ สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๑.๒.๒.๑ กรณีลูกค้าประสบภัยและเสียชีวิต ธ.ก.ส. ปลดหนี้ให้กับทายาทหรือคู่สมรส และรับเป็นลูกค้าเพื่อให้สินเชื่อฟื้นฟูการผลิตแทน ๑.๒.๒.๒ กรณีประสบภัยร้ายแรงและไม่เสียชีวิต จะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และพักชำระหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยในช่วงพักชำระหนี้ ๓ ปีแทนเกษตรกร ๑.๒.๒.๓ สินเชื่อ ธ.ก.ส. ดำเนินการ ๒ โครงการ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติร้อยละ ๓ ต่อปี และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน ร้อยละ ๗ ต่อปี) ระยะ ๓ - ๕ ปี หรือยาวกว่านั้น ทั้งนี้ ให้รวมถึงเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถมาขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้าได้ด้วย สำหรับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรที่เป็นลูกค้าธนาคารพาณิชย์ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลังประสานให้ได้รับความช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับลูกค้า ธ.ก.ส. ด้วย ๑.๓ การกอบกู้นิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประสานนิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้ง ๗ แห่ง เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการในการลดระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรม (Dewatering Action Plan) และฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมเมื่อน้ำเริ่มลดเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อได้ภายใน ๔๕ วันนับจากวันที่เริ่มปฏิบัติการสูบน้ำออกจากนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการจัดให้มีคณะกรรมการอำนวยการระดับนโยบาย ๑ คณะ และคณะอนุกรรมการระดับปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐและเอกชน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จสำหรับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๗ แห่ง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและฟื้นฟูคุณภาพดิน โดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสมตรงตามกลุ่ม/พื้นที่เป้าหมาย โดยให้ดำเนินการบูรณาการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งภาคเอกชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2465 | ผลการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานการประชุม สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ภาคเอกชนเสนอให้เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่แสดงกิจกรรมและระยะเวลาการดำเนินงานภายหลังน้ำลดอย่างชัดเจน โดยแผนฟื้นฟูควรมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในการกู้เครื่องจักรเครื่องมือ และระบบสาธารณูปโภค ทั้งระบบไฟฟ้าและประปาอย่างเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งในระยะยาวควรมีแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ๑.๒ มาตรการการเงิน ภาคเอกชนเสนอให้มีการสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง และผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิตที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม รวมทั้งสนับสนุนค่าจ้างแรงงานเพื่อรักษาสภาพการจ้างงานในสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และให้มีการผ่อนผันการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยให้บริษัทแม่ที่เป็นนิติบุคคลต่างด้าวสามารถให้กู้แก่บริษัทลูกที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ๑.๓ มาตรการทางภาษี ภาคเอกชนเสนอให้มีการลดหย่อนอัตราการจัดเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับงานรับเหมาช่วงต่อ จากอัตราร้อยละ ๓ เป็นร้อยละ ๐.๕ รวมทั้งยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าเป็นการชั่วคราวแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ สำหรับการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ วัตถุดิบและชิ้นส่วนที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิต และยานยนต์สำเร็จรูป โดยกรณีของภาษีนำเข้ายานยนต์สำเร็จรูปควรมีการจำกัดจำนวนและรุ่นที่จะนำเข้าเพื่อไม่ให้กระทบผู้ผลิตภายในประเทศ ๑.๔ มาตรการผ่อนปรนกฎระเบียบและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ภาคเอกชนเสนอให้มีการอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าและใบอนุญาตการทำงานให้แก่ผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคจากต่างประเทศที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการ การขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน การอำนวยความสะดวกในการขอหนังสือรับรองคุณภาพความปลอดภัยของอาหารส่งออก และการจัดตั้งศูนย์ประสานความช่วยเหลือในแต่ละนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ๑.