ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 125 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 2481 - 2500 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2481 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | กษ | 04/10/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินสำรองให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านตัน ในวงเงิน ๓,๘๑๘.๘๑๘ ล้านบาท ไปก่อนจนกว่าจะได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณชดใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตรา FDR + ๑ ให้แก่ ธ.ก.ส. ให้ครบถ้วน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้มีการตรวจสอบและสอบทานข้อมูลให้ถูกต้องและไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเนื่องจากนาข้าวประสบอุทกภัยไปแล้ว โดยสอบทานข้อทูลและปรับให้เป็นปัจจุบันทุก ๆ ๗ วัน ๒.๒ หน่วยงานที่ควบคุมดูแลการเก็บรักษาข้าว เช่น อ.ต.ก. และ อคส. ต้องจัดทำบัญชีควบคุมจำนวนข้าว (Stock Cards) รวมทั้งจำนวนข้าวที่นำเข้าเก็บและที่นำออกไปในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยให้มีการตรวจสอบสต็อกทุก ๆ เดือน ตลอดจนให้มีผู้ตรวจสอบบัญชีในภาพรวมของการดำเนินโครงการของแต่ละหน่วยงานด้วย
|
||||||||||||||||||
2482 | การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซียและบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซีย และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิได้ทำให้สาระสำคัญของข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้อยู่ในดุลยพินิจของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายที่จะดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ๓. เห็นชอบให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการเจรจาการซื้อขายข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลและข้าวในสต็อกของรัฐบาลกับผู้แทนหน่วยงานของรัฐบาลหรือที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลทุกประเทศ ซึ่งเป็นการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) โดยให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ได้รับความเห็นชอบจากประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ๔. เห็นชอบให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศนำผลการเจรจาต่อรองสุดท้ายในเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ปริมาณ ราคา การชำระเงิน (เงินสดหรือเงินเชื่อ) การส่งมอบ (ณ หน้าคลังสินค้าท่าเรือผู้ขายหรือท่าเรือผู้ซื้อ) และค่าประกันภัยสินค้า เป็นต้น เสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายในนามของรัฐบาลไทย |
||||||||||||||||||
2483 | การจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียน+3 (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve: APTERR) | กษ | 04/10/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติร่างความตกลงการจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียน+๓ (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve : APTERR) ฉบับที่แก้ไข และให้ดำเนินการต่อไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ [การจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียน+๓ (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve : APTERR)] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามความตกลง APTERR เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry Plus Three (AMAF + 3) ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ๑.๒ อนุมัติการให้สัตยาบันและหลังจากที่ได้ลงนามความตกลง APTERR แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร และยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียนเพื่อเก็บรักษา ตามข้อ ๑๐ ของร่างความตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามความตกลง APTERR ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความตกลงที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักพิจารณาให้การดำเนินกิจกรรมใด ๆ ภายใต้ APTERR ไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าข้าวปกติของประเทศไทยทั้งในด้านปริมาณและราคา รวมทั้งไม่ทำให้กลไกตลาดข้าวในภูมิภาคบิดเบือน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
2484 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก 2546/47 | กษ | 27/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายเวลาการชำระหนี้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก ๒๕๔๖/๔๗ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้กับลูกหนี้โครงการฯ จำนวน ๙ แห่ง เป็นเงินจำนวน ๑,๔๒๘,๘๑๔.๖๒ บาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีกับสถาบันเกษตรกร ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก ๒๕๔๖/๔๗ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรจัดให้มีการกำกับติดตามสถานะลูกหนี้โครงการที่ใช้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ และในระหว่างที่ขยายเวลาการชำระหนี้โครงการฯ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินคดีกับสถาบันเกษตรกรแต่ละแห่งให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรรับทราบทุก ๖ เดือน รวมทั้งดำเนินการติดตามเร่งรัดหนี้เงินทุนที่สถาบันเกษตรกรกู้ยืมไปให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการบังคับคดี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2485 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 | รง | 27/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๘ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลือของกรรมการที่แทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ กันยายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
