ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 127 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2521 - 2540 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2521 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | พณ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพิรมล เจริญเผ่า ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
2522 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รับเรื่อง โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้ง ๒ โครงการ ให้เหมาะสม มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร และโดยที่เป็นกรณีจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ จึงให้นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องข้างต้นอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อมีมติในเรื่องดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2523 | การชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี 2552/53 | พณ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้ามาช่วยรัฐบาลในการรับซื้อข้าวในช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓ ได้รับการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อไป ระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันกู้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการแต่ไม่สามารถส่งรายชื่อได้ทัน หากพิสูจน์ได้ว่าดำเนินการตามเงื่อนไขของโครงการอย่างถูกต้อง ก็เห็นควรให้รับการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเสริมสภาพคล่องฯ ได้ ทั้งนี้ ควรมีการตรวจสอบที่รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นคุณสมบัติของผู้ประกอบการและหลักฐานการกู้เงินและการซื้อขายข้าวจริง สำหรับสหกรณ์ที่ทำธุรกิจซื้อขายและมีการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๔๖ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรยื่นขอชดเชยดอกเบี้ย เห็นควรให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ โดยจะต้องมีหนังสือจากสหกรณ์การเกษตรรับรองการรายงานการตรวจสอบการซื้อข้าวจากเกษตรกรในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒ ถึงเมษายน ๒๕๕๓ และมีหลักฐานอื่น ๆ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายอื่น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินชดเชยดอกเบี้ยที่จะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อีกจำนวน ๒๒๔.๕๘๗ ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2524 | แต่งตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า แทนตำแหน่งที่ว่าง | พณ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมนตรี ปรีมาโนช เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
2525 | ขออนุมัติงบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน | พณ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชนระยะเวลา ๓ เดือน ในช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม ๒๕๕๔ โดยคัดเลือกผู้ผลิตสินค้า เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน (OTOP) ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย (SEMs) นำสินค้าที่มีคุณภาพมาจำหน่ายโดยตรงให้แก่ผู้บริโภคในราคาลดพิเศษ โดยกำหนดกลุ่มสินค้าเป้าหมาย ๔ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าคนจน เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย เนื้อสัตว์ น้ำปลา เป็นต้น กลุ่มสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แชมพู เป็นต้น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอื่น ๆ เช่น อาหารสำเร็จรูป เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น และกลุ่มสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่น เช่น ผัก ผลไม้ สินค้า OTOP เป็นต้น โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตัดรายการค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดงานจำหน่ายสินค้าออก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ดำเนินการควรพิจารณาให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน เช่น พื้นที่ที่ประสบภัยธรรมชาติ และควรคำนึงถึงความสะดวกในการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายเพื่อมิให้เป็นภาระต่อผู้มีรายได้น้อย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดงานดังกล่าวอนุมัติให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๖๙,๔๒๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
2526 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเกี่ยวกับการขึ้นราคาค่าเช่านาของผู้ให้เช่าอย่างไม่เป็นธรรม | กษ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๑) และเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามผลการหารือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญของกฎหมายที่ควรปรับปรุง ได้แก่ เรื่องระยะเวลาการเช่าที่นา การบอกเลิกการเช่านา ข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายที่นาของผู้ให้เช่า โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก.) ตำบล และจังหวัด หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าเช่า และปัญหาอื่น ๆ เช่น การเช่าชั่วคราว การเช่าช่วงนา สิทธิหน้าที่ของผู้รับโอน เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นผู้รับขึ้นทะเบียนและออกหนังสือรับรองเกษตรกรจะต้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ให้เหมาะสมต่อไป