๕ มาตรการผ่อนปรนกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยกำหนดมาตรการผ่อนปรนระยะเวลาการส่งมอบสินค้าและบริการตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พร้อมอนุญาตให้คู่สัญญาภาครัฐสามารถจัดซื้อสินค้าและบริการจากเอกชนรายอื่นทดแทนได้โดยมีการกำหนดแนวปฏิบัติจากกระทรวงการคลังที่ชัดเจน ๑.๖ มาตรการอื่น ๆ ที่ภาคเอกชนเสนอ ได้แก่ การเตรียมแผนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังน้ำลด การยกเว้นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ประกอบการเป็นการชั่วคราว การเร่งปรับปรุง ซ่อมแซมระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งการสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการถึงมาตรการที่รัฐได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้ว ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอของภาคเอกชนที่มติคณะรัฐมนตรีอาจยังไม่ครอบคลุมอย่างชัดเจน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วนำเสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านเศรษฐกิจ) เพื่อพิจารณต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการเรื่องการกำหนดแผนฟื้นฟูให้มีความชัดเจนทั้งรายละเอียดของกิจกรรมและระยะเวลาดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวต่างชาติ การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการ การขยายระยะเวลานโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการจัดตั้งศูนย์ประสานความช่วยเหลือในแต่ละนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการเรื่องการผ่อนผันการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยให้บริษัทแม่ที่เป็นนิติบุคคลต่างด้าวสามารถให้กู้แก่บริษัทลูกที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยได้ ๒.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการเรื่องการอำนวยความสะดวกในการขอหนังสือรับรองคุณภาพความปลอดภัยของอาหารส่งออก ๒.๔ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการเรื่องการกำหนดมาตรการผ่อนปรนระยะเวลาการส่งมอบสินค้าและบริการตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พร้อมอนุญาตให้คู่สัญญาภาครัฐสามารถจัดซื้อสินค้าและบริการจากเอกชนรายอื่นทดแทนได้
|
||||||||||||||||||||||||
2466 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2554) | มท | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๒๕-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔) ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และกรุงเทพมหานคร รวม ๑๔๗ อำเภอ ๑,๑๓๒ ตำบล ๘,๓๑๙ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๗๑๘,๖๐๗ ครัวเรือน ๒,๑๑๐,๑๕๒ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๓ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๓๘๔ ราย สูญหาย ๒ คน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๓๗ จังหวัด ๒. ภาพรวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้แก่ การนำสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ของกระทรวงพาณิชย์ไปจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย การประชุมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโรงพยาบาลศิริราช การประชุมเรื่อง การมอบหมายความรับผิดชอบป้องกัน ดูแล พื้นที่สำคัญ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ การจัดทำ “คู่มือการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว” เพื่อเป็นแนวทางให้จังหวัด/กรุงเทพมหานคร อำเภอ/เขต ตำบล/แขวง ใช้เป็นต้นแบบในการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ การจัดทำคำสั่งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การบริหารจัดการระบบการระบายน้ำด้วยเหตุอุทกภัย การควบคุมการปฏิบัติการร่วม ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อจัดหาทรายและบรรจุกระสอบทรายสนับสนุนภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และการจัดทำคำสั่งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การบริหารจัดการระบบการระบายน้ำด้วยเหตุอุทกภัย เป็นต้น ๓. การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๓ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๓๑๓,๒๙๔ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๕๖๖,๔๗๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๗๙ ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ไปแล้ว ๒๑๙,๐๓๗ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๖๙.๙๑ (ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
||||||||||||||||||||||||
