ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 196 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายพีรเดช ณ น่าน
เป็นกรรมการในคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ แทน นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี
ที่ขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 86) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวกำหนดให้ถ่านหินทุกชนิดที่เป็นก้อน ผง
หรืออัดเป็นก้อน เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออก
แต่เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
กำหนดชนิดและสภาพแร่ที่ห้ามส่งออกกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีป พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งกำหนดมาตรการห้ามส่งออกถ่านหินที่มีถิ่นกำเนิดในราชอาณาจักรและเขตไหล่ทวีปออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีปไว้เป็นการเฉพาะแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๐๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา ๒๐ บาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสถาพร บุญประเสริฐ และนายไสว โชคเจริฐเลิศ) | นร.05 | 15/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวสถาพร
บุญประเสริฐ ๒. นายไสว โชคเจริญเลิศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตเกี่ยวกับยานพาหนะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กห. | 15/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตเกี่ยวกับยานพาหนะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับยานพาหนะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
เพื่อให้การปฏิบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตและพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมและมีการควบคุมกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานสากล
และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๖๕ รวมทั้งสอดคล้องกับการแก้ไขอายุใบอนุญาตที่มิให้กำหนดเกิน ๓ ปี
นับแต่วันออกใบอนุญาต (เดิม มิให้กำหนดเกิน ๑ ปี) รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าควรกำหนดเงื่อนไขการควบคุมการจัดการซากยานพาหนะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
และควรทำคู่มือกระบวนการอนุญาตและเผยแพร่เว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th)
หรือช่องทางต่าง ๆ ควรนำหลักของพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ มาประกอบการพิจารณาประกาศกำหนดการยื่นคำขอโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท พ.ศ. 2560) | มท. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
(สีเขียว) สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น บริเวณหมายเลข ๓.๔ หมายเลข
๓.๕ เฉพาะฝั่งตะวันตกของคลองส่งน้ำชลประทานทุ่งวัดสิงห์ หมายเลข ๓.๖ หมายเลข ๓.๗
หมายเลข ๓.๑๐ หมายเลข ๓.๑๕ หมายเลข ๓.๑๘ หมายเลข ๓.๑๙ เฉพาะฟากตะวันตกทางหลวงชนบท
ชน.๔๐๕๔ และหมายเลข ๓.๒๐ โดยให้มีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ เมตร จากคลองส่งน้ำชลประทานทุ่งวัดสิงห์
คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาช่องลม และป่าเขาหลัก และแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าเขาราวเทียน ให้สามารถประกอบกิจการโรงงานอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ได้ และเพิ่มเติมการอนุญาตให้ที่ดินบริเวณหมายเลข
๓.๓ หมายเลข ๓.๘ และหมายเลข ๓.๙ สามารถประกอบกิจการโรงแรมได้
และเพิ่มเติมการอนุญาตให้ที่ดินบริเวณหมายเลข ๓.๔ หมายเลข ๓.๕ หมายเลข ๓.๖ หมายเลข
๓.๗ หมายเลข ๓.๑๐ หมายเลข ๓.๑๑ หมายเลข ๓.๑๓ หมายเลข ๓.๑๕ หมายเลข ๓.๑๖ หมายเลข
๓.๑๘ หมายเลข ๓.๑๙ หมายเลข ๓.๒๐ และหมายเลข ๓.๒๑ สามารถประกอบกิจการโรงแรมประเภท ๑
และประเภท ๒ ได้ โดยให้มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นในหลังเดียวกันไม่เกิน ๕๐๐
ตารางเมตร รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
(สีเขียว) ให้สามารถประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ ๑๐๑ โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม (Central
Waste Treatment Plant) เฉพาะโรงงานกำจัดมูลฝอย
ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลหรือได้รับอนุญาตให้ดำเนินการจากหน่วยงานของรัฐดำเนินการได้เพิ่มเติมในท้องที่หมู่ที่
๗ ตำบลหนองมะโมง อำเภอมะโมง จังหวัดชัยนาท
และให้โรงงานบำบัดน้ำเสียรวมดำเนินการได้ และรวมถึงการให้ยกเลิกความในหมายเหตุในโรงงานลำดับที่
๑๐๑
ตามประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ห้ามประกอบกิจการท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท
พ.ศ. ๒๕๖๐ ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และให้ใช้ความตามประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ห้ามประกอบกิจการท้ายประกาศนี้แทน
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดที่กำหนดให้เป็น
“ย่านท่องเที่ยวการเรียนรู้ และวิธีชีวิตชุมชน” และมุ่งเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรด้วยนวัตกรรมทางการเกษตรสมัยใหม่
รวมทั้งเพื่อประโยชน์สาธารณะและสุขอนามัยของประชากรในจังหวัดชัยนาท
และดำเนินการรวบรวมน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียงมาบำบัด
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนนำกลับมาใช้ใหม่หรือปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเกษตรกรและพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมด้วย
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คำนึงถึงกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นด้วย
การดำเนินการจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน และเมื่อประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้มีผลใช้บังคับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อลดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ที่จังหวัดนราธิวาส | นร. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการที่ได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดไฟไหม้ตำบลมูโนะ
จังหวัดนราธิวาส พบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและกระจายเป็นวงกว้าง
ซึ่งนอกเหนือจากจะมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
รวมทั้งทรัพย์สิน
ข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตประจำวันก็เสียหายไปด้วย