ส่วนการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดและยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นคณะทำงานด้วย และควรมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับและการบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2527 | โครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รับเรื่อง โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้ง ๒ โครงการ ให้เหมาะสม มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร และโดยที่เป็นกรณีจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ จึงให้นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องข้างต้นอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อมีมติในเรื่องดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2528 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง แนวทางการปฏิรูปประเทศไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง | สสป | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ด้านการปฏิรูปด้านสังคม เช่น การปฏิรูปการศึกษา ควรนำปรัชญาการศึกษาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรัชญาการศึกษาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และพุทธปรัชญาการศึกษา หรือการศึกษาตามแนวพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ควรส่งเสริมให้คนไทยได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาทางเลือก ให้เป็นการศึกษาตลอดชีวิต และควรให้การศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย และการศึกษาจะต้องสร้างความเป็นพลเมืองดี (Good Citizen) การปฏิรูปค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ควรปฏิบัติตามยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ควรปฏิรูปองค์กรด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิของให้เป็นองค์กรอิสระ เลือกคนดี คนเก่งเข้ามาทำงาน การปฏิวัติจิตสำนึก ปฏิวัติศีลธรรม ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วมได้มากกว่าเพียงการเลือกตั้ง เป็นต้น ๒. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นด้วยกับข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ เนื่องจากเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ ๒ แผนปฏิรูปประเทศไทย “เพื่ออนาคตคนไทยที่เท่าเทียมและเป็นธรรม” ด้านการสร้างอนาคตของชาติด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน และนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายการลงทุนสาขาศึกษาที่อยู่ภายในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
2529 | การเช่าพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด และการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดระหว่างดำเนินการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด | พณ | 26/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ใช้พื้นที่ป่าไม้ถาวร จำนวน ๕,๖๐๓ ไร่ ๕๖ ตารางวา ระหว่างตำบลแม่ปะ - ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดในระหว่างดำเนินการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ต้องมีการพิจารณาและดำเนินการด้านต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องในองค์รวมไปพร้อมกันโดยเฉพาะพื้นที่ในบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อนเนื่องจากปัญหาเขตแดนและปัญหาข้ามพรมแดนอื่น ๆ ต้องมีการวางมาตรการในการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านด้วยความรอบคอบ และควรพิจารณาในประเด็นสำคัญที่ว่า พื้นที่ฝั่งตรงข้ามของพม่าที่ไทยจะเพิ่มมูลค่าการค้าขายและลงทุนระหว่างกันมีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเปิดกว้างสำหรับไทยหรือไม่ พร้อมทั้งมีมาตรการรองรับการลักลอบหลบหนีเข้ามาหางานทำของแรงงานต่างด้าวพม่า นอกจากนี้ เงื่อนไขระยะเวลาการเช่าพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดจะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งการดำเนินการเปลี่ยนคู่สัญญาจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจแม่สอดภายหลังจากมีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจแม่สอดเรียบร้อยแล้ว ต้องคำนึงถึงข้อตกลงและเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญาที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้การเปลี่ยนคู่สัญญาเป็นไปอย่างเรียบร้อย เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2530 | การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันพืชปาล์มกรณีการผลิต 40,000 ตันต่อเดือน | พณ | 26/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับแก้ไขมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามข้อ ๑.๑(๖) จาก “รัฐชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มชนิดบรรจุขวด ๑ ลิตร (๔๗.๐๐ บาทต่อลิตร) กับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน และให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในจำนวนที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ ตามเงื่อนไขข้อ ๑.๑(๔)” เป็น “รัฐชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท ทั้งชนิดบรรจุขวด ถุง และปี๊บ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน และให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในจำนวนที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบตามเงื่อนไข ข้อ ๑.๑(๔)” ๒. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้กรมการค้าภายใน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการจ่ายชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาททั้งชนิดบรรจุขวด ถุง และปี๊บ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน หรือคิดเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ประมาณ ๒๖ ล้านลิตรต่อเดือน วงเงินรวม ๑๓๙.๖๒ ล้านบาท (น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ๒๖ ล้านลิตรต่อเดือน x ๓ เดือน x ๑.๗๙ บาทต่อลิตร) โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ เมื่อกระทรวงพาณิชย์ขอตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณแล้ว ให้ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก
|
|||||||||||||||||||||
2531 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร | นร | 26/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ปุ๋ยเคมี และสามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวนาปี จากการใช้ปุ๋ยเคมีประมาณร้อยละ ๒๐ ของต้นทุนปุ๋ยทั้งหมด โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยตามศักยภาพของชุดดินและผลการวิเคราะห์ดินที่เป็นปัจจุบัน และการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกรณ์ จาติกวณิชย์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายธีระ วงศ์สมุทร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย) เป็นที่ปรึกษา โดยมีนายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมให้เพิ่มนายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินโครงการฯ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2532 | รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทยต่อคณะรัฐมนตรี | พณ | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำรายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลในรอบ ๙๙ ปี เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มการจดทะเบียนก่อตั้งธุรกิจ และการลงทุน โดยมีข้อมูล ดังนี้ ๑.๑ รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคล ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๕ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๑.๑ ในระยะเริ่มแรก [๓๐ ปีแรกของการจดทะเบียนในประเทศไทย (พ.ศ. ๒๔๕๕ - ๒๔๘๔)] มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๑,๕๓๗ ราย ทุนจดทะเบียน ๒๑,๗๖๔ ล้านบาท ๑.๑.๒ ใน ๔๐ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๕๒๔) มีการก่อตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๑๐๖,๓๙๐ ราย ทุนจดทะเบียน ๑,๑๒๗,๙๖๗ ล้านบาท ๑.๑.๓ ใน ๒๐ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๔๔) ธุรกิจการค้าขยายตัวมากขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๔๘๓,๓๓๒ ราย ทุนจดทะเบียน ๗,๔๖๘,๖๓๔ ล้านบาท ๑.๑.๔ ใน ๑๐ ปีที่ผ่านมา นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (ยุคเริ่มต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า) มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๔๐๙,๗๗๕ ราย ทุนจดทะเบียน ๓,๕๔๘,๑๑๑ ล้านบาท ๑.๑.๕ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หลังจากการปรับปรุงบริการด้านต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีการจดทะเบียนนิติบุคคล ๕๐,๗๗๖ ราย ทุนจดทะเบียน ๒๖๙,๒๘๔ ล้านบาท ๑.๑.๖ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มีนิติบุคคลจดทะเบียนครบ ๑ ล้านราย ประกอบด้วย รายที่ ๙๙๙,๙๙๙๙ บริษัท เวลเนส ปาร์ค เรสซิเด้นท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รายที่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บริษัท บ้านหลักเขตต์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายที่ ๑,๐๐๐,๐๐๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.บี.ซี.เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย ทุนจดทะเบียน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ รายงานการจดทะเบียนนิติบุคคลทั่วประเทศในปีพ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ข้อมูลนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ นิติบุคคลที่เพิ่มทุน นิติบุคคลที่ลดทุน และนิติบุคคลที่เลิกกิจการ ซึ่งได้จำแนกข้อมูลตามจำนวนรายและทุนของนิติบุคคล และทำการเปรียบเทียบกับข้อมูลของช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒) การจัดอันดับประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ เพิ่มทุน ลดทุน และเลิกกิจการ ๕ อันดับสูงสุด มูลค่าการลงทุนจากต่างชาติ ธุรกิจเด่น และนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ให้ความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่กระทรวงพาณิชย์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้วิเคราะห์และตัดสินใจในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2533 | แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2554 (ครั้งที่ 11) | นร | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ [เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๑)] ในส่วนของข้อ ๒ เป็นดังนี้ “เห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนการผลิตให้แก่สมาชิกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มที่ผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์จากน้ำมันปาล์มดิบแยกไขนำเข้า ๓๐,๐๐๐ ตัน ในอัตราชดเชยลิตรละ ๓.๒๐ บาท เป็นเงิน ๗๒.๓๒ ล้านบาท และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ๑๕,๐๐๐ ตัน จำนวน ๙.๗ ล้านลิตร อัตราชดเชยลิตรละ ๙.๕๐ บาท บนพื้นฐานราคาน้ำมันปาล์มดิบ ๔๔.๗๕ บาทต่อกิโลกรัม เป็นเงิน ๙๒.