ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 849 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 16961 - 16980 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16961 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการนำการขับเคลื่อนการปฏิรูปการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) มาใช้ประกอบการพัฒนาแผนงานหรือโครงการสำคัญของประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกำหนดกรอบการบริหารจัดการพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศได้อย่างเหมาะสม และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพัฒนาแผนงานหรือโครงการสำคัญเร่งด่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๒. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ รับทราบหนังสือบัญชีนวัตกรรมไทย ฉบับมิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้ทุกหน่วยงานนำไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมให้ตรงกับความต้องการใช้งานของแต่ละหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยอย่างน้อยให้แต่ละหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในอัตราส่วนร้อยละ ๓๐ ของความต้องการใช้งานทั้งหมดของหน่วยงาน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ต่อไป และให้สำนักงบประมาณติดตามและตรวจสอบการดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวด้วย นั้น ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการเพื่อนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับภารกิจของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดซื้อพัสดุและครุภัณฑ์ของภาครัฐตามรายการในบัญชีนวัตกรรมไทย โดยให้เร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณติดตามและรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้รถโดยสารประจำทางขนาดเล็กในการให้บริการการเดินทางแก่ประชาชนระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงแทนการใช้รถตู้โดยสารที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย นั้น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการรถตู้โดยสารเดิมดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการของรัฐบาลในระยะต่อไปที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ทั้งนี้ ให้จัดทำสรุปข้อมูลความต้องการดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๕. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๖. เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการพัฒนาระบบ Big Data ของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีทิศทางเดียวกัน จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ ๖.๑ ให้ทุกหน่วยงานภาครัฐสำรวจการนำดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในภารกิจของหน่วยงานและภารกิจเพื่อการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน แล้วรายงานต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ๖.๒ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ Big Data ของทุกหน่วยงานจัดทำเป็นภาพรวมและแผนการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์เสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐภายใน ๓ เดือน ๖.๓ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ] รับไปดำเนินการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ให้รับทราบและเข้าใจถึงข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการ การเข้าถึง ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของดิจิทัลในด้านต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล เช่น ด้านการเกษตร การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา การสาธารณสุข โดยให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16962 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน รวม 6 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง รวม 2 ฉบับ) | คค | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์และการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนเพื่อดำเนินกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการดังกล่าวได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๓. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๔. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๕. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๖. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16963 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน รวม 6 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รวม 2 ฉบับ) | คค | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์และการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนเพื่อดำเนินกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการดังกล่าวได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๓. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๔. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๕. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๖. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16964 | ร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2560)] | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16965 | ร่างพระราชบัญาติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2560) | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16966 | การประชุมคณะรัฐมนตรี (วันอังคารที่ 3 ตุลาคม 2560) | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๓๐ กันยายน-๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ดังนั้น การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามนัยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16967 | การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความมือไทย - มาเลเซีย | นร | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทย-มาเลเซียในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต จึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-มาเลเซีย (Joint Commission : JC) ขึ้น เพื่อเป็นกลไกหลักในการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16968 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง และทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ๒. นายประสาร มหาลี้ตระกูล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุมประพฤติ ๓. นายเรืองศักดิ์ สุวารี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16969 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวชมนาด ศรีสวาสดิ์) | กพท. | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชมนาด ศรีสวาสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16970 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (พันตำรวจตรี วิชาญ กาญจนถวัลย์) | สธ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจตรี วิชาญ กาญจนถวัลย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์) กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16971 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายเกียรติศักดิ์ วรจิตรานนท์) | นร06 | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเกียรติศักดิ์ วรจิตรานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16972 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 41 | ทส | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๑ ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองคราคูฟ สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งมีข้อมติคณะกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ประเมินทางเลือกอื่น ๆ หลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลในการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ และยกเลิกแผนการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่แหล่งทรัพย์สินอย่างถาวร รวมถึงโครงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนและเขื่อนลำพระยาธาร เป็นต้น ทั้งนี้ พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไม่ได้รับการบรรจุเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย และหากเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ที่ต้องจัดส่งต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ได้รับการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความก้าวหน้าเพียงพอก็จะไม่มีการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๒ ในปี ๒๕๖๑ ๑.๒ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ให้จัดส่งเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาฉบับปรับปรุง และแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ในปี ๒๕๖๒ เป็นต้น ๑.๓ เห็นชอบการบรรจุแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมพระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดโลก ตามที่ราชอาณาจักรไทยนำเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมระงับการดำเนินการขยายเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ ในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และให้พิจารณาทางเลือกในการขยายทางหลวงแผ่นดินเส้นทางอื่นแทนตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมในการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16973 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 และขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒๖,๗๘๒.๔๗๗ ล้านบาท (ปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒๓,๓๓๕.๒๕๐ ล้านบาท และชำระดอกเบี้ยที่จะครบกำหนด จำนวน ๓,๔๔๗.๒๒๗ ล้านบาท) และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดให้ ขสมก. ปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก. ให้มีความชัดเจน และให้ ขสมก. เร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางในการเพิ่มรายได้จากการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยนำผลสำเร็จของการจัดทำต้นทุนมาตรฐานมาใช้ในการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารและคุณภาพการให้บริการของรถประจำทางให้มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงแผนฟื้นฟู ขสมก. ให้ครอบคลุมถึงแผนการบริหารหนี้ในภาพรวม ซึ่งรวมถึงแนวทางการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือกู้เงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดของ ขสมก. ในปี ๒๕๖๒ และปีต่อ ๆ ไป และให้กระทรวงคมนาคมนำแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาโดยเร็วตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ (เรื่อง แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16974 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง | คค | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง ระยะทางรวมประมาณ ๙๖ กิโลเมตร แบ่งการดำเนินการก่อสร้างออกเป็น ๒๕ สัญญา ลงนามในสัญญา จำนวน ๒๔ สัญญา และอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญา จำนวน ๑ สัญญา ผลงานก่อสร้างร้อยละ ๓.๐๕ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๗.๘๓ (ตามแผนงานร้อยละ ๑๐.๘๘) สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุนการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance) ขณะนี้กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๓๕ เพื่อเร่งรัดประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและทบทวนผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ รวมทั้งรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการสำรวจทรัพย์สินเพื่อจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16975 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการฟื้นฟูฟื้นฟูชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560 | กษ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานโครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๖๐ เป็นการดำเนินการในชุมชนตามโครงการฯ ที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๔๓ จังหวัด มีเป้าหมายเกษตรกร จำนวน ๔๕๐,๐๐๐ ครัวเรือน มีลักษณะการดำเนินการเป็นการสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ประกอบด้วย (๑) การปลูกพืชอายุสั้น (๒) การเลี้ยงสัตว์ (การเลี้ยงสัตว์ปีกและแมลงเศรษฐกิจ เช่น จิ้งหรีด) (๓) การผลิตอาหาร แปรรูปผลผลิต และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และ (๔) การประมง (เช่น การเลี้ยงกบในกระชัง การเลี้ยงปลาดุกในบ่อดิน/พลาสติก) โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิต ครัวเรือนละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท และส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มประกอบกิจกรรม กลุ่มละไม่น้อยกว่า ๑๐ ราย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกระบวนการถ่ายทอดความรู้และคำแนะนำในการผลิตตามกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทั่วถึง เพื่อมิให้เกิดความเสียหายกับเกษตรกรขึ้นอีก รวมทั้งติดตามการดำเนินงานของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อต่อยอดหรือให้คำแนะนำสำหรับใช้ประโยชน์จากกิจกรรมที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการฯ เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวของครอบครัวต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ ๓.