จึงขอให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยให้รวดเร็ว
ทั่วถึง ตรงตามความเดือดร้อน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การจัดหาปัจจัยอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ
น้ำกินน้ำใช้ที่สะอาดปลอดภัยด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ละเลย บกพร่อง ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
โดยในภาพรวมขอให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสถานที่เก็บพลุ
ดอกไม้เพลิง วัตถุและสารไวไฟต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้หรือการระเบิดขึ้น
ให้อยู่ในพื้นที่/สถานที่ที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย เพื่อควบคุมและป้องกันมิให้เกิดปัญหาในทำนองเดียวกันอีก
และโดยที่กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตำบลมูโนะ
ดังกล่าวข้างต้นส่งผลกระทบรุนแรงมากทั้งต่อครอบครัว ประชาชน ที่อยู่อาศัย
ทรัพย์สิน และข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ รวมตลอดถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่
จึงขอให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
รับไปพิจารณาแนวทาง/มาตรการในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา/ชดเชยใด ๆ เพิ่มเติมให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยดังกล่าวข้างต้นอีกส่วนหนึ่งด้วย
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | การกำหนดประโยชน์ตอบแทนสำหรับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนของคณะกรรมการการบินพลเรือน | คค. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดประโยชน์ตอบแทนสำหรับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนของ
ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการการบินพลเรือน
โดยให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามอัตรา ดังนี้ (๑) ประธานกรรมการ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รองประธานกรรมการและกรรมการ
จำนวน ๘,๐๐๐ บาท โดยการได้รับเบี้ยประชุมให้ได้รับเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
และผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมจะได้รับเบี้ยประชุมในเดือนใดต้องเข้าร่วมประชุมในเดือนนั้น
โดยถือว่ามีผลตั้งแต่วันที่มีการประกาศ ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
กำหนดรายชื่อคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนและอัตราเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนและเป็นรายครั้งสำหรับกรรมการ
อนุกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ประกาศ กค. เรื่อง
กำหนดรายชื่อคณะกรรมการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมฯ พ.ศ. ๒๕๕๘) คือตั้งแต่วันที่
๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือนที่ผ่านมาซึ่งมีความสำคัญกับการกำกับดูแลด้านนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศที่ต้องมีความต่อเนื่อง
ทันต่อเหตุการณ์ ถูกต้อง และครบถ้วนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำชับให้พึงระวังมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการจ่ายประชุมให้แก่คณะกรรมการการบินพลเรือน
คำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย ให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้และทรัพย์สินของหน่วยงานเพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนของคณะกรรมการการบินพลเรือน
และคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่จะได้รับ
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ต่ออีกหนึ่งวาระ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลคลองโยง ตำบลศาลายา
ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล และตำบลหอมเกร็ด ตำบลทรงคนอง ตำบลบางเตย
อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ชุมชนพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา
การศาสนา พาณิชยกรรมและการบริการ
การรองรับการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของประชากรและแรงงานส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนด้วยการพัฒนาการผลิตทางด้านเกษตรกรรมแบบผสมผสานการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
การชลประทานและการระบายน้ำ การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค การสาธารณูปการ
และการดำรงรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ
หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นด้วย
การพิจารณาอนุญาตต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่
๒๒ (๒) การทอหรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอ และโรงงานลำดับที่ ๒๒ (๔)
โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการพิมพ์สิ่งทอ ให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๐ และควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน
ให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ ๙,๕๓๔ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | พม. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐประจำปี
๒๕๖๑-๒๕๖๕ และให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไป
เร่งรัดดำเนินการจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๖
และรายงานผลการจ้างงานคนพิการประจำปีต่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น ดำเนินการสรรหาและคัดเลือกคนพิการเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และขึ้นบัญชีผู้ผ่านการคัดเลือก โดยแยกลักษณะความพิการคุณวุฒิการศึกษา องค์ความรู้
และภารกิจงานของส่วนราชการ เพื่อให้ส่วนราชการอื่นสามารถดำเนินการนำบัญชีผู้ผ่านการคัดเลือกดังกล่าว
มาดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งอื่น
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งคนพิการเข้ารับราชการให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติของตำแหน่งต่อไป
ควรมีมาตรการอื่นที่เหมาะสมกับหน่วยงานของรัฐเพื่อเป็นทางเลือก
นอกเหนือจากการดำเนินการตามมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๕ ควรผลักดันให้เป็นการจ้างงานตามมาตรา
๓๓ มากยิ่งขึ้น
เพื่อให้คนพิการได้รับสวัสดิการความก้าวหน้าและความมั่นคงในอาชีพด้วย ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติอยางเคร่งครัด
