ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 196 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ OKMD : OKMD National Knowledge Center (Ratchadamnoen Center 1 และ 2) | สบร. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ให้สามารถดำเนินการและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
ตลอดจนการลงทุน ร่วมลงทุนกับหน่วยงานภาคทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
เพื่อนำผลงานการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบกิจการให้เกิดรายได้ในเชิงพาณิชย์
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. .เช่น
ควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทจัดตั้งหรือร่วมทุนดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดต้องดำเนินการตามกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมบุคลากรภายในหน่วยงานและจัดทำแผนการดำเนินงานองค์กรที่มีความชัดเจน
รวมทั้งมีระบบติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินการของหน่วยงานในระยะต่อไปมีประสิทธิภาพและสามารถสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของประเทศต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการต่อต้านการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมประมง กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กษ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | หลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 | ยธ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) เบี้ยประชุมคณะกรรมการ เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมกรรมการ และกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน
ในอัตราประธานกรรมการ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน รองประธานกรรมการ ๙,๐๐๐ บาทต่อเดือน และกรรมการ ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนี้
ให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าประชุม ให้งดจ่าย”
และตัดข้อความ “ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการ
แล้วแต่กรณี” เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการ
ควรปรับอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการเป็น
“อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง
เฉพาะครั้งที่เข้าร่วมประชุมและให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๔ ครั้งต่อเดือน
ในอัตราประธานอนุกรรมการ ๑,๒๕๐ บาทต่อครั้ง รองประธานอนุกรรมการ
๑,๑๒๕ บาทต่อครั้ง และอนุกรรมการ ๑,๐๐๐
บาทต่อครั้ง และ (๓) ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมการ กรรมการ
และอนุกรรมการในคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเป็นค่าพาหนะ
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดตามนัยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. .โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖.ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมคุมประพฤติตามที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้กรมควบคุมประพฤติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อประกอบการพิจารณา
และเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ
และการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ ควรมีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการสนับสนุนการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และไม่ให้เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
และควรมีการทบทวนความคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดการดำเนินภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย.ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณา | มท. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน
๕ มติ ได้แก่ นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การพิจารณาถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อนำไปจัดให้แก่ประชาชน
การควบคุมการจัดที่ดินขอหน่วยงานที่ดำเนินการจัดที่ดิน
การพิจารณากำกับนโนบายที่ดินแห่งชาติ
และการจำแนกที่ดินออกจากป่าไม้ถาวรซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดิน
แต่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมาตรา ๑๐ (๑) และ
(๔) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความครอบครอง
หรือใช้ประโยชน์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
หรือที่ได้อนุญาต/อนุมัติให้เอกชนเข้าทำประโยชน์หรือได้รับสัมปทาน
เมื่อส่วนราชการหน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินเสื่อมสภาพ
หรือหมดอายุการอนุญาต/อนุมัติให้เข้าทำประโยชน์หรือหมดอายุสัมปทานที่ให้แก่เอกชน
แล้วแต่กรณี
สมควรที่หน่วยงานเจ้าของที่ดินดังกล่าวจะได้พิจารณาดำเนินการเพื่อส่งมอบที่ดินนั้น
ๆ ให้แก่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชน
ตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | (ร่าง) นโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศ พ.ศ. 2565-2580 | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม [ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม] | กษ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เหลือในอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับประโยชน์สาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ
ควรเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในระยะยาว
โดยเฉพาะการยกร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ.
