ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 83 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 1641 - 1660 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1641 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา) | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม
๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1642 | การดำเนินการเพื่อยุติกรณีพิพาทเรื่องน้ำตาลภายใต้องค์การการค้าโลก | พณ. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการเพื่อยุติกรณีพิพาทตามเอกสารข้อยุติซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
[Mutually Agreed Solution (MAS)] ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบราชิลว่าด้วยเรื่องการอุดหนุนซึ่งสินค้าน้ำตาลทรายของไทย
(DS 507) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1643 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในกรมของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ | นร.09 | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง
(สป.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของ สป.ศธ.
เนื่องจากพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. ๒๕๖๖ มีผลใช้บังคับ ทำให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยใน
สป.ศธ. เปลี่ยนฐานะเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ศธ.
ส่งผลให้ภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สป.ศธ. เปลี่ยนแปลงไป ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยกำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหารขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
(สอศ.) ศธ. เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินงาน สนับสนุนการปฏิบัติงาน
และพัฒนาการบริหารของ สอศ. อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยกำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหารขึ้นในสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
(สกศ.) ศธ. เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบการดำเนินงาน
สนับสนุนการปฏิบัติงานและการพัฒนาการบริหารของ สกศ.
อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น รวม
๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1644 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย)
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยโดยกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน
“กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้
เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น
(จากเดิมไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท)
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด
ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (จากเดิมไม่น้อยกว่า ๘ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1645 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | กษ. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๕ ราย
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายธนสาร ธรรมสอน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
[รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายอัครา พรหมเผ่า)] ๔. นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอิทธิ
ศิริลัทธยากร)] ๕. นายภูผา ลิกค์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอิทธิ
ศิริลัทธยากร)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1646 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรดิน และน้ำเพื่อความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน (The International Soil and Water Forum 2024) | กษ. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรดิน และน้ำเพื่อความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน (The
International Soil and Water Forum 2024 : ISWF 2024) ระหว่างวันที่
๙-๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
คือ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและสนับสนุนงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
โดยเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยโอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1647 | การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) | นร. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
ซึ่งสภาพภูมิอากาศจะเย็นลงและปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เป็นเจ้าภาพหลักร่วมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง
PM2.5) ในพื้นที่ต่าง ๆ
ของประเทศให้เหมาะสมและครบถ้วนทั้งที่เป็นปัญหามลพิษจากการเผาในภาคการเกษตร
ควันและไอเสียของรถยนต์ และฝุ่นควันจากภาคอุตสาหกรรม เช่น มาตรการไม่รับซื้อผลิตผลทางการเกษตร
(เช่น ข้าวโพด อ้อย)
ในกรณีพิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่ใช้วิธีการเผาทั้งในและต่างประเทศ มาตรการตรวจจับและระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน
มาตรการตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศของโรงงานอุตสาหกรรม แล้วให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าว
ตามหน้าที่และอำนาจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1648 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2567 | นร.11 สศช | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไทยไตรมาสสอง ปี ๖๗ เช่น ๑)
การจ้างงาน ภาพรวมการจ้างงานปรับตัวลดลง โดยผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น ๓๙.๕ ล้านคน
ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ ๐.๔ ซึ่งเป็นผลจากการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา
ที่ร้อยละ ๕.๐ จากปัญหาการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ ๒) หนี้สินครัวเรือน มีมูลค่า
๑๖.๓๗ ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๒.๕ ของไตรมาสก่อนหน้า ๓) การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี
๒๕๖๖ ร้อยละ ๗๒.๑ หรือเพิ่มจาก ๑๑๗,๙๕๒ ราย เป็น ๒๐๒,๘๗๙ ราย
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากโรคระบาด เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ ๔)