2467 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มีผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ และการเปลี่ยนแปลงเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น รวมทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องจัดหาเลื่อยโซ่ยนต์ภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดให้ถือว่าใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์นั้นสิ้นผล ๑.๒ กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ที่ได้เลื่อยโซ่ยนต์มาจากการขายทอดตลาดหรือศาลสั่งริบหรือที่ตกเป็นของแผ่นดิน และการรับโอนมรดก สามารถขอรับอนุญาตได้ไม่ต้องมีใบรับรองให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๓ กำหนดให้มีการทำตัวเลขประจำเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตผลิตเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๕ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๖ กำหนดเหตุแห่งการเพิกถอนใบอนุญาต ๑.๗ กำหนดแบบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ๑.๘ กำหนดบทเฉพาะกาล ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของเลื่อยโซ่ยนต์ให้ครอบคลุมถึงเลื่อยโซ่ยนต์ที่ใช้แผ่นบังคับโช่ ขนาดความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้วลงมา รวมทั้งเลื่อยโซ่ที่ใช้พลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนและขั้นตอนในการปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2468 | กำหนดวันหยุดราชการในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ | นร | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ วันศุกร์ที่ ๒๘ และวันจันทร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗/๒๕๕๔ เรื่อง กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ (รวม ๒๑ จังหวัด) ทั้งนี้ โดยยกเว้น ๑.๑ ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป ๑.๒ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันแก้ไขอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ๑.๓ รัฐวิสาหกิจที่ต้องปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมขนส่ง เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ขนส่ง จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นต้น ๒. กรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยกำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน ๓. กรณีวันหยุดของธนาคารพาณิชย์ ให้เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะพิจารณาตามที่เห็นสมควร ๔. เห็นชอบในหลักการให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่ประสบปัญหาอุทกภัยเลื่อนวันเปิดเรียนในภาคการศึกษาที่ ๒ ไปเป็นวันอังคารที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป ๕. ในส่วนของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานเพื่อขอความร่วมมือให้คงเปิดดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องในช่วงวันหยุดเพิ่มเติมดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
2469 | การกำหนดรายการสินค้าควบคุมในภาวะวิกฤตจากอุทกภัย | พณ | 25/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดรายการสินค้าควบคุมในส่วนที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ในการอุปโภคบริโภคและวัสดุที่ใช้ในการป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติม จำนวน ๑๖ รายการ โดยกำหนดระยะเวลาถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. น้ำดื่มบรรจุภาชนะปิดผนึก ๒. กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า ๓. ไฟฉาย ๔. ถ่านไฟฉาย ๕. ยาสีฟัน ๖. แปรงสีฟัน ๗. ทราย ทรายบรรจุถุง ๘. อิฐบล็อก ๙. เสื้อชูชีพ ๑๐. เรือขนาดเล็ก ไม่เกิน ๑๕ ที่นั่ง ๑๑. รองเท้าบู๊ทยาง ๑๒. เครื่องนอน ๑๓. ถังน้ำ ๑๔. เครื่องสูบน้ำ ๑๕. ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ ๑๖. เทียนไข
|
||||||||||||||||||||||||
2470 | ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน เพิ่มอีก ๑ ปี จากเดิม ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็น ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการนำร่องฯ และทดลองการใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองก่อนที่จะนำระบบนี้มาใช้จริงต่อไป ๒. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน ออกไปอีก ๑ ปี
|
||||||||||||||||||||||||
2471 | ปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน (Joint Declaration between ASEAN and Canada on Trade and Investment) ซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๓ (The 43rd Meeting of ASEAN Economic Ministers) เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองมานาโด ประเทศอินโดนีเซีย ได้เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างอาเซียนกับแคนนาดาที่จะมีความร่วมมือเพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันในด้านการค้าสินค้าและบริการ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการลงทุน และเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับแคนาดา ตลอดจนเพื่อพัฒนากลไกแลกเปลี่ยนข้อสนเทศการค้า การลงทุนและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงให้มีการจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจระหว่างกันเป็นครั้งคราวและอาจจะตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการในรายละเอียด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