.... ทั้งฉบับ รวมถึงพิจารณาแนวทางการลดขั้นตอนหรือระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์
และเตรียมความพร้อมด้านการประสานงานและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กับเกษตรกรและเจ้าของที่ดินสำหรับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ก่อนครบกำหนดตามสัญญา
เพื่อให้กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีส่วนช่วยลดภาระให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | การกําหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนสําหรับโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนิน “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
(Pre Finance และ Post Finance)
สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ออกไปอีก ๑ ปี
(ตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.อนุมัติให้ยกเลิกการดำเนิน
“โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่
๗ จังหวัด ประกอบด้วย (๑) พื้นที่ชลบุรี (๒) พื้นที่เชียงใหม่ (๓) พื้นที่เชียงราย
(๔) พื้นที่ขอนแก่น (๕) พื้นที่ลำปาง (๖) พื้นที่นครพนม และ (๗) พื้นที่อุดรธานี ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น ควรมีกระบวนการคัดกรองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
ปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่มีความจำเป็น และได้รับสิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570 | นร.52 | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามระบบและมีความต่อเนื่อง
ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของโครงการฯ
ให้กลุ่มเป้าหมายทราบอย่างชัดเจน พิจารณาปรับแผนงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๗๐
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมมีความเหมาะสม คุ้มค่า
เป็นไปตามความลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อลดความซ้ำซ้อน
เกิดความเสมอภาค และไม่เป็นภาระงบประมาณเกินจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยและเห็นชอบรายการปรับหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขของมาตรการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับรายละเอียดเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมและอัตราการคืนเงินของเงื่อนไขต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยตรงเป็นลำดับแรก
เช่น การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างแรงงานไทย
และการเพิ่มมูลค่าค่าใช้จ่ายในประเทศ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่โดยตรง
๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
และไม่เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณให้แก่รัฐบาล การดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า
ให้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่ผ่านมา
ทั้งด้านผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม โดยละเอียด
ตั้งแต่ก่อนการถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำ และหลังการถ่ายทำ เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เตรียมความพร้อมและประเมินทิศทางและแนวโน้มการขยายตัวของการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยล่วงหน้าเพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมให้มีความครอบคลุม
โดยเฉพาะการจัดหาแหล่งเงินงบประมาณให้เพียงพอเหมาะสมกับความต้องการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | ร่างจดหมายสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 (The 25th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | ร่างเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 26 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม และพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อทำเหมืองแร่ ของบริษัท รุ่งเรืองผลศิลา จำกัด ที่จังหวัดชัยนาท | อก. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 2/2565 | นร.11 สศช | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570 | สธ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะการดำเนินการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers' Meeting: ALMM) ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 27 และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 12 | รง. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ
เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน
[ASEAN Labour Ministers’ Meeting (ALMM)] ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ ตุลาคม
๒๕๖๕ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประกอบด้วย (๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน [Senior Labour Officials’
Meeting (SLOM)] ครั้งที่ ๑๘ (๒)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนบวกสาม [Senior Labour Officials’
Meeting+3 (SLOM+3) ครั้งที่ ๒๐ (๓) ALMM ครั้งที่
๒๗ และ (๔) การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒ ๑.๒
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของ ALMM
ครั้งที่ ๒๗ และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Labour
Ministers’ Meeting (ALMM+3)] ครั้งที่ ๑๒
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการขับเคลื่อนถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรี
เพื่อตอบสนองต่อการฟื้นฟูด้านแรงงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำงาน การเป็นสถานประกอบการที่ปลอดภัยและมีการคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุม
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารแสดงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนบวกสาม ได้แก่ จีน
ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาฝีมือแรงงาน
และความสามารถในการปรับตัวของแรงงานในอนาคตของงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ และโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศบวกสาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน | อก. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า เนื่องจากไม่มีที่ราชพัสดุในบริเวณใกล้เคียงที่มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับดำเนินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
ประกอบกับผลการสำรวจความต้องการของนักลงทุนพบว่านักลงทุนมีความสนใจที่จะลงทุนในโครงการนี้มากยิ่งขึ้นหากสามารถได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโครงการฯ
ด้วย ดังนั้น
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อดำเนินโครงการนี้ ๒. เห็นชอบการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสำนักทอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ ๑,๔๘๒ ไร่ วงเงิน ๒,๖๖๘ ล้านบาท และการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
พื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เนื้อที่ประมาณ
๖๕๓ ไร่ และที่ดินถนนทางเข้าประมาณ ๒๕ ไร่ วงเงิน ๘๔๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง การะทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งโครงการ
โดยเน้นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความล่าช้าของโครงการ
ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม ในชั้นการออกแบบรายละเอียดเพื่อการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในอนาคตควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงโครงข่ายระบบการขนส่งทางถนนและเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
รวมทั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย
ควรจัดทำแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในภาพรวม
ที่ครอบคลุมไปถึงประเด็นการมีแผนรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |