ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 28 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลยเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร.11 สศช | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) | กค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ตอนที่ ๑ สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ประเภทที่ ๐๑.๐๕ น้ำมันดีเชลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน และประเภทที่ ๐๑.๑๒
น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์น้ำมันดีเชลและน้ำมันเตาที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
และกระทรวงการคลังควรเสนอมาตรการจัดหารายได้เพื่อชดเชยการสูญเสียรายได้ที่เกิดจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น
ๆ ที่คล้ายกันให้มีความชัดเจน หรืออาจทยอยปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า
เพื่อให้ประชาชนและระบบเศรษฐกิจมีการปรับตัวต่อการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและลดแรงกดดันต่อฐานะการคลังของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายนพดล พลเสน และนายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์) | นร.04 | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่ออีกวาระหนึ่ง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ และวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๕
ตามลำดับ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนพดล
พลเสน ๒.
นายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2565 เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2563 | กษ. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.อนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๕
ในวงเงิน ๑,๗๔๗,๙๐๓,๒๐๐ บาท (เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทอุดหนุนทั่วไป)
สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๑๑๘๖๔ ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำกับ ติดตาม การดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส
มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เกิดความยั่งยืน
และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร
ควรจัดทำระบบฐานข้อมูลของเกษตรกรที่ผ่านการรับรองการผลิตข้าวอินทรีย์ (Organic
Thailand) เพื่อติดตาม
ตรวจสอบความต้องการการทำนาข้าวอินทรีย์และตรวจรับรองระบบมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ได้อย่างต่อเนื่อง
ติดตามและประเมินผลโครงการในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพชีวิตเกษตรกร ราคาขาย รายได้
และต้นทุนการผลิตของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินโครงการ
รวมถึงความยั่งยืนของเกษตรกรที่ยังคงเพาะปลูกข้าวอินทรีย์อย่างต่อเนื่องภายหลังสิ้นสุดการดำเนินโครงการ
และเร่งปรับปรุงขั้นตอนในการรับรองพันธุ์ข้าวให้รวดเร็วขึ้น
ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกไปยังต่างประเทศ
และการนำผลผลิตมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงในอนาคต ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | การออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ของทางการเมียนมา ให้แก่แรงงานเมียนมาที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการดำเนินการออกเอกสารรับรองบุคคล
(Certificate of Identity : CI) ของทางการเมียนมา
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยทางการเมียนมาได้เริ่มออกสารรับรองบุคคล
(Certificate of Identity : CI) เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๕
ณ ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) จำนวน ๕ แห่ง ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดระนอง
จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile
Unit) ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดปทุมธานี
โดยมีผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๕-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ทั้งสิ้นจำนวน
๔๐๘,๑๕๕ ราย ๑.๒
พิจารณาให้ความเห็นชอบการออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate
of Identity : CI) ของทางการเมียนมา
ให้แก่แรงงานเมียนมาที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เรื่องการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว เมียนมา และเวียดนาม
เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ดังนี้ ๑.๒.๑
เห็นชอบให้ทางการเมียนมาดำเนินการเปลี่ยนเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI)
ให้แก่แรงงานเมียนมาที่มีเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) ฉบับเดิม โดยให้ดำเนินการได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๑.๒.๒
เห็นชอบการดำเนินการของทางการเมียนมาที่จะเพิ่มการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของแรงงานเมียนมาที่ไม่มีเอกสารประจำตัว
เพื่อพิจารณาออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate
of Identity : CI) ให้แก่แรงงานเมียนมาที่ได้รับอนุญาตทำงานเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่มีเอกสารประจำตัว
โดยให้ดำเนินการได้ไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๑.๒.๓
เห็นชอบสถานที่ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate
of Identity : CI) ในพื้นที่ ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร
จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดระนอง และจังหวัดชลบุรี
รวมถึงหากทางการเมียนมาร้องขอสถานที่ออกเอกสารรับรองบุคคลเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่การออกเอกสารรับรองบุคคล
ให้ทางการเมียนมาที่มีหนังสือร้องขอผ่านช่องทางการทูตและสามารถดำนเนินการได้ไปพลางก่อน
โดยมีระยะเวลาการดำเนินการไม่เกินวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๑.๒.๔ เห็นชอบให้กระทรวงแรงงาน
โดยกรมการจัดหางานร่วมดำเนินการในพื้นที่เดียวกันกับทางการเมียนมา ในพื้นที่ ๔
จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดระนอง
และจังหวัดชลบุรี
ในการพิจารณาอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานเมียนมาที่มาดำเนินการขอมีเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) ณ สถานที่ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | เอกสาร “การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน” | คค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสาร
“การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน”
และให้กระทรวงคมนาคมแจ้งการรับรองให้กระทรวงคมนาคมของสาธารณรัฐสิงคโปร์เพื่อทราบการรับรองเอกสารดังกล่าวของประเทศไทย
โดย เอกสาร “การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน” มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในฟื้นฟูภาคการบินพลเรือนในภูมิภาคอาเซียน
โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูและอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศในมิติต่าง ๆ เช่น
การสนับสนุนการพัฒนาตลาดการบินเดียวอาเซียน
การส่งเสริมขีดความสามารถของผู้ปฏิบัติงานด้านการบินพลเรือน
ซึ่งรวมถึงการยอมรับใบรับรองการฉีดวัคซีนโรคโควิด-๑๙ ของประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 15 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 30 มิถุนายน 2565) | นร.04 | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๖ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๓๐ มิถุนายน
๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๙ ด้าน เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม
และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๘ เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
การยกระดับศักยภาพแรงงาน การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565 และวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565) | ปสส. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ และวันจันทร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๕