2472 | การจัดทำพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย - อินเดีย | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย โดยสาระสำคัญของพิธีสารฯ มีเนื้อหาครอบคลุมการเพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่อง Third Country Invoicing ซึ่งจะไม่มีผลบังคับใช้ย้อนหลังและการยกเลิกภาษีสินค้าตู้เย็นพิกัด ๘๔๑๘.๑๐ (ตู้เย็นที่มีตู้แช่แข็งประกอบอยู่ด้วยกันโดยมีประตูนอกแยกกัน แบบคอมเพรสชันชนิดที่ใช้ตามบ้านเรือน) ไว้ในรายการ EHS โดยให้ใช้เกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดศุลกากรระดับ ๖ หลักควบคู่กับสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในประเทศร้อยละ ๔๐ ในการพิจารณาถิ่นกำเนิดสินค้า และอนุมัติการลงนามพิธีสารฯ ๒. นำเสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดียเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๓. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนามพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามพิธีสารฯ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) สำหรับการลงนามในพิธีสารฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามพิธีสารฯ และหลังจากลงนามแล้วให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งผลการรับรองผูกพันพิธีสารฯ ต่อประเทศอินเดียอย่างเป็นทางการ |
||||||||||||||||||||||||
2473 | การหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายกระทรวงเกี่ยวกับการช่วยเหลือ ดูแลฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย | นร | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามผลการหารือของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยสาระสำคัญของแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดังนี้ ๑.๑ แนวทางในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและขั้นตอนการฟื้นฟู ๔ ระยะ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ระยะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้แก่ การป้องกันกระแสน้ำที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย การอพยพและให้ความช่วยเหลือประชาชน และการจัดหาปัจจัยการดำรงชีพ ๑.๑.๒ ระยะของการช่วยเหลือระหว่างที่ระดับน้ำในพื้นที่ยังท่วมสูง เป็นระยะที่ประชาชนที่ประสบปัญหาที่อยู่อาศัย ซึ่งพักพิงในศูนย์อพยพ มีความตึงเครียด เนื่องจากทรัพย์สินถูกทำลาย และมีความกังวลในด้านการประกอบอาชีพ ซึ่งในจุดนี้จะต้องมีการบูรณาการที่ศูนย์อพยพ ๑.๑.๓ ระยะการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดแล้ว ได้แก่ การซ่อมแซมถนน เส้นทางคมนาคม โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ โบราณสถาน และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ๑.๑.๔ ระยะการปรับโครงสร้างถาวร เป็นการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศเพื่อสร้างเป็นระบบถาวร ทั้งในด้านระบบชลประทาน ระบบป้องกันอุทกภัยและภัยธรรมชาติ ระบบคมนาคม ระบบการวางระบบผังเมืองของประเทศ และระบบการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ๑.๒ การจัดทำระบบฐานข้อมูลการฟื้นฟู ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดระบบฐานข้อมูลรายบุคคล ตั้งแต่ฐานข้อมูลด้านอาชีพ ที่อยู่อาศัย รวมถึงข้อมูลทางกายภาพเพื่อประกอบในการวางแนวทางฟื้นฟูแบบถาวร โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักและประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ๑.๓ รูปแบบของการบูรณาการกิจกรรมในศูนย์อพยพ ๔ - ๖ สัปดาห์ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เป็นเจ้าภาพในการให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุน ซึ่งศูนย์อพยพนี้จะต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนในระยะ ๔ - ๖ สัปดาห์ โดยประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เริ่มดำเนินการตั้งแต่การจัดทำฐานข้อมูลรายบุคคล การให้บริการด้านสาธารณสุข การจัดหาอาหาร การบริการขั้นพื้นฐาน การฟื้นฟูจิตใจ และการฝึกอาชีพเพื่อโอกาสของการจ้างงานในช่วงเวลาน้ำลดตามโครงการฟื้นฟูต่าง ๆ ๑.๔ การมอบหมายกิจกรรมด้านสังคมในการจัดทำแผนช่วยเหลือ ฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ ๑.๔.๑ ให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงมหาดไทยในการส่งเจ้าหน้าที่ไปแนะนำการผลิต EM และจัดชุดเครื่องมืออุปกรณ์ให้แต่ละชุมชน รวมทั้งสำรวจข้อมูลพื้นที่ที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก แล้วส่งข้อมูลให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม) เพื่อดำเนินการพิจารณาจัดหาที่ทำกินใหม่ที่เหมาะสมต่อไป ๑.๔.๒ ให้กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังโรคระบาดต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยอาศัยเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการวางระบบการป้องกันและสนับสนุน และให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ดูแลเรื่องรูปแบบ (model) ของศูนย์อพยพถาวรว่าควรจะมีองค์ประกอบอะไรบ้างที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดเป็นชุมชน เช่น มีหัวหน้าศูนย์ฯ ครู แพทย์ พยาบาล มีการสอนหนังสือ ฝึกอาชีพ เป็นต้น ๑.๔.๓ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการฝึกอบรมอาชีพต่าง ๆ เช่น งานซ่อมบ้าน งานอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ในศูนย์อพยพ ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนแต่ละจังหวัด และประสานกับกระทรวงมหาดไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดทำฐานข้อมูลของผู้ตกงานที่เป็นลูกจ้างทั่วไป และลูกจ้างโรงงาน ๑.๔.๔ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เร่งรัดประเมินความเสียหายของโบราณสถานต่าง ๆ กรณีเป็นงานด้านโยธาให้เสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฯ (ด้านโครงสร้างพื้นฐาน) พิจารณา และให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำแผนป้องกันโบราณสถานในระยะยาวด้วย รวมทั้งให้กระทรวงวัฒนธรรมประชาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจในความสมบูรณ์ของโบราณสถานให้กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ๑.๔.๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แจ้งว่า การเปิดเทอมเป็นไปตามกำหนดเดิมคือ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะพิจารณาได้ตามความจำเป็น กรณีที่โรงเรียนใดไม่สามารถเปิดเทอมในวันดังกล่าวได้ ให้แจ้ง สพฐ. ทราบก่อนถึงวันเปิดภาคเรียน ๑ สัปดาห์ ส่วนการสอบ GAT - PAT ให้เลื่อนเป็นวันที่ ๑๙ - ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ทำการสอบภาคเรียนที่ ๑ ให้จัดให้มีการทบทวนบทเรียนให้กับเด็กนักเรียนก่อนทำการสอบต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายของโรงเรียน ครู และเด็กนักเรียนที่ประสบอุทกภัย ส่วนกรณีโรงเรียนที่ยังไม่สามารถจัดทำการสอนได้ให้จัดการสอนที่ศูนย์อพยพ และกรณีการช่วยเหลือด้านการเงินให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยตรงเท่านั้น ๑.๕ แนวทางในการช่วยเหลือในระยะการรอการฟื้นฟูในด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย ๑.๕.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โรงงานต่าง ๆ ผู้ประกอบการ SME ในช่วง ๒ เดือนก่อนน้ำลด ทั้งในส่วนที่เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ทั้งที่อยู่ในและนอกนิคมอุตสาหกรรม มีประกันภัยและไม่มีประกันภัย เช่น การให้ความช่วยเหลือในด้านเครื่องมือ/เครื่องจักร และวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศที่จะทำความช่วยเหลือในลักษณะรัฐต่อรัฐด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์ ๑.๕.๒ ให้กระทรวงแรงงานจัดทำแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาและแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้แรงงานในช่วง ๒ เดือนก่อนน้ำลดให้ครอบคลุมถึงผู้ใช้แรงงานในแต่ละกลุ่ม ทั้งผู้ที่อยู่/ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม แรงงานที่ถูกเลิกจ้างถาวร (เช่น การฝึกอาชีพ) และแรงงานที่ว่างงานชั่วคราว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์ ทั้งนี้ ให้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้แรงงานกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้แนวทางการให้ความช่วยเหลือมีความครบถ้วน ถูกต้อง และไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๑.๕.๓ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาและบูรณะซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ให้กลับมาใช้งานได้ในช่วง ๒ เดือนก่อนน้ำลด ทั้งในส่วนที่เป็นเส้นทางสายหลักและเส้นทางโครงข่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการขนส่งสินค้าและบริการ โดยประสานข้อมูลในการดำเนินการกับกระทรวงพาณิชย์ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์ ๑.๕.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนและแนวทางในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเป็นระบบในช่วง ๒ เดือนก่อนน้ำลด โดยให้ครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น เส้นทางการระบายน้ำ ความต้องการเครื่องมือ/อุปกรณ์ในการสูบน้ำ และกรอบระยะเวลาการระบายน้ำ เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ สัปดาห์ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานประสานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อจัดทำข้อมูลระดับน้ำสูงสุดของแต่ละพื้นที่เพื่อให้ประชาชน และผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่สามารถเข้าใจได้ง่าย และจัดทำพนังกั้นน้ำให้มีความสูงสอดคล้องกับระดับน้ำสูงสุดในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวในเว็บไซต์ของทางราชการ เพื่อให้เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไป ๑.๕.