ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 196 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ว่า เช่น การกำหนดให้ “การเกษตรสร้างมูลค่า”
เป็นเป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อนและเร่งรัดจัดทำแผนพัฒนาภาคการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ซึ่งมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง สำหรับให้ส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ
ควรจัดตั้งให้มีศูนย์ความเป็นเลิศ (Center
of Excellence) สำหรับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด
เพื่อให้เกษตรกรมีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์คุณภาพดี มีความหลากหลาย
และเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
โดยได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agriculture and Innovation Center : AIC)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตร จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยดินแห่งภูมิภาคเอเชีย (CENTER OF EXCELLENCE FOR SOIL
RESEARCH INASIA : CESRA)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางวิชาการด้านดิน
และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทรัพยากรดินอัจฉริยะ (Smart Soil Data Center) เพื่อเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลในระดับประเทศภูมิภาคเอเชียและนานาชาติ
ควรกำหนดให้จังหวัดเป็นเจ้าภาพในการจัดทำแผนงานหรือโครงการส่งเสริมเกษตร
โดยประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อประเมินศักยภาพของชุมชนและกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
เพื่อปรับปรุงระบบงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการ ได้มีการดำเนินการ เช่น
ได้จัดการประชุมชี้แจงการขับเคลื่อน BCG Model ด้านการเกษตรระดับจังหวัดด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
ให้แก่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
โดยนำไปบรรจุอยู่ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด (Project Bank) และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัด/กลุ่มจังหวัดต่อไป
และควรมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนในโครงการ
“การเกษตรสร้างมูลค่า” โดยให้สถาบันการเงินของรัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้แก่เกษตรกร
กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการประมง
เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ขออนุมัติการลงนามใน Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non - Contracting Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก (CCAMLR) ของประเทศไทย | กษ. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามใน
Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non-Contracting
Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
(CCAMLR) ของประเทศไทย และอนุมัติในหลักการโดยก่อนที่จะมีการลงนาม
และให้อธิบดีกรมประมงหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเป็นผู้ลงนามใน Letter of application for cooperating status
โดยเอกสารการลงนามฯ เป็นเอกสารแสดงความจำนงเพื่อขอเป็นประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกแต่ให้ความร่วมมือต่อคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามการอนุรักษ์ ๑๐-๐๕
ที่เป็นมาตรการที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม สำหรับปลาหิมะโดยเฉพาะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสาร Letter of
application for cooperating status
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โอกาสและสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบกิจการประมงจะได้รับจากการเข้าร่วมเป็น
CNCP
และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดกฎระเบียบที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์
๑๐-๐๕ อย่างต่อเนื่องให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ และผู้ประกอบกิจการประมงที่มีการนำเข้าและส่งออกปลาหิมะให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | รายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๖ โดยมีผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑)
การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (มท.) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๗,๐๒๕,๖๗๑ คน (๒) การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๖ หน่วยงาน)
ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา
๙๐๔ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑,๐๒๘,๑๔๗ คน
และ (๓)
การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของโครงการในกิจการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
เช่น โครงการที่ได้รับเงินพระราชทานบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติภาคใต้
การเข้าร่วมประชุมติดตามงานประจำสัปดาห์ร่วมกับโครงการในภารกิจของโครงการในกิจการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม ๑๑ ครั้ง
และลงพื้นที่ติดตามความต่อเนื่องของโครงการจิตอาสาพระราชทาน จำนวน ๘ โครงการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) | พน. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา
(Solar Rooftop)
ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสนับสนุนการดำเนินโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเพื่อบรรเทาและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน
โดยใช้วิธีการส่งไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการใช้ระบบผลิตไฟฟ้า Solar Rooftop เพื่อหักลบจากหน่วยไฟฟ้าที่ประชาชนใช้ไฟฟ้าในเดือนถัดไป สรุปได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวยังไม่สามารถปฏิบัติได้
ดังนี้ (๑) การดำเนินธุรกรรมซื้อขายไฟฟ้า (ระหว่างประชาชนและการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย)
ยังไม่มีระเบียบและข้อกฎหมายรองรับวิธีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากผลต่างของแต่ละธุรกรรมที่เกิดขึ้น
(๒) การผลิตไฟฟ้าไหลย้อนกลับเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าทำให้แรงดันไฟฟ้าไม่สมดุลเนื่องจากพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์มีความผันผวนและไม่แน่นอน
ซึ่งส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบเสียหาย ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานลดลง (๓)
ต้นทุนของหน่วยไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และหน่วยไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้ามีความแตกต่างกัน