๑๕ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินชดเชยทั้งหมดจำนวน ๑๖๔.๔๗ ล้านบาท” ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอตกลงในรายละเอียดของค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๑) เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ได้มีมติเห็นชอบให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในราคากิโลกรัมละ ๓๖.๒๘ บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ โดยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มอัตราน้ำมันร้อยละ ๑๗ ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๖ บาท ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน และรัฐชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มชนิดบรรจุขวด ถุง และปี๊บกับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท (ไม่รวมภาคอุตสาหกรรม) และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติรับไปขอตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการชดเชยกับสำนักงบประมาณ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
2534 | ปัญหาราคาไข่ไก่ | นร | 20/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ราคาไข่ไก่ในปัจจุบันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเกิดจากผลผลิตไข่ไก่มีจำนวนลดลงเนื่องจากสภาพอากาศร้อนและแปรปรวน ทำให้แม่ไก่ออกไข่น้อยลง ประกอบกับราคาอาหารไก่ไข่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ไข่ไก่ปรับราคาสูงขึ้นด้วย จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นเจ้าภาพรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
2535 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 | นร | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กศส. เสนอ โดยที่ประชุม กศส. ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบกรอบการกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยและการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในลักษณะที่เป็นกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจ (Creative Cluster) ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หารือและประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ชัดเจน รวมทั้งกำหนดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๒ แนวคิดสร้างสรรค์ทุนวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว ที่ประชุม กศส. มีมติเห็นชอบแนวคิดดังกล่าวตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับกรอบแนวคิดนี้ รวมทั้งความเห็นของ กศส. ไปร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการที่มีการบูรณาการอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถแปลงกรอบแนวคิดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแนวนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เสนอ ๑.๓ แนวทางการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) ในรูปแบบองค์การมหาชน ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. ศึกษาวิเคราะห์เพื่อหารูปแบบและแนวทางที่เหมาะสมในการจัดองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ มีบูรณาการ และไม่ซ้ำซ้อนกันในบทบาทหน้าที่ เพื่อนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๔ แนวทางการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในรูปแบบ Public Service Obligation (PSO) ที่ประชุม กศส. มีมติให้ สศช. วิเคราะห์แหล่งเงินทุนและระบบการให้เงินกู้ยืมแก่ภาคธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเสนอรูปแบบการปรับปรุงระบบการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจสร้างสรรค์ที่เหมาะสมและนำเสนอต่อ กศส. ต่อไป ๑.๕ ผลการศึกษาโครงการความร่วมมือระหว่าง สศช. และ UNDP เรื่อง Thailand’s National Strategy on Creative Economy ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบผลการศึกษาฯ ตามที่ สศช. เสนอ และให้นำข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาฯ ไปประกอบการจัดทำแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อไป ๑.๖ การดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ (Thai-US Creative Partnership) ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบและให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย - สหรัฐฯ ต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทราบและประสานกระทรวงพาณิชย์เพื่อนำผลการดำเนินงานไปผนวกกับกรอบความร่วมมืออาเซียนและญี่ปุ่น ๑.๗ รายงานผลความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ที่ประชุม กศส. มีมติรับทราบรายงานความเป็นมาและความก้าวหน้าโครงการ Creative ASEAN ตามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเสนอ ๒. สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการบริหารจัดการ สศส. วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สศส.) ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อน ๓. ให้ สศช. ไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ให้มีการระบุถึงนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
