ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 87 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 1721 - 1740 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1721 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) | สทนช. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประธานกรรมการ ๒. เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ ๖. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการ ๗. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๘. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๙. ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรรมการ ๑๐. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรรมการ ๑๑. อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรรมการ ๑๒. อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กรรมการ ๑๓. อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กรรมการ ๑๔. อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการ ๑๕. อธิบดีกรมเจ้าท่า กรรมการ ๑๖. อธิบดีกรมประมง กรรมการ ๑๗. อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการ ๑๘. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๐. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรรมการ ๒๑. เลขาธิการสำนักงานนโยบาย กรรมการ และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ ๒๓. ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๔. เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กรรมการ ๒๕. อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการ ๒๖. นายชัยยุทธ สุขศรี กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการน้ำ) ๒๗. นายวิจารย์ สิมาฉายา กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน) ๒๘. รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ ๒๙. ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓๐. ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1722 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิเชียร สุขสร้อย) | วธ. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิเชียร สุขสร้อย เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1723 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิชัย ไชยมงคล) | สธ. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิชัย ไชยมงคล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1724 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๖๑๒ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๕๒,๕๘๓
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓๓ รายการ วงเงิน ๑๑๔,๖๖๖.๖ ล้านบาท
เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ จำนวน ๑๐๒
หน่วยรับงบประมาณ ๓. อนุมัติให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้
(องค์การมหาชน) เพิ่มวงเงินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จากวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๔๐๐ บาท
เป็นวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๕๐๐ บาท ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1725 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เรื่อง โครงการฯ ปี ๒๕๖๕
ในประเด็นแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ (Exclusion Error) จากเดิม “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง” เป็น “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ ครั้งต่อไปในระยะเวลาภายใน ๒ ปี นับจากวันที่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในโครงการที่เปิดรับลงทะเบียนครั้งล่าสุด”
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีรายได้น้อยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1726 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 6 | กต. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ ๖ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีร่วมกันในทุกมิติ
เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง
การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
การพัฒนาศักยภาพรวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือทางการศึกษา สังคม วัฒนธรรม และกีฬา
รวมทั้งการดูแลแรงงานไทยและฟิลิปปินส์ในประเทศ นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะการรวมตัวทางเศรษฐกิจและเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายและอาชญากรรมไซเบอร์ภายใต้กรอบอาเซียน
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักข่าวกรองแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรบูรณาการประเด็นความร่วมมือตามกรอบทวิภาคีนี้ร่วมกับกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง
และควรติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
โดยให้รวบรวมผลการปรับแก้ร่างบันทึกการประชุมฯ
ดังกล่าวกับผลการปรับแก้เอกสารความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เห็นว่าเนื้อหาโดยรวมของร่างบันทึกการประชุมฯ
ครอบคลุมวัตถุประสงค์ในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน
แต่อาจพิจารณาปรับถ้อยคำบางส่วนเพื่อให้เนื้อหามีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ได้แก่ ข้อ ๘ “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดรับมือกับการกระทำผิดกฎหมายจากธุรกิจพนันออนไลน์
(POGOs)” เป็น “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปรามเครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์
นำไปสู่คำสั่งยกเลิกธุรกิจพนันออนไลน์ (POGOs) ภายในปี ๒๕๖๗”
และข้อ ๑๒ “ฝ่ายฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๑ - ๕ มีนาคม ๒๕๖๒
ที่เมืองเซบู” เป็น “ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม - ๑ กันยายน ๒๕๖๕
ที่กรุงเทพมหานคร” ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1727 | การขอความเห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค (Contract for Technical Assistance) โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) | คค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา และมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ดังกล่าว โดยร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
มีสาระสำคัญ เช่น ๑) สัญญาจะมีผลบังคับใช้เมื่อคู่สัญญาทั้ง ๒ ฝ่ายลงนาม ๒) USTDA จะเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัทฯ โดยตรง โดยจะจ่ายค่าจ้างเมื่อบริษัทฯ
ดำเนินการตามเป้าหมายผลการดำเนินงานที่กำหนด และ ๓) การแก้ไขข้อพิพาทภายใต้สัญญานี้จะใช้บังคับตามกฎหมายของไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1728 | การโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 4/2550/80 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G6/48 | พน. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ Valeura Energy (Gulf of Thailand) Ltd. และบริษัท
เอ็มพี จี6 (ประเทศไทย) จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์
และพันธะซึ่งบริษัททั้งสองต่างถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ ๓๐ ในสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่
๔/๒๕๕๐/๘๐ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G6/48 ให้แก่ Northern
Gulf Petroleum Pte. Ltd. โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียมและต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติบิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้
กระทรวงพลังงานจะได้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕)
ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๔/๒๕๕๐/๘๐ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑
ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1729 | การเชื่อมโยงและปรับปรุงฐานข้อมูลประชาชนในกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการ | นร. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ปี ๒๕๖๗ ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยสนับสนุนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทต่อคน ไปแล้ว นั้น
ทำให้พบว่ามีข้อมูลประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการอยู่ในฐานข้อมูลของหน่วยงานต่าง
ๆ ของรัฐซึ่งไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดปัญหาข้อมูลไม่ถูกต้อง ครบถ้วน
และมีความซ้ำซ้อนกัน จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนในกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการของหน่วยงานต่าง
ๆ ให้มีความเชื่อมโยง ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นระเบียบเดียวกัน
เพื่อจะได้นำฐานข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ให้สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) (Big
Data Institute)
ให้การสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1730 | การใช้วัฒนธรรมด้านดนตรีและศิลปะการแสดงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว | นร. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
โดยที่รัฐบาลมีนโยบายกำหนดให้ปี ๒๕๖๗ เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยว” โดยมีเป้าหมายเพื่อปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับโลก
ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ
การใช้วัฒนธรรมด้านดนตรีและศิลปะการแสดงเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวมากยิ่งขึ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในเรื่องข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
รวมทั้งการรณรงค์ส่งเสริมการจัดมหกรรมดนตรี (Exclusive
Concert) ในประเทศไทยในปี ๒๕๖๘-๒๕๖๙ ตลอดจนการจัดกิจกรรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1731 | นโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" ตลอดสาย (ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท) | นร. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า นโยบาย “ค่าโดยสารราคาเดียว”
ตลอดสาย เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
และเพิ่มการเข้าถึงการใช้บริการรถไฟฟ้าของประชาชน รวมทั้งเกิดประโยชน์ในด้านสังคม เนื่องจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางของประชาชน
และลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาใช้รถขนส่งมวลชนสาธารณะ
รวมทั้งยังช่วยลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมในเขตเมืองอีกด้วย
จึงขอให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาแนวทางการดำเนินนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า
๒๐ บาท ตลอดสายให้ครอบคลุมสายทางต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ความเหมาะสมคุ้มค่าด้านการเงินและงบประมาณ
และแหล่งที่มาของเงินงบประมาณ แล้วดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1732 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 664/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1054/2566 ระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 309 คน ผู้ฟ้องคดี กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร | อส. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๖๖๔/๒๕๕๘ ระหว่าง
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๐๙ คน ผู้ฟ้องคดี
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.
๑๐๕๔/๒๕๖๖ และคดีถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1733 | ขอยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี | ยธ. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ อาคารรัฐประศาสนภักดี จำนวน ๒ ชั้น (ชั้น ๘ และ
๙) พื้นที่ชั้นละ ๔,๓๒๐ ตารางเมตร
รวมจำนวนพื้นที่ทั้งสิ้น ๘,๖๔๐ ตารางเมตร ตั้งแต่วันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
ที่เห็นควรให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าสำหรับพื้นที่ที่ว่างจากการส่งคืนดังกล่าวกรมธนารักษ์และบริษัท
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จะได้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานต่าง ๆ
ที่มีความต้องการพื้นที่สำนักงานเพื่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าว
รวมทั้งให้สำนักงบประมาณพิจารณากรณีหน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน
โดยให้หน่วยงานพิจารณาใช้พื้นที่ภายในโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
ก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อลดภาระการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป กรณีหน่วยงานขอรับจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานของหน่วยงานด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1734 | ขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2567 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินนโยบายทางการคลังและการเงินอย่างผสมผสานเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นพลวัต
พร้อมกับให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างถ้อยแถลงฯ ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งร่างถ้อยแถลงฯ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
จึงควรพิจารณาเสนอร่างเอกสารดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1735 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 (ครั้งที่ 2) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒)
ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวนเงิน ๑๗๔.๘๒ ล้านบาท และพิจารณาไม่เรียกให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒) จำนวนเงิน ๔๙๙.๑๙ ล้านบาท
และให้รายงานผลการใช้จ่ายเงินตามแผนงาน/โครงการให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนทราบทุกไตรมาส
ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ ๓ (เดือนเมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน กระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาและให้มีการจัดทำรายงานสถานะและการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เสนอต่อรัฐสภาตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1736 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาการดำเนินธุรกิจขายตรงและขายสินค้าออนไลน์ | นร. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากปัญหาการดำเนินธุรกิจขายตรงที่เป็นกระแสข่าวในสังคมอยู่ในขณะนี้และมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขายตรงและการขายสินค้าออนไลน์ดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดให้มีช่องทางสำหรับประชาชนที่ต้องการแจ้งเบาะแสหรือแจ้งความได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
รวมทั้งให้เร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน
และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเร่งพิจารณากำหนดมาตรการต่าง
ๆ ตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและควบคุมการดำเนินธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง
และการขายสินค้าออนไลน์ ให้ถูกต้อง เหมาะสม ครบถ้วน เท่าทันสถานการณ์ในปัจจุบัน
และให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคและผู้เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจดังกล่าว
รวมทั้งให้เร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้อง ทั่วถึง และต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันปัญหาการหลอกลวงและโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องนี้ด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุข [สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)] กำกับดูแลและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบของ อย. (เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์
วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน วัตถุเสพติดที่ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์)
และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันมิให้มีการนำผลิตภัณฑ์สุขภาพดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.
มาจำหน่ายผ่านช่องทางการขายตรงและตลาดแบบตรง หรือขายออนไลน์
ซึ่งจะส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1737 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2568 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี
๒๕๖๘ ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๔๗ เมื่อวันที่ ๒๒
มิถุนายน ๒๕๖๗ โดยงบประมาณประจำปี ๒๕๖๘ ขององค์กรร่วมฯ ประกอบด้วย (๑)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน ๕,๖๗๐,๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และ (๒) ค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน
จำนวน ๕๒,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่างบประมาณประจำปี ๒๕๖๗ ที่ได้รับอนุมัติร้อยละ ๖.๕ (จำนวน ๓๔๗,๘๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ) โดยงบประมาณดังกล่าวองค์กรร่วมฯ ได้เสนอขอใช้เงินที่ได้รับจากการขายปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี
๒๕๖๗ จำนวน ๕,๖๐๙,๓๑๘ ดอลลาร์สหรัฐ
และจากงบประมาณเหลือจ่ายของปี ๒๕๖๖ จำนวน ๑๑๓,๔๘๒
ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1738 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟบ. 38/2561 คดีหมายเลขแดงที่ ฟบ. 7/2567 ระหว่าง พลตำรวจตรี อนุชา จารยะพันธุ์ ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี | อส. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในคดีหมายเลขดำที่ ฟบ. ๓๘/๒๕๖๑ ระหว่าง พลตำรวจตรี อนุชา
จารยะพันธุ์ ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๒ คน ผู้ถูกฟ้องคดี
เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟบ. ๗/๒๕๖๗ และคดีถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1739 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 16-17 ตุลาคม 2567 | ปสส. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๖
ตุลาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๓๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1740 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายธีรเดช ถิรพร ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | นร.07 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. นายธีรเดช ถิรพร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๗ ๒. นางสาวศรินทิพย์ ธนวิจิตรพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ)
สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ ๓. นายพลากร ม่วงพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ ๔. นางอมรรัตน์ ภูมิวสนะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗
|