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑.๐
โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการบริโภคแอลกอฮอล์ และ ๕) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินคดีอาญาไตรมาสสอง
ปี ๒๕๖๗ มีการรับแจ้งทั้งหมดจำนวน ๑๑๒,๙๒๑ คดี เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี
๒๕๖๖ ร้อยละ ๒๖.๗ ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ เช่น
ปัจจุบันการคุกคามทางเพศต่อเด็กและเยาวชนออนไลน์ที่เกิดขึ้นผ่านโซเชียลมีเดียมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อเด็กผู้ถูกกระทำหลายด้าน
เช่น ปัญหาด้านการปรับตัวเข้าสู่สังคม และภาวะซึมเศร้า การดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัวที่จะต้องสอดส่องดูแลพฤติกรรมการใช้สื่อ
ในขณะที่ระดับชุมชนและภาครัฐต้องมีมาตรการในการลงโทษที่ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1649 | การลงนามข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย
และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เป็นหน่วยงานปฏิบัติ
(Implementor) และหน่วยงานหลักแห่งชาติ (National
Focal Point) ของประเทศไทยในการดำเนินการใด ๆ ในข้อตกลงฯ
และกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่อง และให้ สทอภ. พิจารณากลั่นกรองโครงการของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่จะดำเนินการในโครงการอาร์เทมิส
(Artemis Program) ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนา ส่งเสริม
สนับสนุน ค้นคว้า วิจัย และดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง
เสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาก่อนการดำเนินการต่อไป โดยข้อตกลงฯ
มีสาระสำคัญเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันผ่านชุดหลักการ แนวปฏิบัติ
และแนวทางปฏิบัติ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการสำรวจและการใช้อวกาศโดยพลเรือนด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโปรแกรมอาร์เทมิส
แนวปฏิบัติในการดำเนินกิจกรรมในอวกาศ
และส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์สำหรับมวลมนุษยชาติ และนำไปใช้กับกิจกรรมด้านอวกาศของพลเรือนที่ดำเนินการโดยองค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐผู้ลงนาม
(องค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐของประเทศไทย คือ สทอภ.) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)] และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้
สทอภ. ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฯ เพื่อส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1650 | ขอความเห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ (Agreement for Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the United States of America concerning Peaceful Uses of Nuclear Energy) (123 Agreement) | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ
(Agreement
for Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the
Government of the United States of America concerning Peaceful Uses of Nuclear
Energy) (123 Agreement) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีด้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติระหว่างสหรัฐฯ
และไทย มีสารัตถะของความตกลงฯ
เป็นการกำหนดแนวทางจัดหาวัสดุนิวเคลียร์ให้กับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยของไทย
และความตกลง Comprehensive Safeguards Agreement ระหว่างไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
(International Atomic Energy Agency : IAEA)
๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1651 | หลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร | นร.08 | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน
และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร เพื่อใช้ทดแทนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖
มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง
หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียนนักศึกษา และบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักรไทย
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ถูกต้อง ชัดเจน แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นควรมีมาตรการ แนวทาง หรือบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริต
ประพฤติมิชอบ แอบอ้าง หรือสวมสิทธิให้แก่บุคคลต่างด้าวที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศ
จากบุคคลในประเทศที่สูญหาย และควรมีการดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของบุคคลที่เข้ามาอยู่ในประเทศเพื่อป้องกันเหตุการณ์การลักลอบกระทำความผิดและอาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการตรวจสอบคัดกรองข้อมูล
และยืนยันความถูกต้องอย่างรอบคอบรัดกุมเรียบร้อยแล้ว ให้ได้รับการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล
ทั้งนี้
เมื่อบุคคลกลุ่มเป้าหมายได้รับการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลเรียบร้อยแล้ว
ขอให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดส่งรายละเอียดรายการบุคคลดังกล่าวให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1652 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | รง. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย
อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1653 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2567 และแนวโน้มปี 2567 | นร.11 สศช | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี
๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๗ มูลค่า GDP ขยายตัวร้อยละ ๒.๓
เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๖ ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ และ ๒)
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยการขยายตัวร้อยละ ๒.๓ - ๒.๘
ทั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่า ในปี ๒๕๖๗ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจในด้านต่าง
ๆ เช่น (๑) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ (๒)
การปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม (๓)
การเตรียมการรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๔) การเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบและใช้ประโยชน์จากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1654 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุกัมมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเครื่องกำเนิดรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุกัมมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทวัสดุกัมมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาสามารถขอรับใบอนุญาตผลิต
มีไว้ในครอบครองหรือใช้ นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านวัสดุกัมมันตรังสีได้ และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเครื่องกำเนิดรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทเครื่องกำเนิดรังสีที่บุคคลธรรมดาสามารถขอรับใบอนุญาตทำเครื่องกำเนิดรังสี
มีไว้ในครอบครองหรือใช้ นำเข้าหรือส่งออกเครื่องกำเนิดรังสี รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1655 | รายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2565 | พม. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี ๒๕๖๕
โดยรายงานการพัฒนาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑)
สถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชนและบริบทที่เกี่ยวข้อง ๒) สภาพการณ์และแนวโน้มของปัญหาเด็กและเยาวชน
โดยแบ่งประเภทตามกลุ่มอายุของเด็กและเยาวชน ได้แก่ ช่วงเด็กปฐมวัย ๐-๖ ปี ช่วงเด็กวัย ๗-๑๒ ปี ช่วงเด็กวัย ๑๓-๑๗
ปี ช่วงเยาวชน ๑๘-๒๕ ปี และเด็กและเยาวชนที่ต้องการการคุ้มครองเป็นพิเศษ
๓) การมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ๔)
บทบาทและผลการดำเนินงานของภาคประชารัฐต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ๕)
งบประมาณเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน และ ๖) บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1656 | ร่างกฎกระทรวงศักยภาพทางเทคนิคของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงศักยภาพทางเทคนิคของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดศักยภาพทางเทคนิคของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี
เพื่อให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสีต้องมีศักยภาพทางเทคนิคเพียงพอในการดูแลความปลอดภัยของวัสดุกัมมันตรังสีที่ขออนุญาต
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1657 | การหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน | นร. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการที่ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน
๓ สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และสมาคมธนาคารไทย ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
รวมทั้งได้รับฟังข้อเสนอของ กกร. รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ (๒)
การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (๓) การบริหารจัดการน้ำ และ (๔)
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับไปหารือร่วมกับ กกร.
และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
เพื่อกำหนดแนวทาง/มาตรการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งให้พิจารณาแนวทาง/มาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน
(โดยเฉพาะหนี้สินเช่าซื้อรถยนต์และหนี้ที่อยู่อาศัย)
ซึ่งต้องอาศัยการเพิ่มรายได้และแก้ไขผ่อนปรนภาระของประชาชนเป็นสำคัญและปัญหาหนี้ของผู้ประกอบการ
SMEs ตามที่กระทรวงการคลังได้เตรียมการไว้
ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนโดยเร็ว ๒. การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิต
และผู้ประกอบการชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SMEs
เกี่ยวกับธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่ได้เข้ามาค้าขายอย่างผิดปกติในประเทศไทย
ซึ่งส่งผลกระทบต่อโอกาสและความอยู่รอดในการผลิตและการทำธุรกิจของคนไทยให้บรรลุผลโดยเร็วภายใน
๑ เดือน ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการตามมาตรการดังต่อไปนี้ด้วย (๑)
ผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่ขายสินค้าออนไลน์จะต้องจดทะเบียนการค้าและใบอนุญาตต่าง
ๆ ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยให้ถูกต้องเพื่อควบคุมคุณภาพสินค้าสำหรับผู้บริโภคและเข้าสู่ระบบภาษีของไทยด้วย
(๒) สินค้าจากต่างประเทศต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (๓)
สินค้าอาหารและยาจากต่างประเทศต้องเป็นไปตามมาตรฐานอาหารและยา (อย.) ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๓. การบริหารจัดการน้ำ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด ติดตาม
และสานต่อการดำเนินการตามเป้าหมายและแผนงานต่าง ๆ
เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในอนาคต รวมถึงการจัดหาน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมด้วย ๔. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมาย
เพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ
เป็นประธานกรรมการ) เร่งหารือร่วมกับ กกร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
ที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพและธุรกิจของประชาชน
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายของประเทศให้เหมาะสมและเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนได้เป็นอย่างมาก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1658 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 | ปสส. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
วันพุธที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1659 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์) | วธ. | 22/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ (ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ)
สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี
(โบราณคดี และพิพิธภัณฑ์) (นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1660 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายภพหล้า ปิยะปานันท์) | นร.08 | 22/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภพหล้า ปิยะปานันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง)
กองความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|