2486 | การใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินสำรองให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๕ ล้านตัน ในวงเงิน ๔,๑๙๕.๓๑๙ ล้านบาท ไปก่อน จนกว่าจะได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณชดใช้คืนต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. ให้ครบถ้วนจากงบประมาณแผ่นดินในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดย อคส. ประสานงานกับ ธ.ก.ส. เพื่อขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เป็นไปด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว กขช. อาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อช่วยพิจารณา กลั่นกรอง ตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของ กขช. ต่อไป จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของ กขช. รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
2487 | งบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณดำเนินการโดยโอนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน ๒๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว เพื่อไปดำเนินการในพื้นที่อื่น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการยกระดับราคาข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงให้เกษตรกร โดยการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๒ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๒ และการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ รชต. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๒] เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||
2488 | การเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2554/55 ที่เก็บเกี่ยวและขายผลผลิตก่อนเริ่มโครงการรับจำนำ และการช่วยค่าเมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกรที่พื้นที่เพาะปลูกเสียหายเกินกว่าร้อยละ 50 | พณ | 27/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด ที่ พณ ๐๔๐๙/๓๒๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ จากเดิม “อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔” เป็น “อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เกษตรกรสามารถได้รับความช่วยเหลือภายใต้โครงการรับจำนำข้าวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ตามผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ พื้นที่และผลผลิตที่เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประมาณการพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวในเดือนสิงหาคม - กันยายน ๒๕๕๔ จะมีพื้นที่เก็บเกี่ยวทั้งหมด จำนวน ๘.๘ ล้านไร่ ผลผลิต ๔.๕๕๔ ล้านตัน (ผลผลิตภาคกลางเฉลี่ยไร่ละ ๕๕๔ กก. และภาคเหนือเฉลี่ยไร่ละ ๔๙๘ กก.) และได้ประมวลพื้นที่ที่ประสบความเสียหายประมาณ ๕.๒๓๒ ล้านไร่ ๒.๒ ให้การเยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน ๒๕๕๔ (ก่อนโครงการรับจำนำข้าวนาปี ๒๕๕๔/๕๕ เริ่ม ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔) ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท เมื่อคูณกับผลผลิตที่ผลิตได้ในช่วงดังกล่าว ๔.๕๕๔ ล้านตัน จะต้องจ่ายเงินเยียวยารวม ๖,๕๔๔ ล้านบาท (๑,๔๓๗ บาท/ตัน x ๔.๕๕๔ ล้านตัน) ๒.๓ เกษตรกรที่พื้นที่เสียหายเกินกว่า ๕๐% ทั้งประเทศประมาณ ๗๐% ของพื้นที่ ๕.๒๓๒ ล้านไร่ (หรือ ๓.๖๖๒ ล้านไร่) ให้ได้รับการช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับที่รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ คือ ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ตามที่เสียหายจริง แต่ไม่เกินรายละ ๑๐ ไร่ ในอัตราไร่ละ ๑๐ กก. หรือเป็นมูลค่าไร่ละ ๑๘๐ บาท ๒.๔ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖๕๙.๑๖ ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เป็นผู้นำไปช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ๓. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด ที่ พณ ๐๔๐๙/๓๒๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ข้อ ๒ บรรทัดที่ ๗ - ๘ ให้ชัดเจน จากเดิม “...เห็นควรให้เยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตไปในช่วงดังกล่าว ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท ...” เป็น “...เห็นควรให้เยียวยาเกษตรกรที่ขายผลผลิตไปในช่วงดังกล่าว รวมทั้งกรณีเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากประสบอุทกภัย ในอัตราตันละ ๑,๔๓๗ บาท ...” ๔. งบประมาณสำหรับการช่วยค่าเมล็ดพันธุ์ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||
2489 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | อก | 20/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย
|
||||||||||||||||||
2490 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่น ในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า | พณ | 13/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (จำนวน ๗ คน ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ. ๒๔๙๘) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้เริ่มวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ยกเว้นกรณีนายประสิทธิ์ บัวรักษ์ ให้เริ่มวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรี พิศาล มุขแจ้ง รองประธานกรรมการ ๓. รองศาสตราจารย์ พันเอก เกรียงชัย ประสงค์สุกาญจน์ กรรมการ ๔. นายประสิทธิ บัวรักษ์ กรรมการ ๕. นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการ ๖. นายณัฐศิลป์ จงสวน กรรมการ ๗. นายพิชัย สนแจ้ง กรรมการ
|
||||||||||||||||||
2491 | การแก้ไขปัญหาและเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัย | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบการลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดกำกับติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการกู้วิกฤตจากสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ ขอให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาลงพื้นที่ต่าง ๆ ได้อีกทางหนึ่ง ตามแต่จะเห็นสมควร ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีแนวโน้มประสบปัญหาอุทกภัยต่อเนื่องยาวนาน และพิจารณาแนวทางการจัดหาพื้นที่อยู่ใหม่ทดแทนให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการซ่อมแซม ก่อสร้าง และจัดทำเส้นทางคมนาคมเข้าออกชุมชนและหมู่บ้านที่มีปัญหาถนนถูกน้ำท่วมสูงและประชาชนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) รับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบโดยด่วน ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เกษตรกรสามารถได้รับความช่วยเหลือภายใต้โครงการรับจำนำข้าวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ๖. ให้กระทวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องการระบายน้ำลงทะเล การควบคุมอัตราความเร็วของกระแสน้ำ การตรวจสอบระดับน้ำและเวลาเปิด - ปิดประตูระบายน้ำ ๗. แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย เพื่อทำหน้าที่ในการบูรณาการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการกำหนดแนวทางการป้องกันและการจัดให้มีระบบเตือนภัยที่รวดเร็ว โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ)เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน ผู้แทนประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการน้ำเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||