ควรสนับสนุนให้มีการศึกษาถึงปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้หน่วยงานของรัฐบางแห่งสามารถจ้างงานคนพิการได้ตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด
และนำมาประกอบการขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐให้บรรลุเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ควรประมวลปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัด
และข้อเสนอแนะในการจ้างงานคนพิการของหน่วยงานที่ผ่านมา
เพื่อวางแนวทางแก้ไขและสนับสนุนให้หน่วยงานสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดต่อไป
และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบข้อมูลคนพิการที่ควรครอบคลุมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการศึกษา
สาขาและทักษะความสามารถของคนพิการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | กรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.12 | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยกรอบแนวทางการประเมินของส่วนราชการ
กำหนดให้กระทรวงมีบทบาทหลักเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและติดตามการประเมินผลการปฏิบัติงานของกระทรวงและส่วนราชการในสังกัดกระทรวงผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการระดับกระทรวง
สำหรับกรอบและแนวทางการประเมินของจังหวัดมุ่งเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายระดับชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาลเช่นเดียวกับส่วนราชการ
โดยให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทหลักในการพิจารณาความเหมาะสม ตัวชี้วัด น้ำหนัก
และค่าเป้าหมาย รวมทั้งติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของจังหวัดผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการจังหวัด
ทั้งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ในหัวข้อองค์ประกอบการประเมิน รอบระยะเวลาการประเมิน และกลไกการประเมิน
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีหลังยุบสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา
๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เป็นการดำเนินการในลักษณะงานปกติตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ไม่ได้เป็นการกำหนดนโยบายขึ้นใหม่
จึงไม่เป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนากยรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงาน ก.พ. และข้อเสนอแนะของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจในบริบทของแต่ละส่วนราชการเพื่อนำมากำหนดเป็นตัวชี้วัดร่วมกันจะมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ให้ ก.พ.ร. กำหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง และกรอบเวลาในรอบการประเมินครั้งที่ ๑ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
เพื่อให้คะแนนการประเมินสามารถสะท้อนผลการดำเนินงานของหน่วยงานได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
และเกี่ยวกับขั้นตอนการประเมินการดำเนินงานของส่วนราชการและจังหวัดตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ
ซึ่งกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗
และโดยที่ผลการประเมินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินการปฏิบัติราชการผู้บริหารของส่วนราชการ
ดังนั้น หากมีการเร่งรัดกระบวนการประเมินดังกล่าว
จะทำให้การดำเนินการมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติการผู้บริหารของส่วนราชการ
และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๕๒ มากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนศรีนคร จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนศรีนคร
จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลศรีนคร และตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนศรีนครให้เป็นเมืองน่าอยู่
การดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ภายในเขตผังเมืองรวมชุมชนศรีนคร
จังหวัดสุโขทัย
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การใช้ประโยชน์ที่ดินต้องไม่ขัดต่อการจัดสรรที่ดินภายใต้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
พ.ศ. ๒๕๑๑ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ควรคำนึงถึงกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การพิจารณาการอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านประกอบ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านประกอบ
จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลทับช้าง และตำบลประกอบ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการพัฒนาเมืองเพื่อรองรับการเป็นด่านถาวรที่มีมาตรฐานสากลและพัฒนาชุมชนชายแดนให้เป็นชุมชนน่าอยู่
ส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินในชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสอดคล้องกับบทบาทชุมชนชายแดนบ้านประกอบ
รวมทั้งการรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรแก้ไขเพิ่มเติม และให้มีข้อกำหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ และความเห็นชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ ควรคำนึงถึง กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
เช่น มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ มาตรการการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่อนุรักษ์
โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ควรพิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย
ในประเภทหรือชนิดของโรงงาน ลำดับที่ ๒๔ โรงงานถักผ้า ผ้าลูกไม้
หรือเครื่องนุ่งห่มด้วยด้ายหรือเส้นใย หรือฟอกย้อมสี เป็นต้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนด
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทสอดคล้องกับเจตนารมณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | การตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร.09 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการตรวจพิจารณาและข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะพิเศษ)
เกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๙
และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ รวม ๔ ฉบับ
ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของกรุงเทพมหานครใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น
ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานเมืองพัทยาใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ พ.ศ. .... | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
