ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 252 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี | ทส. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ดังนี้ ๑. การเร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒. การพิจารณาจัดตั้งกลไกในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยให้เป็นรูปธรรม
มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ จัดตั้งกลไกในการดำเนินงาน ได้แก่ ๑) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี
ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง
ๆ ๒) มีหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน
การเกษตร ระบบน้ำ - ไฟฟ้า ชีวิตความเป็นอยู่ ๓) มีหน่วยงานต่าง ๆ
ได้ให้ความช่วยเหลือโดยให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาล
และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ๔) กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจการถือครองที่ดินจัดทำทะเบียนประวัติสถานะบุคคลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ๓. การบูรณาการการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกตามข้อ ๒
นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันใน
๕ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ให้มีคณะทำงานที่มีองค์ประกอบทั้ง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และคณะกรรมการอิสระ ๒) ให้มีการสำรวจที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่บ้านบางกลอยให้แล้วเสร็จ
๓) จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ ๔) ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทดลองใช้ประโยชน์ในพื้นที่
โดยมีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และ ๕) ให้มีการประเมินผลการทดลอง รวมทั้งได้มีคณะทำงานและคณะกรรมการหลายชุด
เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมาโดยตลอดด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | นร.11 สศช | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด
และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
โดยจัดตั้งภาค จำนวน ๖ ภาค (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก
ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน) กลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ กลุ่มจังหวัด
(กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน) และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
เพื่อให้การบริหารงานและพัฒนาเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด
และภาคเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
ตามที่สำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กษ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ กำหนดหลักเกณฑ์การโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ
การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การยกเลิกสิทธิการทำการประมงให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น และกำหนดหลักเกณฑ์การทดแทนเรือประมง
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการทำประมงของชาวประมงในปัจจุบันควบคู่ไปกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง) | กค. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ออกไปอีก ๑ ปีภาษี (สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | การดำเนินงานโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง | สทบ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กำหนด
กรอบวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน การสร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้ให้ครัวเรือนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ลดภาระค่าครองชีพให้กับครัวเรือนสมาชิก
ยกระดับการผลิตโคเนื้อที่มีคุณภาพสูงสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ ส่งเสริมการตลาด
ขยายโอกาสทางการค้า เพิ่มศักยภาพการแข่งขันสร้างความมั่นคงทางอาหาร
และให้สมาชิกเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพการเลี้ยงโคคุณภาพสูงอาชีพ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณารายละเอียดของแนวทางการดำเนินโครงการนี้ในประเด็นต่าง
ๆ ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและหมาะสม (เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย
กรอบวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง
และการกำหนดระยะเวลาที่เกษตรกรจะต้องชำระคืนเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกษตรกรจะคืนทุนจากการเลี้ยงโค
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรมีการวิเคราะห์หาแนวทางบริหารความเสี่ยงในการดำเนินโครงการฯ
จากประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามโครงการโคที่ผ่านมา อาทิ
การสร้างองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีในการเลี้ยงโคเนื้อ
การป้องกันไม่ให้เกิดอุปทานส่วนเกิน และความซ้ำซ้อนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโคที่ผ่านมา
รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกษตรกรทราบถึงรายละเอียดของโครงการฯ
โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่ายที่เกษตรกรต้องรับผิดชอบ ควรมีกระบวนการควบคุมเพื่อปิดประเด็นข้อบกพร่องและจุดอ่อนจากการดำเนินโครงการในอดีต
รวมถึงการพัฒนาเพิ่มองค์ความรู้ให้เกษตรกรที่ชัดเจนและเป็นระบบเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการให้ครอบคลุมถึงปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ การสนับสนุนแหล่งเงินทุน การจัดหาและคัดกรองแม่พันธุ์โค
กระบวนการเพาะเลี้ยงที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนตลาดในการจัดจำหน่าย ควรกำหนดแนวทางควบคุมดูแลประสิทธิภาพการดำเนินโครงการที่ชัดเจน
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงโคเนื้อที่มีคุณภาพสูง
และป้องกันมิให้เกิดปัญหาภาระหนี้สินต่อเกษตรกรในระยะยาว อาทิ กำหนดคุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการที่มีศักยภาพและมีความรู้ความสามารถ
รวมทั้งจัดให้มีกระบวนการพัฒนาทักษะเพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงได้ต่อไป
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 14 ตอน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพิ่มเติม โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 10 ตอน ของกรมทางหลวง | คค. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๔
