ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1761 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 พ.ศ. .... | สธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนั้น เพื่อมิให้บทบัญญัติของกฎหมายแม่บทสิ้นผลใช้บังคับ
จึงจำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการให้ร่างกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ทันวันที่ ๘ ธันวาคม
๒๕๖๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1762 | โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (โครงการ TIEC) ระยะที่ 3.1 (ภายใต้โครงการ TIEC ระยะที่ 3) | พน. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง
ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ระยะที่ ๓.๑ วงเงินลงทุน
๓๘,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๒๑๔๔
ลงวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗) ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากมีการดำเนินการใด
ๆ ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนให้เหมาะสม
มีมาตรการรองรับในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความผันผวน โดยพิจารณาจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่การดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผน
เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในอนาคต รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนดำเนินการก่อหนี้และบริหารหนี้ในทุกมิติ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1763 | หนังสือสัญญาการรับทุนพัฒนางานด้านภูมิอากาศจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) | ดศ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1764 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 | นร.12 | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน ๒๕๖๗ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการ
เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรเร่งรัดการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส.) โดยเกลี่ยอัตรากำลังพลไปปฏิบัติงานในภารกิจที่ขาดแคลนและมีความจำเป็นเร่งด่วนและยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลง
บก.ปทส. ให้สอดคล้องกัน
พร้อมทั้งร่วมดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการรับโอนภารกิจด้านการสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1765 | ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับผู้นำกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ครั้งที่ 2 [The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting] | พน. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1766 | การขอขยายระยะเวลาตามมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 | ตช. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาตามมาตรา ๑๖๗
แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม
๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส.) และยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลง บก.ปทส. ให้สอดคล้องกับภารกิจที่ลดลง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้กำชับให้มีการดำเนินการตามมาตรา
๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยเร็วด้วย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถ่ายโอนภารกิจที่หน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่แล้วไปให้หน่วยงานนั้นดำเนินการ
อันจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติภารกิจหลักได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1767 | สรุปผลการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าถึงการพัฒนาและการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างเท่าเทียมในภูมิภาคอาเซียน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ศธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าถึงการพัฒนาและการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างเท่าเทียมในภูมิภาคอาเซียน
ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สรุปได้ ดังนี้ ๑)
การหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลเด็กปฐมวัย ๔ ประเด็น
ได้แก่ (๑) การเปลี่ยนแปลงจากการศึกษาปฐมวัยสู่การศึกษาระดับประถมศึกษา (๒)
ผู้ดูแลครู และผู้ปกครอง (๓) งบฯ สำหรับการดูแลและการจัดการการศึกษาปฐมวัย และ (๔)
การดูแลและการจัดการเด็กปฐมวัยกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยไทยเห็นว่ารัฐบาลควรร่วมกำหนดนโยบายที่สนับสนุนความยืดหยุ่นด้านการศึกษาปฐมวัยรวมถึงการจัดสวัสดิการและบริการอื่น
ๆ ๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำเสนอนโยบาย ๓ เร่ง ๓ ลด ๓ เพิ่ม เช่น
เร่งให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็ก ลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยก่อนวัย
๒ ขวบ เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่หลากหลาย และ ๓)
ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง
และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน
ซึ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการปรับตัวเพื่อรับสภาพภูมิอากาศ
การวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นต้น และเห็นชอบมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1768 | มาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ | นร. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถโดยสารสาธารณะที่นำนักเรียนของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม
จังหวัดอุทัยธานี ไปทัศนศึกษา เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
จนเป็นเหตุให้มีอาจารย์และนักเรียนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นั้น
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในทำนองเดียวกันอีก
รวมทั้งเพื่อให้รถขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยเฉพาะรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้คณะทำงานของกระทรวงคมนาคม
(คณะกรรมการพิจารณามาตรการเชิงป้องกันสำหรับการให้บริการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะ)
ร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
เร่งพิจารณากำหนดมาตรการลดปัญหาอุบัติภัยและสร้างความปลอดภัยแก่การขนส่งสาธารณะทั้งทางบก
ทางน้ำ และทางอากาศให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน
แล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก)
พิจารณากำหนดให้รถขนส่งสาธารณะทุกประเภทที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติอัด
(Compressed Natural Gas : CNG) หรือก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural
Gas for Vehicles : NGV) หยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อตรวจสภาพรถให้ถูกต้อง
เหมาะสม ให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน
โดยให้ดำเนินการตรวจสภาพรถขนส่งสาธารณะที่ใช้สำหรับรับส่งเด็กนักเรียนก่อนเป็นลำดับแรก ๓. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการโดยสารและการขนส่งให้มีความเหมาะสม
ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1769 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ [โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (ระยะที่ 1) และโครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ] | กษ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย ๑) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
(ระยะที่ ๑) จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๗) เป็น ๙ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๗๐)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๔๔๐ ล้านบาท และ ๒) โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดชัยภูมิ จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๗) เป็น ๘ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๙)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๑๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ควบคุม กำกับ ดูแล และเร่งรัดดำเนินงานโครงการให้เป็นไปตามแผนงานก่อสร้างที่ได้ปรับปรุงใหม่ตามข้อเท็จจริงและสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยและลดผลกระทบในการสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร
รวมทั้งเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคและเกษตรกรรมของราษฎรในพื้นที่รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1770 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบุกรุกที่ชลประทานโดยมิชอบ กรณีศึกษาประเด็นขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ | ปช. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบุกรุกที่ชลประทานโดยมิชอบกรณีศึกษาประเด็นขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1771 | เรื่องสืบเนื่องจากการเข้าร่วมการประชุม ACD ของนายกรัฐมนตรี | นร. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒ - ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์
ซึ่งกรอบความร่วมมือ ACD เป็นเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในเอเชีย
เพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกันในเอเชีย รวมถึงเพื่อหาทางออกสำหรับปัญหาและความท้าทายระดับโลกร่วมกัน
ซึ่งในห้วงการประชุมดังกล่าวยังได้มีโอกาสหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ
ได้แก่ รัฐกาตาร์ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน รัฐคูเวต และสาธารณรัฐทาจิกิสถาน โดยผู้นำทุกประเทศดังกล่าวแสดงความพร้อมที่จะขยายความสัมพันธ์กับประเทศไทยในด้านต่าง
ๆ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และบริการทางการแพทย์
ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้
ประเทศไทยกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD อีกครั้งหนึ่งในปี
๒๕๖๘ จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue : ACD) รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD ในปี ๒๕๖๘ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1772 | ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู | ศธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู)
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู)
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1773 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1774 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | สคทช | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๔๖ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายที่ ๑
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน หรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กลุ่มนี้ควรจะได้รับการพิจารณาผ่อนผันก่อนเป็นลำดับแรก และกลุ่มเป้าหมายที่ ๒
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ควรจะพิจารณาผ่อนผันตามเหตุผลและความจำเป็น
เป็นรายกรณี โดยไม่ขัดหรือแย้งกับมาตรการการบุกรุกที่ดินของรัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน
และการใช้ประโยชน์ตามภารกิจของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ และให้คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด
(คพร.จังหวัด) กาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ
รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
หากมีเหตุผลความจำเป็นให้ สคทช.
ประสานกำหนดแผนการดำเนินการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เข้าไปดำเนินการติดตั้งสาธารณูปโภคในพื้นที่
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด กระทรวงมหาดไทย ควรสนับสนุนการวางโครงสร้างสำหรับการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้าและประปา ควรมีการผ่อนผันการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
(ทุกประเภท) สำหรับการวางท่อส่งน้ำและท่อจ่ายน้ำประปา
รวมทั้งการขยายเขตระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ การพิจารณาผ่อนผันให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดินของรัฐ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่สีเขียวและสภาพธรรมชาติของพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาการเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าอันเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1775 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... | สธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครอง กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต
การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแล
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง
เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม
การวิเคราะห์หรือศึกษาวิจัยทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์
รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น สำนักงาน ก.พ.ร.
เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑๘ ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เห็นว่าในกลุ่มสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงจัดเป็นสินค้าที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษในประเภท
๕ ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุและอาชญากรรม และอาจลุกลามก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม
จึงควรมีหลักเกณฑ์ควบคุมการประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยจำกัดสิทธิบางประการของผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองและควรมีบทกำหนดโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตฯ
ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ทางการค้าเพื่อลดปัญหาผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
ตลอดจนป้องกันเด็กและเยาวชนเข้าถึงสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงและประสงค์ที่จะนำไปใช้อย่างผิดวิธีได้โดยง่าย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1776 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 8/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ฟร. 1/2567 ระหว่าง นายชำนาญ จันทร์เรือง ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | อส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอน
มาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร.
๘/๒๕๖๓ ระหว่าง นายชำนาญ จันทร์เรือง ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟร.
๑/๒๕๖๗ และคดีถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1777 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 9/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ฟร. 4/2566 ระหว่าง นายไกลก้อง ไวทยการ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ฟ้องคดีคณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | อส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอน
มาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา
และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (๒๖
ธันวาคม ๒๕๖๖) ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. ๙/๒๕๖๓ ระหว่าง นายไกลก้อง ไวทยการ ที่ ๑
กับพวกรวม ๒ คน ผู้ฟ้องคดีคณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดี
เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟร. ๔/๒๕๖๖ และคดีถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1778 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี | อส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี
ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง และการดำเนินคดี ในรอบระยะเวลา ๖ เดือน
(ตั้งแต่กันยายน ๒๕๖๖ ถึงเมษายน ๒๕๖๗) รวม ๒๖ เรื่อง ตามที่คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1779 | การปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา | กต. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๒๖ (เรื่อง การขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำประเทศแอลจีเรีย)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
(เรื่อง ความคืบหน้าของการเปิดสำนักงานในต่างประเทศ) โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาลาวี
สาธารณรัฐแซมเบีย และสาธารณรัฐแองโกลา แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๓. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การปรับและกำหนดเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตและกำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย
มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐไนเจอร์ แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล
และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมรัฐลิเบีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1780 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ฯลฯ จำนวน 7 ราย) | นร.04 | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๗ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ๒. นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ๓. นายศุภชัย ใจสมุทร ๔. นายวรวงศ์ รามางกูร ๕. นายพงศกร อรรณนพพร ๖. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ๗. นายสิรภพ ดวงสอดศรี
|