ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 83 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 1641 - 1660 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1641 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยกำหนดให้เศษพลาสติก (เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก เช่น ฝาขวดน้ำดื่ม
ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช) เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อให้การบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาเศษพลาสติกทั้งที่นำเข้าและที่มีอยู่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรแก้ไขชื่อร่างประกาศฯ เป็น “ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.
....” เพื่อให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒
และสอดคล้องกับชื่อประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับอื่นที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้
และร่างข้อ ๔ เห็นควรใช้คำว่า “พิกัดอัตราศุลกากร”
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1642 | รายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2567 | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ
และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑) หนี้สาธารณะคงค้าง มีจำนวน
๑๑.๖๓ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๓.๓๒ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน ๐.๕๐
ล้านล้านบาท ๒) หนี้เงินกู้คงค้างของหน่วยงานของรัฐ ประกอบด้วย (๑) รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ที่ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ได้แก่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๓๔,๙๑๓.๕๐ ล้านบาท (๒)
รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะที่ทำธุรกิจให้กู้ยืมเงิน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์
และธุรกิจประกันสินเชื่อที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน อาทิ บริษัท
บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๐.๕๙
ล้านล้านบาท (๓) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวน ๐.๐๔ ล้านล้านบาท และ (๔)
ธนาคารแห่งประเทศไทย มีจำนวน ๔.๒๑ ล้านล้านบาท และ ๓) ความเสี่ยงทางการคลัง
พบว่าหนี้สาธารณะ จำนวน ๑๑.๖๓ ล้านล้านบาท โดยหนี้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๙๘.๙๕) เป็นหนี้ในประเทศ
และร้อยละ ๘๕.๘๖ ของหนี้สาธารณะเป็นหนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐที่ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ
ไม่มีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง หรือเงินงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีสถานะการดำเนินงานที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้เงินกู้เองได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1643 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง นายอุเมสนัส ปานเดย์ และนายวีระพงษ์ ประภา
เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๔๑๑/๒๕๖๗ เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1644 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 | พณ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1645 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1646 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1647 | รายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1648 | ข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศตามผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2567 | นร.11 สศช | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบความก้าวหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยและข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ตามผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวและรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ
เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศตามขั้นตอนต่อไป
และมอบหมายกระทรวงคมนาคมจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้จัดหมวดหมู่คอนเทนเนอร์ให้สามารถขนสินค้าและลำเลียงได้ในรถไฟขบวนเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1649 | โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังถอนเรื่องนี้คืนไปก่อน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1650 | การปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้อำนาจหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือครอบคลุมการดำเนินการด้านการสนับสนุนผู้ส่งสินค้าทางเรือมีความคล่องตัวในการดำเนินการมากยิ่งขึ้น
แก้ไขอำนาจของคณะกรรมการในการออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานภายในของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
ตลอดจนยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกตามที่กำหนดในกฎกระทรวงจะต้องเป็นสมาชิกสามัญและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือเข้าเป็นสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยได้โดยสมัครใจ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1651 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1652 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖
กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
แนวทางในการส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติเพื่อรองรับการเกษียณผ่านโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ)
โดยเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม “โครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” เป็น
“โครงการสลากออมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ (สลากเกษียณ)”
และเพิ่มเติมหลักการกรณีผู้ที่มีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์
ให้ซื้อสลากของกองทุนต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
ให้รวมถึงการส่งเสริมการออมทรัพย์โดยการออกและขายสลากและกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกที่ซื้อสลากให้ครอบคลุมทั้งสมาชิก
กอช. ในปัจจุบันและผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓
(บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบที่ไม่มีนายจ้าง เช่น พ่อค้า
แม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป ฟรีแลนซ์) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกมีการซื้อสลากเป็นการออมเงินอีกรูปแบบหนึ่ง