และ (๔) ระบบไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้ามีความมั่นคงกว่าไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 56 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ
และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร
จำนวน ๑๒ ฉบับ และเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสาร จำนวน ๓ ฉบับ โดยร่างเอกสารที่จะร่วมรับรองทั้ง
๑๒ ฉบับ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาในการส่งเสริมความร่วมมือและต่อยอดในการดำเนินงานในด้านต่าง
ๆ ส่วนร่างเอกสารที่จะมีการลงนามทั้ง ๓ ฉบับ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศจะลงนามเพื่อให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญา
TAC กับเม็กซิโก ปานามา
และซาอุดีอาระเบีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวิเคราะห์ ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานตามความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์) | ทส. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมหมาย
ลักขณานุรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - ตุรกี ครั้งที่ 4 และกิจกรรมคู่ขนาน | กต. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี
ครั้งที่ ๔ และกิจกรรมคู่ขนาน ณ กรุงอังการา ตุรกี
โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีตุรกี (นายมุสตาฟา วารังก์)
เป็นประธานร่วม
และพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก
โดยมีผลการประชุมฯ เช่น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายเป้าหมายทางการค้าให้ได้ ๒,๐๐๐
ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านการเร่งสรุปความตกลงการค้าเสรี (Joint Trade Committee
: JTC) ไทย-ตุรกี ครั้งที่ ๑ และ (๒)
ฝ่ายไทยได้เชิญชวนฝ่ายตุรกีมาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความของกระทรวงอุตสาหกรรม
โดยในส่วนที่เป็นคำแปลภาษาไทยขอเสนอปรับแก้ถ้อยคำแปลภาษาไทยให้มีความถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ได้แก่ คำว่า “ด้านการกำหนดมาตรฐาน” เป็น “ด้านการมาตรฐาน” และคำว่า
“การประเมินความสอดคล้อง” เป็น “การตรวจสอบรับรอง” ดังนี้
“ทบทวนบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกับสถาบันมาตรฐานตุรกี
เพื่อขยายความร่วมมือด้านการมาตรฐาน การตรวจสอบรับรอง ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | นร.11 สศช | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงเทพมหานคร
โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
เข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานร่วมในการประชุมฯ
กับรัฐมนตรีว่าการสำนักงานด้านการพัฒนาและเศรษฐกิจแห่งชาติ
แห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
รายงานของที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยเรื่อง SDGs โดยหน่วยงานด้านการวางแผนพัฒนาระดับประเทศ ครั้งที่ ๓
ได้เน้นย้ำความเพียงพอของข้อมูลและการรายงานข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน
SDGs
ส่งเสริมความสอดคล้องระหว่างนโยบาย/โครงการและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติ
ระดับภูมิภาค และระดับโลก เสนอให้มีความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เข้มแข็งเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงความสำคัญของ
SDGs และ (๒) ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุ
SDGs ครั้งที่ ๒
โดยมีการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งสาระสำคัญตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่
๔ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ครั้งที่ 1 | กต. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน
และให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว
ในห้วงการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการจัดการกับความท้าทายด้านการพัฒนาเพื่อเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
รวมทั้งเป็นการสนับสนุนบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศด้านการดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นหุ้นส่วนกับประเทศคู่ร่วมมือและองค์การระหว่างประเทศต่าง
ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความยั่งยืน มั่นคง
มั่งคั่งของอนุภูมิภาค ภูมิภาค และประชาคมโลก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการระชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลง เงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | ข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการทุจริต | ปช. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการทุจริต
ประกอบด้วย (๑) ประเด็นด้านการประกาศภัยพิบัติและการชดใช้เงินคงคลัง
โดยพัฒนาศักยภาพสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ให้สามารถเป็นศูนย์กลางในการรับและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่
ติดตามตรวจสอบและดำเนินการให้จังหวัดส่งเอกสารเพื่อชดเชยเงินคงคลังคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด
(๒)
ประเด็นด้านการพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เช่น เชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้งบประมาณเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
โดยให้มีการพัฒนาระบบคลังข้อมูลที่รองรับความเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว
และศึกษาความเป็นไปได้เพื่อให้เกิดการรวมศูนย์ระบบฐานข้อมูลในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว
และ (๓) ประเด็นการบริหารจัดการ เช่น
ลดความสูญเสียงบประมาณที่ใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอันเกิดจากภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน | สกพอ. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
ประกอบด้วย หลักการแก้ปัญหาการชำระค่าสิทธิ ARL เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
และหลักการแก้ปัญหาเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของโครงการฯ ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
และสำนักงานอัยการสูงสุด รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เช่น ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้โครงการฯ
สามารถดำเนินการได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ
ก็จะต้องดำเนินการตามลำดับขั้นตอนแห่งประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไขและกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐
ข้อ ๒๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕๑
รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบและปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ | อก. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิด
ด้วยการอัดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
รวม ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด
รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง
และรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิด ด้วยการอัด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณภาพและความปลอดภัยสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประชาชน
กิจการอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอภิชัย ธรรมเสริมสุข) | นร.11 สศช | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอภิชัย ธรรมเสริมสุข
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการระดับสูง)
กองบัญชีประชาชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๑
ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 15 พ.ศ. 2565 | สช. | 27/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑๕ พ.ศ. ๒๕๖๕ รวม ๓ มติ ได้แก่ มติ ๑ การขจัดความยากจนตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG : การยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือน มติ ๒
การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชน
ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และมติ ๓
การจัดการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วมในวิกฤตสุขภาพ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติฯ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ
และกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ
ข้อสังเกตของกระทรวงแรงงานและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีหน่วยงานในการติดตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการกำหนดกรอบทิศทางนโยบายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ แล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | รายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2565) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | วธ. | 20/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑)
ภาพรวมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทฯ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และยุทธศาสตร์ที่
๔ ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก (๒)
ผลสำเร็จจากการดำเนินงานแผนแม่บทฯ จากการประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของหน่วยงานต่าง
ๆ ประกอบด้วย ระดับประชาชน ระดับสังคม และระดับชาติ และ (๓)
แนวทาง/แผนการดำเนินการต่อไป มีการกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย
จัดการประชุมสร้างการรับรู้ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริม ระยะที่ ๒ (พ.ศ.
๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั้ง ๔ ภาค
ทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องการประเมินชุมชน องค์กร อำเภอ
และจังหวัดคุณธรรม ส่งเสริมและยกย่องบุคคลที่ทำความดี มีคุณธรรม
สร้างประโยชน์ให้กับสังคม กำกับ ติดตาม และส่งเสริมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรม
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ของหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามตัวชี้วัดที่กำหนด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ) | คค. | 13/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายตติรัฐ
รัตนเศรษฐ เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | การบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน (ค่าน้ำประปา) | นร. | 13/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า
ปัจจุบันการประปานครหลวง (กปน.)
ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตน้ำประปาที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และคาดการณืว่า กปน.
อาจประสบกับภาวการณ์ขาดทุนตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
หากไม่มีการปรับอัตราค่าน้ำประปาให้เหมาะสม ทั้งนี้
ต้นทุนการผลิตน้ำประปามาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ค่าน้ำดิบ ค่าไฟฟ้า
และค่าธรรมเนียมการวางท่อประปา เป็นต้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นจากความจำเป็นที่ต้องเพิ่มค่าน้ำประปาของ
กปน. คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กปน.)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน เร่งพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตน้ำประปา
รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของ กปน. ด้วย ทั้งนี้
โดยต้องไม่กระทบหรือเป็นภาระกับงบประมาณของรัฐ เช่น
การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดปริมาณน้ำในระบบ
การลดค่าธรรมเนียมน้ำดิบของกรมชลประทาน การปรับลดค่าไฟฟ้า
การปรับลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการวางท่อประปาของกระทรวงคมนาคม
การลดหรือชะลอการนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นต้น
และให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมผลการผลิตพิจารณาดังกล่าวแล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | รัฐบาลสหรัฐเม็กซิโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทย (นางอิลเซ ลิเลียน เฟร์เรร์ ซิลบา) | กต. | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอิลเซ ลิเลียน เฟร์เรร์ ซิลบา (Mrs. Ilse Lilian Ferrer Silva)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเบร์นาโด กอร์โดบา เตโย (Mr.
Bernardo Cordova Tello) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เช่น
กรณีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ หน่วยงานที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ
ควรเร่งดำเนินการคืนวงเงินเหลือจ่าย
โดยควรตรวจสอบความถูกต้องของการเบิกจ่ายให้ครบถ้วน
ก่อนจัดส่งรายงานผลสำเร็จของโครงการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โดยเร็ว ตามข้อ
๒๑ และ ๒๒ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
โครงการของส่วนราชการที่มีสถานะอยู่ระหว่างดำเนินการที่มีความก้าวหน้าการเบิกจ่ายน้อย
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้รับอนุมัติขยายเวลาแล้ว
และควรรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการติดตามและบริหารงานโครงการ
เป็นต้น ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|