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนและแนวทางในการกำกับดูแลการกระจายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชนให้เพียงพอและทั่วถึง รวมทั้งควบคุมดูแลให้ราคาสินค้ามีความเหมาะสมและเป็นไปตามกลไกตลาด ทั้งนี้ ให้ประสานกับกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมที่จำเป็น เพื่อให้การขนส่งสินค้าต่าง ๆ ไปยังปลายทางมีความสะดวกและรวดเร็ว ๑.๕.๖ มาตรการด้านการเงินและการคลัง รวมทั้งการตั้งเป้าหมายด้านเศรษฐกิจมหภาค ๑.๕.๖.๑ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยหารือกับสมาคมธนาคารไทยในการออกมาตรการทางด้านสังคมในการที่จะพักชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้เท่าเทียมกับธนาคารภาครัฐ ๑.๕.๖.๒ ให้คณะกรรมการฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจจัดทำมาตรการในการฟื้นฟูกิจการต่าง ๆ รวมทั้งผ่อนปรนด้านภาษีในเรื่องเครื่องจักร วัตถุดิบ ทั้งนี้ ให้รวมถึงมาตรการที่จะสามารถใช้ความร่วมมือภาครัฐต่อรัฐกับทางกระทรวงการต่างประเทศด้วย เพื่อให้กา
|
||||||||||||||||||||||||
2474 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายดิฐ อัศวพลังพรหม) | พณ | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [(นายดิฐ อัศวพลังพรหม) ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์)] ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
2475 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในการขนย้ายและจัดหาสถานที่จัดเก็บเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ | นร | 18/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม และมีความจำเป็นต้องขนย้ายเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปเก็บยังสถานที่ปลอดภัย โดยให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการทั้งในด้านการขนส่ง และการจัดหาสถานที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขนย้ายและจัดหาสถานที่เก็บเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในเบื้องต้นอาจใช้กลไกและเครื่องมือของรัฐในการดำเนินการก่อน เช่น กระทรวงกลาโหมในการขอใช้ยานพาหนะ เป็นต้น และหากมีความจำเป็นก็อาจจ้างภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ หรือบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาร่วมดำเนินการ ส่วนการจัดหาสถานที่อาจพิจารณาขอใช้โกดังเก็บสินค้า (cargo) ของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการจัดหาสถานที่เช่าของภาคเอกชนเพื่อให้เพียงพอกับปริมาณความต้องการต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
2476 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๗ คน และผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๗ คน เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ๑.๑ นายสง่า โภคบุตร ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการแลผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๒ นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิกสุธรรม จำกัด ๑.๓ หม่อมหลวงปาณสาร หัสดินทร ข้าราชการบำนาญ สำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๔ นายสมพล ยุติธรรม ข้าราชการบำนาญ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๕ คุณหญิงภัทราภา อิศรเสนา ณ อยุธยา ข้าราชการบำนาญ สำนักราชเลขาธิการ ๑.๖ นายปรีชา รณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๗ นายจิรายุ ศวิตชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศวิตชาต จำกัด ๒. ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น ประกอบด้วย ๒.๑ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ สมาชิกสภาสถาปนิก ๒.๒ นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒.๓ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเทค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ๒.๔ นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ๒.๕ นายอดุลย์ ตั้งศัตยาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักกฎหมาย วี เค แอสโซซิเอท จำกัด ๒.๖ นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด (มหาชน) ๒.๗ นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||
2477 | การอนุวัติพิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้าและพิธีสารที่เกี่ยวข้อง และร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรู | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรู สำหรับการขยายการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - เปรู ครอบคลุมการเปิดเสรีการค้าสินค้าส่วนที่เหลือ การค้าบริการ และการลงทุน และนำเสนอร่างกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ นำเสนอพิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า และพิธีสารเพิ่มเติมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า รวม ๒ ฉบับ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้มีการลงนามร่วมกับฝ่ายเปรู และได้มีการลงนามแล้ว เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๓ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ตามข้อ ๑.