รวมทั้งสามารถเป็นกลไกการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบให้มีการสะสมเงินออมได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อรองรับการเกษียณ
และการเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged
Society) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
ที่เห็นควรพิจารณาออกแบบโครงสร้างการดำเนินโครงการ รูปแบบ จำนวนเงินรางวัล และการใช้แหล่งเงินให้มีความเหมาะสมที่จะทำให้โครงการมีความยั่งยืนและไม่พึ่งพางบประมาณเพียงแหล่งเงินเดียว
และต้องมีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่ชัดเจนทั้งในด้านกระบวนการบริหารจัดการโครงการ
การบริหารการออกสลาก ความพร้อมของระบบงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีที่ ๑
เมื่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว และค่าใช้จ่ายในปีที่ ๒ และ ๓
รวมทั้งเงินรางวัลที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำทุกปีให้กระทรวงการคลังและกองทุนการออมแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๕. ให้กระทรวงการคลังและกองทุนการออมแห่งชาติบริหารจัดการกองทุนเพื่อจัดหาประโยชน์
และการลงทุนจากเงินที่สมาชิกซื้อสลากเพื่อการออมให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกตามนัยมาตรา
๔๒ และมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เห็นควรให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการเงินสะสมของสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ
มั่นคง และปลอดภัย โดยควรหาแนวทางการบริหารจัดการเงินสะสมให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราผลตอบแทนความคาดหวัง
(Benchmark) ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมตามแผนการลงทุนระยะยาวต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากระทรวงการคลัง
และ กอช. ควรร่วมกันเตรียมความพร้อมในการศึกษาความเหมาะสมของการเพิ่มทางเลือกให้สมาชิกสามารถเลือกออมเงินต่อไปได้หลังอายุครบ
๖๐ ปี โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอาชีพอิสระและยังต้องประกอบอาชีพต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1653 | ขอความเห็นชอบต่อการเสนอให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ให้คำปรึกษาด้านการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ | กต. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1654 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ | ดศ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมถอนเรื่องนี้คืนไปได้
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1655 | การป้องกันและปราบปรามยางพาราผิดกฎหมาย | นร.04 | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินโครงการชะลอการจำหน่ายยางพาราของเกษตรกร
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมปริมาณผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ตลาดให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้ยางพารา
ลดความผันผวนด้านราคา และรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในตลาด
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเพื่อรอจำหน่ายผลผลิตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงมีปัญหาการลักลอบนำเข้ายางพาราจากต่างประเทศตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่งผลให้ราคายางพาราในประเทศตกต่ำลงและเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำกับดูแล
ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องโดยด่วน
รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ดำเนินมาตรการที่เข้มงวด รอบคอบ รัดกุม ในการดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำยางพาราเข้า -
ออกจากประเทศไทยอย่างไม่ถูกต้องตามพิธีการศุลกากรด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1656 | การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women's World Championships 2025 | กก. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1657 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย - ฮังการี ครั้งที่ 4 | กต. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1658 | ข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (Agreement on the Establishment of the ASEAN Co-ordinating Centre for Transboundary Haze Pollution Control) | ทส. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1659 | ร่างความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (Host Country Agreement) ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ สำหรับการจัดการประชุม “The Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence in 2025” | ดศ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1660 | มาตรการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ | นร. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการพบปะกับนักลงทุนในระหว่างการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ
และการหารือร่วมกับภาคธุรกิจ หอการค้า และสมาคมการค้าของไทยในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้เห็นถึงโอกาสของไทยในการดึงดูดนักลงทุนที่มีอยู่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
(Geopolitics) และระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน
ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต้องเร่งปรับตัวและปรับแผนการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทยก็มีความท้าทายและข้อจำกัดต่าง ๆ
ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศที่สมควรต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสาน/พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตามแต่กรณี
เพื่อกำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ ๑. การพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุน
โดยเฉพาะการจัดสรรและพัฒนาที่ดินให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ๒. อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
เพื่อส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ๓.
การจัดทำกฎหมายเพื่อรองรับมาตรการรองรับการเสียภาษีขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในปี ๒๕๖๘ รวมทั้งการจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกันด้วย ๔. การแก้ไขกฎ ระเบียบต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) เช่น
การผ่อนปรนเงื่อนไขการจ้างงานชาวต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มบุคลากรทักษะสูง
|