2492 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออก (Self - Certification) พ.ศ. .... (การจัดทำระบบการรับรอง ถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนและการเข้าร่วมโครงการนำร่อง) | พณ | 06/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออก (Self - Certification) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ผู้ส่งออกสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยที่ประสงค์จะรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร หรือสิทธิพิเศษอื่นตามความตกลงทางการค้า หรือประเพณีทางการค้าระหว่างประเทศ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับสิทธิรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองต่อกรมการค้าต่างประเทศ ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กรมการค้าต่างประเทศประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2493 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 7 เดือน ปี 2554 (มกราคม - กรกฎาคม) | พณ | 06/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ ๗ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ (มกราคม - กรกฎาคม -๕๕๔) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกในระยะ ๗ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการส่งออก ๑๓๖,๔๙๘.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๗ ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า ๔,๑๑๓,๘๔๒.๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๙ โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๓.๕ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว ยางพารา สินค้าอาหารประเภทอาหารทะเล ผักผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และน้ำตาล รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ มีการส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ ๒๐ ได้แก่ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์ และนาฬิกา เป็นต้น สำหรับตลาดส่งออก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกกลุ่มตลาด โดยตลาดหลักส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๔.๔ ตลาดศักยภาพสูงส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐.๕ และตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๑ ๒. การนำเข้าในระยะ ๗ เดือนของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่าการนำเข้า ๑๓๐,๒๕๔.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๖.๑ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๓. สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๒ สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๑ สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๗ และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๓
|
||||||||||||||||||
2494 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) | พณ | 06/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอุรวี เงารุ่งเรือง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||
2495 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ | พณ | 06/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ขึ้นใหม่ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ และปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||
2496 | การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล | นร | 06/09/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ปัญหาอุทกภัย ๑.๑ ให้รัฐมนตรีทุกท่านลงไปตรวจเยี่ยมและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยอย่างทั่วถึงทุกจังหวัด โดยเฉพาะควรต้องเน้นให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเยียวยาให้ถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งติดตามผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี) เพื่อให้การสนับสนุนการจัดทำตารางวัน เวลาการตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยของรัฐมนตรี และพื้นที่การตรวจเยี่ยมเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน แล้วแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ให้ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงประสานและให้การสนับสนุนข้อมูลกับรัฐมนตรีที่ลงไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่รับผิดชอบด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาเส้นทางของน้ำที่เกิดอุทกภัยจากภาพถ่ายทางอากาศและหาแนวทางป้องกันปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเหนือไหลบ่าโดยด่วน ทั้งนี้ ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ที่จะรองรับน้ำหรือระบายน้ำของแต่ละจังหวัดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจใช้วิธีการเช่าพื้นที่ปล่อยน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนด้วย ๒. ปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการจัดประชุม (work shop) เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพงอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบโดยเร็วต่อไป โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน ต้องกำหนดนโยบาย หลักการที่ชัดเจน และชี้แจงทำความเข้าใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายรับทราบโดยทั่วกันด้วย ๓. ปัญหายาเสพติด ให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาพรวมทั้งระบบ และดำเนินการจัดประชุม (work shop) ร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในระบบราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการโดยไม่เป็นธรรม การซื้อขายตำแหน่ง รวมทั้งกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหารโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อดำเนินการต่อไป ๕. การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) เร่งรัดการดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงกัน แก่ประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||