๒ แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งฝ่ายเปรูทราบว่าฝ่ายไทยได้ดำเนินการเสร็จสิ้นตามกระบวนการภายในแล้ว เพื่อให้พิธีสารดังกล่าว และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า และพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า มีผลใช้บังคับในคราวเดียวกันต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแก้ไขแนวนโยบายของรัฐบาลที่อ้างอิงในร่างกรอบการเจรจาฯ ให้เป็นปัจจุบัน แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอรัฐสภาต่อไป ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ไปพิจารณาทบทวนบทบาท อำนาจหน้าที่ และความจำเป็นของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๖ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2478 | เอกสารด้านเศรษฐกิจภายใต้กรอบงานภายในอาเซียนและกรอบอาเซียนกับประเทศ คู่เจรจาที่มีกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จในวาระการประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 19 | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการข้อสงวนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (Reservation List under ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) และแนวทางการเปิดเสรีรายการสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยเขตการลงทุนอาเซียน (Framework Agreement on the ASEAN Investment Area 1998 : AIA) ๑.๑.๑ เห็นชอบรายการข้อสงวนของไทยภายใต้ความตกลง ACIA จำนวน ๒๕ รายการ และแนวทางการเปิดเสรีรายการข้อสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลง AIA เป็นการเปิดเสรีในส่วนของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ การเพาะเลี้ยงทูน่าในกระชังน้ำลึก การเพาะเลี้ยงกุ้งมังกร และการเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช (เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่) และนำเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๑.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งรายการข้อสงวนภายใต้ความตกลง ACIA และแนวทางการเปิดเสรีรายการข้อสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลง AIA ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามข้อ ๑.๑.๑ แล้ว ๑.๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารสำหรับความตกลง ACIA และแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้ความตกลงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๑.๒ พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลี (Second Protocol to Amend the Agreement on Trade in Goods under the Framework Agreement on Comprehensive Economic Cooperation among the Governments of the Member Countries of the Association of Southeast Asian Nations and the Republic of Korea) ๑.๒.๑ เห็นชอบพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ เป็นการกำหนดวิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจนสำหรับการโอนย้ายสินค้า และการดำเนินการเร่งลดภาษี แบบภาคีฝ่ายเดียว แบบภาคีสองฝ่ายหรือมากกว่าสองฝ่าย และแบบภาคีทุกฝ่าย ๑.๒.๒ นำเสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๑.๒.๓ อนุมัติการลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารดังกล่าว ให้ผู้ลงนามใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ จะมีการลงนามเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ แล้ว ๑.๒.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ ๑.๒.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งประเทศภาคีอื่น ๆ ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขรายการข้อสงวนฯ รายการที่ ๑๙ เนื่องจากยังมีความไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ไม่เกินอัตราร้อยละ ๔๙ ของเนื้อที่ห้องชุดทั้งหมดในแต่ละอาคารชุดในขณะที่ขอจดทะเบียนอาคารชุดนั้น และสำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับพื้นที่ทั้งหมดที่กำหนดว่าไม่เกิน ๕ ไร่ นั้น ปัจจุบันไม่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายแล้ว เห็นควรดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอความเห็นเพิ่มเติม แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเสียก่อน |
||||||||||||||||||||||||
2479 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายบุญนริศร์ สุวรรณพูล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุน ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ แทนตำแหน่งที่ว่างลง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
2480 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์) | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๑ ราย คือ นายภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
.....