2536 | การช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย (เพิ่มเติม) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ครั้งที่ ๓ ระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๓ มีผู้ยื่นคำขอกู้ จำนวน ๑,๔๑๖ ราย วงเงิน ๔,๓๐๘.๑๘ ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) อนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ที่ยื่นคำขอกู้ จำนวน ๑,๐๓๐ ราย วงเงิน ๒,๙๗๙.๓๗ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินกู้แล้ว จำนวน ๖๗๕ ราย วงเงิน ๑,๙๘๘.๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติวงเงินสินเชื่อ (เพิ่มเติม) จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ และเพื่อเป็นเงินลงทุน และเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง รวมทั้งผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยหลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่น ๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยเพิ่มเติม ได้แก่ นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอ็สเอ็มอีไทย นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย และนายกสมาคมการขายตรงไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. การชดเชยในกรณีต่าง ๆ ให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๕. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เสนอเพิ่มเติม ๖. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสถาบันการเงิน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2537 | ความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า - รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กฟผ., ปตท., บ. การบินไทยฯ, บขส., กสท., บ. ที โอ ทีฯ, ปณท., อสมท., องค์การเภสัชฯ, บ. ไทยออยล์ฯ, บ. บางจากปิโตรเลียมฯ, บ. ไออาร์พีซีฯ, บ. เอสโซ่ฯ และ บ. เชลล์ฯ, บ. ทรูฯ, บ. ทีทีแอนด์ทีฯ, บ. แอ๊ดวานซ์ฯ, บ. การบินกรุงเทพฯ, ธ. กรุงเทพฯ, ธ. กสิกรไทยฯ, ธ. ไทยพาณิชย์ฯ, ธุรกิจการสื่อสารฯ, ธุรกิจการบิน, ธุรกิจพลังงาน | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า เพื่อพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการทางกฎหมาย โดยสนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ได้แก่ ๑.๑ การกำหนดขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ๑.๒ พิจารณาทบทวนที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ๑.๓ บทกำหนดโทษ ๒. มาตรการคู่ขนาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายว่าด้วยธุรกิจพลังงานในลำดับต่อไป ๒.๒ พิจารณาสนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดให้เชื่อมโยงกับประเด็นการปฏิรูปประเทศไทยคู่ขนานไปพร้อมกัน ๒.๓ พิจารณาแก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกรรมการในบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทำให้เกิดผลประโยชน์ขัดแย้งส่วนตัวหรือขององค์กรกับผลประโยชน์สาธารณะ |
|||||||||||||||||||||
2538 | การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า (นายจีรศักดิ์ พงษ์พิษณุพิจิตร์) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการกองนิติการ กรมการค้าภายใน เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นอีก ๙ คน รวมกรรมการทั้งสิ้น ๑๑ คน มีอำนาจหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ข้อจำกัด ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และอำนาจหน้าที่อื่นอีก ๔ ประการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
2539 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 84) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... (ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอาวุธต่อสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่กำหนดให้สินค้าอาวุธทุกประเภท ยานพาหนะทหาร อุปกรณ์เกี่ยวกับทหารและอะไหล่ที่เกี่ยวข้องทุกชนิดที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน เป็นสินค้าต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2540 | รายงานการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ (Pan - Beibu Gulf Economic Cooperation : PBG) โดยคณะผู้เชี่ยวชาญ (Joint Expert Group : JEG) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิก สำนักเลขาธิการอาเซียน และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือฯ และได้จัดทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างมณฑลและเขตปกครองตนเองของจีนรอบอ่าวเป่ยปู้ (กวางสี กวางตุ้ง และไหหลำ) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การจัดทำความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ระบบขนส่งทางทะเลและชายฝั่ง กระตุ้นการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม แรงงาน ทรัพยากรทางทะเล พัฒนาอุตสาหกรรมชายฝั่ง และกระตุ้นการพัฒนาเมืองชายฝั่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเครือข่ายโลจิสติกส์ระหว่างกัน เพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือฯ ควรใช้แนวทางความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) เป็นต้นแบบ ๒. สาขาความร่วมมือที่ประเทศสมาชิกควรให้ความสนใจในลำดับแรก ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานพาณิชยนาวีและโลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การเกษตร การท่องเที่ยว การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพและความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ๓. ในการผลักดันความร่วมมือภายใต้ PBG คณะผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศจัดทำแผนยุทธศาสตร์สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ PBG จัดตั้งกลไกประสานงานเพิ่มช่องทางสนับสนุนทางการเงิน จัดลำดับความสำคัญของโครงการความร่วมมือ ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ
|
.....