ตอน วงเงินรวม ๑,๗๔๐,๙๘๘,๒๐๔ บาท ตามปริมาณงานและวงเงินค่างานจริง
ซึ่งไม่เกินกรอบวงเงินที่สำนักงบประมาณได้พิจารณาให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๕ และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จำนวน ๑๐ ตอน ตามนัย ข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุและกรมบัญชีกลาง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น เมื่อกรมทางหลวงได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณแล้ว
กรมทางหลวงจะต้องดำเนินการแก้ไขสัญญาให้เป็นไปตามหลักการของระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๓๖ ให้ถูกต้อง ให้กรมทางหลวงพิจารณาถอดบทเรียนจากกรณีความล่าช้าของการก่อสร้างโครงการฯ
โดยเฉพาะความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินโครงการว่าสอดคล้องกับผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่บริษัทที่ปรึกษาศึกษาไว้หรือไม่
โดยในกรณีที่พบว่าผลการดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ
อันเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของบริษัทที่ปรึกษา ให้กรมทางหลวงรายงานผลการประเมินดังกล่าวให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมกับบริษัทดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | การจัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดทำข้อสงวนเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
(International Convention
for the Protection of all Persons from Enforced
Disappearance : ICPPED) ของกระทรวงยุติธรรม แล้ว
ลงมติเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญา
ซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of
Justice : ICJ) มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น
ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ทุกเรื่อง
เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ
ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๘ ประเด็น โดยในส่วนของประเด็นที่เห็นควรให้แก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย
จาก “นายกรัฐมนตรี” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นั้น ยังมีความเห็นบางส่วนที่เห็นว่า
การให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อให้นโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดผลสัมฤทธิ์
ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
รับทราบคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเป็นการปรับปรุงคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสถานที่ห้ามจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพิ่มอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณาเพื่อการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ
หรือชักจูงใจ กำหนดให้มีการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพแก่ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานศาลยุติธรรม
และผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และความเห็นที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Free Trade Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567)] | ปสส. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
(Free Trade
Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist
Republic of Sri Lanka) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง ขอให้สั่งการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล | ทส. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง
ขอให้สั่งการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ
จังหวัดสตูล โดยได้รวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลในภาพรวมได้
ดังนี้ ๑) สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ
ให้ได้รับการแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นธรรมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการและมีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ๒) กรณีปัญหาการปิดกั้นทางสาธารณะ คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน
จำนวน ๓ คณะ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการตรวจสอบสิทธิในที่ดิน
กระบวนการครอบครองหรือออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน (๒) คณะอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายกรณีข้อพิพาทในที่ดินเกาะหลีเป๊ะ
จังหวัดสตูล และ (๓) คณะอนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ๓) กรณีการจัดการด้านผังเมืองเพื่อพัฒนาพื้นที่
คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อมูลฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เพื่อแก้ไขปัญหา โดยได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการวางผังเมืองและกำหนดเขตวัฒนธรรมวิถีชีวิตชาวเล
และ ๔) การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
เกี่ยวกับปัญหาของชาวเลต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายประมงและกฎหมายอุทยานแห่งชาติ คณะอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายฯ
ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยรับเรื่องร้องทุกข์และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ] | นร.09 | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายเจริญ
เจริญชัย กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๑๐,๙๔๒ คน เป็นผู้เสนอ นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
จำนวน ๙๒,๙๗๘ คน เป็นผู้เสนอ และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร
กับคณะเป็นผู้เสนอ รวม ๓ ฉบับ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... นายเจริญ เจริญชัย กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๑๐,๙๔๒ คน เป็นผู้เสนอ
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๙๒,๙๗๘ คน เป็นผู้เสนอ และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม ๓
ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าว
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล) | ยธ. | 03/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมถอนเรื่องการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล)
คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.02 | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยผลการดำเนินงานของ กปช. มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การสร้างความตระหนักรู้
ความเข้าใจเรื่องสื่อสารที่สำคัญของประเทศและเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม
เสริมสร้างค่านิยมที่ดีในสังคม เช่น การพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG สังคมสูงวัย กับวิถีชีวิตในอนาคต
(๒) การสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยต่อประชาคมโลก เช่น Health
Care ความก้าวหน้าทางการแพทย์ระดับโลก (๓)
การส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการรู้เท่าทันสื่อและข่าวปลอม (Fake News) สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น
การจัดการข่าวปลอมผ่านรูปแบบของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และ (๔)
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศที่เหมาะสมกับยุคดิจิทัล
เช่น การพัฒนาหลักสูตรนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารของภาครัฐ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด ๗๖ จังหวัด ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรพิจารณาในมิติของการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
การรับรู้อย่างเท่าทัน และการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ในกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ถูกต้อง
รวดเร็ว ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันต่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cyber
Crime) ควรพิจารณารูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมให้แก่คนพิการตามประเภทความพิการ
ในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้คนพิการทุกประเภทได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจน
และตรงประเด็น และในประเด็นที่ ๕ การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลควรให้มีการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
ในมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนใช้วัฒนธรรมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง
และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้กับประชาชนในทุกภาคส่วนให้รู้เท่าทันสังคมโลก
และประเด็นที่ ๖ ส่งเสริมค่านิยมที่ดีของไทย
ควรผลิตสื่อส่งเสริมค่านิยมไทยในรูปแบบที่หลากหลาย ทันสมัย และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งภาครัฐควรพัฒนาแอปพลิเคชันทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุ
เพื่อให้ข้อมูลและบริการครบทุกวงจร รวมถึงมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างค่านิยมไทยร่วมสมัยให้ประชาชนตระหนักว่าการประพฤติตนตามคุณธรรมและค่านิยมพื้นฐานเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรเป็นการบังคับ
ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจและแปลกใหม่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | การร่วมรับรองเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | พณ. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
(ASFF) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) โดยร่างเอกสาร ASFF มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการค้าบริการในภูมิภาคและพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของอาเซียน
มีสาระสำคัญ อาทิ การสร้างความเป็นธรรมและการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจบริการของอาเซียน
การส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสด้านกฎระเบียบภายในประเทศ
การส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคบริการ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวและให้กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ควรร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดการขยายผลระบบศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) ให้ครอบคลุมการออกหนังสือรับรองและใบอนุญาตทุกประเภทรวมถึงระบบการชำระค่าธรรมเนียมและการติดตามสถานะผ่านรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
ณ จุดเดียว ตลอดจนพัฒนาพื้นที่การให้บริการให้ทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
อย่างทั่วถึง
ควรส่งเสริมให้มีการทบทวนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการบริหารจัดการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
และเอื้อต่อการทำธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชน
โดยต้องให้ความคุ้มครองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบอย่างเป็นธรรม
และควรคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาความลับทางการค้าอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับภูมิภาค
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | การจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พระราชกำหนด Soft Loan) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๓.๑๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงการคลังดำเนินการยื่นขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อสำนักงบประมาณ
ตามพระราชกำหนด Soft Loan มาตรา ๑๔ วรรคสอง
ที่กำหนดให้ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | สรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล | พน. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(กองทุนฯ) ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก
โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล ซึ่งกระทรวงพลังงานได้พิจารณาข้อเสนอแนะฯ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว มีผลการดำเนินงานในภาพรวม เช่น (๑) การจัดสรรงบประมาณ
เช่น องค์ประกอบของคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน
ควรมีนักวิชาการในแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมพิจารณาจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยกระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานเชิงพื้นที่
เมื่อปี ๒๕๖๔ มีองค์ประกอบ เช่น พลังงานจังหวัด เกษตรจังหวัด
และผู้แทนจากทุกภาคส่วน และหากพื้นที่ใดขาดนักวิชาการในแต่ละสาขาสามารถเชิญบุคลากรจากหน่วยงานอื่นนอกพื้นที่มาร่วมเป็นคณะทำงานฯ
เพิ่มเติมได้ (๒) กรรมสิทธิ์ในการบำรุงรักษา กองทุนฯ