(Strategic Environmental Assessment : SEA) ตามประเภทของแผน เช่น คมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุล และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาประเทศตามประเภทของแผนที่กำหนด ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้
ควรเพิ่มประเภทแผนที่ต้องจัดทำ SEA และควรระบุนิยามแต่ละประเภทของแผนที่เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ควรพิจารณาความสัมพันธ์ของแผนที่เชื่อมโยงกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจส่งผลได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด
รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ควรให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางการประเมินที่ชัดเจนครอบคลุมมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับบริบทภารกิจระดับโลก ระดับประเทศ และระดับพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดทำประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับโครงการหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการจัดทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพด้วย
เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ของหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เกิดความล่าช้า ๓. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน ที่เห็นว่าสำนักงบประมาณต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่จะต้องดำเนินการ
SEA
สามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ | พน. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
รอบ ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๖๕ และเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๕
และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องตามแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม๒๕๖๕ (เรื่อง มาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ)
โดยกำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานลงร้อยละ ๒๐
พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานฯ ในเว็บไซต์ www.e-reportenergy.go.th เป็นประจำทุกเดือน แล้วให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานนโยบายและพลังงานทำหน้าที่กำกับดูแลและรวบรวมข้อมูลการใช้พลังง่านของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมเสนอนายกรัฐมนตรี
โดยปรับรอบการรายงานผลการดำเนินงานฯ จากเดิม รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส
เป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุก ๖ เดือน (เดือนตุลาคม-มีนาคมและเดือนเมษายน-กันยายนของทุกปี)
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. โดยให้กระทรวงพลังงานเร่งประสานสำนักงบประมาณในการพิจารณาแนวทางที่จะสนับสนุนให้หน่วยงานต่าง
ๆ
สามารถจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
และเร่งรัดให้ที่ทำการปกครองอำเภอ สถาบันอุดมศึกษา และรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลการดำเนินการไม่ถึงร้อยละ
๕๐ ของหน่วยงานทั้งหมดในแต่ละกลุ่มรายงานผลให้ครบถ้วน
โดยประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง ๓ กลุ่มดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ ๑) ด้านโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการดำเนินการ เช่น การเตรียมการเร่งรัดและสนับสนุนงานวิจัยพื้นฐาน
พัฒนา การผลิต และการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเตรียมการจัดตั้งงบประมาณในปี ๒๕๖๗
เพื่อเร่งรัดการสร้างความเข้าใจบุคลากรและชาวนา
และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยได้มีการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่ประเทศไทยสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมมูลค่าเพิ่มที่เป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มประเทศ
CPTPP ๒) ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อการเจรจา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภายในเพื่อจัดทำข้อสงวน
ข้อยืดหยุ่นและ/หรือระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ๓) ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตร
ได้มีการเร่งรัดดำเนินการในหลายประเด็น เช่น จัดการระบบการผลิต
ส่งเสริมการจัดทำโซนนิ่งพืชปรับเปลี่ยนที่นาในภาคกลางเป็นพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์โดยเบื้องต้นใช้พันธุ์ข้าว
กข๘๕ และ กข๘๗ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
๔) ด้านการปรับปรุงทางกฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ
พ.ศ.... เพื่อให้เกิดกลไกการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
และ ๕) ด้านการลงทุนที่ภาครัฐควรเร่งรัดให้การสนับสนุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนเตรียมการเข้าสู่
CPTPP ในด้านการเพิ่มศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา
การสร้างธนาคารพันธุกรรม การผลิต การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕
และได้ดำเนินการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นตามกรอบข้อเสนอ ข้อสงวน ข้อยืดหยุ่น ระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณี
CPTPP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(ประเด็นด้านพันธุ์พืช)
รวมทั้งได้เผยแพร่เพื่อรับฟังความเห็นบนเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตรแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศ
ซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ มีจำนวนประเทศละไม่เกิน ๑๐๐
คน และคนต่างด้าวไร้สัญชาติมีจำนวนไม่เกิน ๕๐ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในห้วงที่ผ่านมาพบว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรจำนวนหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในประเทศไทย
และในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ
อันส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงของชาติในมิติต่าง ๆ ดังนั้น
ควรให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพฤติกรรมเชิงลึกของบุคคลให้เกิดความชัดเจน
เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคงและการแสวงโอกาสเพื่อการกระทำความผิดในรูปแบบต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|