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันอังคารที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๕ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๘ กันยายน
๒๕๖๕ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ครั้งที่ 28 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | สสว. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในอัตราไม่เกิน ๑๒,๓๐๙ อัตรา
โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้ ๑)
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง ๓๔๓,๙๖๘
อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๕๙๙ อัตรา ๒) ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๔๗,๓๒๗ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๗๑๐ อัตรา และ ๓)
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน
หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรพิจารณากำหนดกรอบอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษฯ
อย่างเคร่งครัด โดยการทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งควรมีการพิจารณาคัดเลือก และจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | การกู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ 2566 | พน. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft)
ตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม
(Call
Loan) หรือรูปแบบอื่นที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ โดยขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ในกรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้
เพื่อให้เกิดความเหมาะสมตามสภาพคล่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตามสภาวะตลาดการเงินในขณะนั้น
และประโยชน์ในการบริหารจัดการภาระหนี้ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เช่น การกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
การเร่งสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในประเด็นสถานการณ์พลังงาน
การประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือก
และควรเร่งเตรียมความพร้อมสำหรับการระดมทุนในรูปแบบใหม่ ๆ
เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนสำหรับการลงทุนในโครงการ ควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และพิจารณาเบิกเงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยต่อองค์กรในระยะยาว
โดยการดำเนินการกู้เงินดังกล่าวต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
การกู้ยืมเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้องได้รับอนุมัติไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐก่อนการเริ่มดำเนินการด้วย
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาก่อหนี้ตามความจำเป็นที่เกิดขึ้นจากการบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
(Ft) ตามนโยบายรัฐบาล
และประสานกับกระทรวงการคลังในการบริหารจัดการภาระหนี้ให้มีต้นทุนทางการเงินต่ำที่สุด
พร้อมทั้งร่วมกับสำนักงานกำกับกิจการพลังงานพิจารณาแนวทางการชำระคืนตามหลักการวินัยทางการเงินการคลังและมีผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าในอนาคตต่ำที่สุด
ควรคำนึงถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งภาระทางการคลังที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | นร. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายธีระพงษ์
วงศ์ศิวะวิลาศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
(นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (1. นายคงรัฐ ก้อนทอง ฯลฯ จำนวน 12 คน) | กษ. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กันยายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายคงรัฐ ก้อนทอง ผู้แทนเกษตรกร
ภูมิภาคเหนือ ๒. นายณรงค์ศักดิ์ กิจบำรุง ผู้แทนเกษตรกร ภูมิภาคกลาง ๓. นายบุญถม วงศรีเทพ ผู้แทนเกษตรกร ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายไพริน นพภัณฑ์ ผู้แทนเกษตรกร
ภูมิภาคตะวันออก ๕ นายณรงค์ มาลัยทอง ผู้แทนเกษตรกร
ภูมิภาคตะวันตก ๖ นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ผู้แทนเกษตรกร
ภูมิภาคใต้ ๗. นางสาวจรีรัตน์
ฉันทวุฒิพร ผู้แทนนักวิชาการ ด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. นางสาววิมล พรหมทา ผู้แทนนักวิชาการ
ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นางกนกพร ดิษฐกระจันทร์ ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐ นายกฤษฎา บุญชัย ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. รองศาสตราจารย์สุรวิช
วรรณไกรโรจน์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์พืชและขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางฐะปานี อาตมางกูร ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2565 | ศอบต. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการขับเคลื่อนสนามบินเบตงให้เปิดบริการเชิงพาณิชย์
และ (๒) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๕ ๒.
เรื่องการติดตามความก้าวหน้าตามมติ กพต. จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานผลการดำเนินโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง จังหวัดยะลา “Amazean Jungle
Trail” (๒) รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการตำบลมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ภายใต้ระบบ ๑ ข้าราชการ ๑ ครัวเรือนยากจน ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นกรณีเร่งด่วน และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๔) ผลการจัดกิจกรรมมหกรรมการอ่านแห่งชาติ “มหัศจรรย์สร้างสรรค์
และการอ่านเพื่อเด็กปฐมวัยชายแดนใต้” ภูมิภาษา วิถีพหุวัฒนธรรม
นวัตกรรมเพื่อสุขภาวะเด็กปฐมวัย ๓.
เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) ขออนุมัติกรอบแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
หาดใหญ่-สงขลา ระยะ ๖ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒) ขออนุมัติกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้
ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๓) ขอความเห็นชอบกรอบข้อเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565 และวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 256)] | ปสส. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
พ.ศ. .... ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | รายงานประจำปี 2564 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๔ ของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประกอบด้วย ผลการดำเนินงาน แผนการดำเนินงาน รายงานการกำกับดูแลกิจการ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีจราจร พ.ศ. .... | ศย. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ.
.... ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2566 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย | พน. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณ
๕,๐๐๐,๐๐๐
ดอลลาร์สหรัฐ และแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๖ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเร่งรัดการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ต่อคณะรัฐมนตรีตามกรอบระยะเวลาที่ข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนด เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นายทศพล เพ็งส้ม ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | นร.04 | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งเป็นต้นไป
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายทศพล เพ็งส้ม ๒. นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา ๓. นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ๔. นายอภิวัฒน์ ขันทอง ๕. นายชื่นชอบ คงอุดม
|