ควรมีตัวอย่างแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาเพื่อให้ทรัพย์สินของโครงการได้รับการดูแลบำรุงรักษาและสามารถใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในระยะยาว
โดยกองทุนฯ จะจัดทำแนวทางและแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาให้แก่ผู้รับเงินสนับสนุน
(๓) การเปิดเผยข้อมูลโครงการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส กองทุนฯ ควรเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนต่อสาธารณะ
โดยกองทุนฯ ชี้แจงว่า จะปรับรูปแบบการแจ้งผลการดำเนินงาน โดยจะแจ้งผลของผู้ที่ผ่านและไม่ผ่านการพิจารณาพร้อมเหตุผลประกอบไปยังสำนักงานพลังงานจังหวัดและหน่วยงานที่ยื่นขอรับการสนับสนุน
รวมทั้งจะประกาศผลการพิจารณาผ่านเว็บไซต์ของกองทุนฯ โดยเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | เอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 6 และร่างแถลงการณ์ระดับสูง (High-Level Statement) | ทส. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๖ “การดำเนินการพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และยั่งยืน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษ” และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level Statement on Plastic
Pollution, including in the Marine Environment และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีฯ
และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level Statement on Plastic
Pollution, including in the Marine Environment โดยร่างปฏิญญาฯ มีเป้าหมายเพื่อรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มลพิษ
และการตัดไม้ทำลายป่า เช่น (๑) มุ่งมั่นที่จะปกป้องชุมชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า และน้ำท่วม (๒) พยายามจัดการกับมลพิษ เช่น การลดมลพิษทางอากาศ
เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด
และร่างแถลงการณ์ฯ มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งของภูมิภาคในการสนับสนุนและส่งเสริมความพยายามระดับโลกในเรื่องมลพิษจากพลาสติก
เช่น
ตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับปรุงและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของพลาสติก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๖ และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level
Statement on Plastic Pollution, including in the Marine Environment ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | การใช้ถ้อยคำและการปฏิบัติให้สอดคล้องกับความแตกต่างทางอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ | นร. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม โดยจะผลักดันให้มีกฎหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ
รวมทั้งส่งเสริมการยอมรับความหลากหลายทางอัตลักษณ์ นั้น
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเสมอภาค โดยไม่แบ่งแยกเพศ
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจหรือดำเนินงานอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
รวมตลอดถึงการเขียนและการใช้ถ้อยคำต่าง ๆ ในงานราชการต่าง ๆ ให้เหมาะสม เป็นกลาง
สอดคล้องกับหลักการของความเสมอภาคและความหลากหลายทางเพศดังกล่าวข้างต้น โดยไม่เลือกปฏิบัติเพราะอคติทางเพศหรือความแตกต่างทางอัตลักษณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 | กก. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติมว่า
โดยที่การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water
Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ๒๕๖๗ เป็นเงินจำนวน ๑๓๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท
ในครั้งนี้รวมถึงรายการค่าสนับสนุนการจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศไทย
จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นรายการเดียวกับที่กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการขอรับจัดสรรงบประมาณในภาพรวม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงขอปรับลดวงเงินที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ในครั้งนี้ (โดยไม่รวมถึงรายการดังกล่าว) ลงเหลือ จำนวน ๑๐๔,๘๗๒,๐๐๐ บาท เท่านั้น
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติม
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๓/๓๓๓๔ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ
กรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ แล้วแต่กรณี
ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) รวมถึงเตรียมความพร้อมและวางแผนดำเนินงานที่รอบคอบรอบด้าน
โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศให้มีเที่ยวบินเพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว
การดูแลความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่จัดงานให้มีความเข้มแข็ง
รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านปัจจัยพื้นฐาน เช่น สุขา ร้านอาหาร
และรถรับส่งนักท่องเที่ยวมายังพื้นที่จัดกิจกรรม เป็นต้น รวมทั้ง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดทุกภูมิภาคมีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม
(Inclusive) กับกลุ่มคนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ที่จะสามารถต่อยอดการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ไปสู่การจัดพื้นที่กิจกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
และเป็นการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ๆ ในพื้นที่
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 20/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยกำหนดให้กรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวกับการจัดประชุมระดับผู้นำประเทศ
หรือระดับรัฐมนตรีขึ้นไปที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และการประชุมที่เกี่ยวข้องทุกระดับ
รวมทั้งการเตรียมการ
การประชาสัมพันธ์หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว
สามารถกระทำได้โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
เพื่อให้การจัดงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมกับการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative for
Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation-BIMSTEC) ครั้งที่
๖ ในปี ๒๕๖๗ และการประชุมอื่น ๆ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|