2497 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์) | พณ | 30/08/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายภูมิ สาระผล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตามลำดับ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้รวมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
2498 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 4 ราย 1. นายสมหวัง อัสราษี ฯลฯ) | พณ | 30/08/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมหวัง อัสราษี ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล) ๓. นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๔. พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล)
|
||||||||||||||||||
2499 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2554 (ครั้งที่ 137) | พน | 30/08/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๗) เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ เรื่อง มาตรการชะลอการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพื่อลดภาระของผู้บริโภค ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักเกณฑ์ให้ชะลอการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล เป็นการชั่วคราว โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานรับไปดำเนินการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรกของรัฐบาล รวมทั้งติดตามความคืบหน้าและผลกระทบจากการดำเนินนโยบายดังกล่าว หลังจากนั้นให้รายงานเสนอ กพช. เพื่อทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป ๑.๒ เห็นชอบในหลักเกณฑ์ให้ชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือให้ผู้ค้าน้ำมัน ของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล ตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่คลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานรับไปดำเนินการกำหนดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๓ เห็นชอบคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๙/๒๕๕๔ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการ ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนที่จะมีประกาศราคาขายปลีกใหม่บังคับใช้ และให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือให้ผู้ค้าน้ำมัน ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรับไปกำกับติดตามการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานให้เหมาะสม โดยให้มีช่องว่าง (gap) ระหว่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน ๙๑ และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้สามารถจูงใจประชาชนเลือกใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นหลัก เนื่องจากการปรับลดราคาน้ำมันข้างต้น เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยพยุงค่าครองชีพของประชาชน โดยรัฐบาลยังคงมีนโยบายส่งเสริมการผลิต การใช้และพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก รวมทั้งส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์อยู่เช่นเดิม ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปประสานงานและขอความร่วมมือผู้ประกอบการด้านต่าง ๆ รวมทั้งพิจารณาดำเนินการโดยใช้กลไกที่มีอยู่ของหน่วยงาน เพื่อให้มีการพิจารณาปรับลดราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ได้ปรับลดลงแล้ว เพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชนผู้บริโภคต่อไป
|
||||||||||||||||||
2500 | การมอบหมายส่วนราชการให้ดำเนินการตามพระราชเสาวนีย์ | นร | 16/08/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
๑. ปัญหาอุทกภัยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนประสบอุทกภัยหลายแห่ง มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับติดตามเพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยด่วน ๒. การดำเนินงานโครงการหลวง และโครงการตามแนวพระราชดำริ เช่น โครงการธนาคารข้าว การจัดตั้งสถานีเกษตรที่สูง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการป่ารักน้ำ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฟาร์มตัวอย่าง และโครงการราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า เป็นต้น มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ติดตาม กำกับดูแล และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ๓. การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทยและการส่งเสริมงานศิลปาชีพ มอบให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์รับไปประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลในทางปฏิบัติและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ รวมทั้งการให้การสนับสนุนส่งเสริมงานศิลปาชีพด้วย ๔. การแก้ไขปัญหายาเสพติด มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) กำกับติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างละมุนละม่อม ๕. ปัญหาเหตุการณ์ไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้บังเกิดความสงบสุขโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ โดยให้นำโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการของหมู่บ้านรอตันบาตู จังหวัดนราธิวาส มาเป็นตัวแบบในการดำเนินการด้วย ๖. โครงการสร้างพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถ คันธารราษฎร์อนุสรณ์ ณ วัดทิพย์สุคนธาราม อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี มอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕
|
.....