๑ ในการดำเนินกิจกรรมของเกษตรกรภายใต้โครงการฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องสำรวจเกษตรกรที่มีความพร้อมและเต็มใจเข้าร่วมโครงการและให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่เกษตรกรในการเลือกกิจกรรมที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และศักยภาพของเกษตรกร รวมทั้งมีการติดตามและให้คำแนะนำการดำเนินกิจกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกษตรกรประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างแท้จริง ๓.๒ ให้เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่เป็นการใช้งบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและต้องใช้จ่ายโดยเร็ว ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓.๓ ให้ติดตาม ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ หากโครงการใดหมดความจำเป็นหรือมีโครงการอื่นใดที่สมควรดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น ก็ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16976 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม ครั้งที่ 7 | พณ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อ (๑) ร่างแถลงการณ์ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซม ครั้งที่ ๗ (The 7th ASEM Economic Ministers’ Meeting : 7th ASEM EMM) เพื่อสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี (๒) ร่างเอกสารสรุปผลการประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ของประธาน และ (๓) ร่างเอกสารข้อริเริ่มของที่ประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมASEM EMM ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างเอเชียและยุโรป โดยไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ประเทศไทยเข้าร่วมการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าสิ่งแวดล้อม (Environmental Goods Agreement : EGA) ก็ต่อเมื่อเป็นการเจรจาที่ให้ประเทศสมาชิกทั้งหมดขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization) เข้าร่วมเท่านั้น สำหรับร่างเอกสารข้อริเริ่มของที่ประชุม ASEM EMM ครั้งที่ ๗ ด้านการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาทักษะแรงงานให้มีศักยภาพสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ตามแนวทางการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ของอาเซม รวมทั้งการพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในสาขาอาชีพที่มีโอกาสถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีและส่งเสริมสาขาอาชีพใหม่ ๆ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับประเด็นความร่วมมือทางด้านกฎระเบียบที่ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตามแนวทางการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ ของแต่ละประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16977 | การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 10 | มท | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ ๑๐ เป็นการทบทวนผลการดำเนินงานของการประชุมฯ ครั้งที่ ๙ และนำประเด็นต่าง ๆ จากผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๐ และการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๓ ซึ่งครอบคลุมสาระสำคัญในด้านความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้านเศรษฐกิจ การค้าชายแดน และความร่วมมือทางด้านสังคมและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี รวมทั้งสิ้น ๑๖ ประเด็น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในบันทึกการประชุมฯ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16978 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 1 | ทส | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส รวมทั้งสิ้น ๓๗ คน ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท (๓) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (๖) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (๗) ผู้แทนกระทรวงการคลัง และ (๘) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร โดยผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในข้อ ๔.๒ ประเด็นด้านเทคนิควิชาการและวิทยาศาสตร์ และข้อ ๔.๔ ประเด็นความช่วยเหลือด้านเทคนิควิชาการ ควรเพิ่มการกำหนดค่ามาตรฐานของปริมาณ และมาตรฐานวิธีการทดสอบเมทิลเมอร์คิวรี่ (Methyl Mercury) และขอรับการสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือในการตรวจวัดสารประกอบเมทิลเมอร์คิวรี่ และอนุพันธุ์ของสารดังกล่าวที่เกิดจากกระบวนการ Methylation ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมินามาตะ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16979 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการจ้างก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี | กษ | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากเดิม ๑,๒๙๗.๓๐๐ ล้านบาท เป็น ๑,๓๕๑.๔๘๖ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว จำนวน ๕๔.๑๘๖ ล้านบาท) โดยที่ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันยังเป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16980 | ร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (CICA) ในโอกาสครบรอบ 25 ปี | กต | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับแก้ข้อความในร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia : CICA) ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ว่า คณะกรรมการยกร่างถ้อยแถลงฯ ซึ่งมีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประธานได้เห็นชอบการปรับแก้ข้อความตามข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ ตามร่างถ้อยแถลงฯ ฉบับล่าสุดเป็น ดังนี้ ๑.๑ ปรับข้อความในส่วนที่ ๒ ข้อ ๑ จาก “...ไม่สนับสนุนการกระทำที่มุ่งล้มล้างรัฐบาลอันชอบธรรม...” (“...to support no actions that aim at overthrowing legitimate governments…”) เป็น “...ละเว้นและประณามการกระทำใด ๆ ที่มุ่งล้มล้างรัฐบาลอันชอบธรรมซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ...” (“…to refrain from and denounce any action aimed at overthrowing legitimate governments in contravention of international law…”) ทั้งนี้ การเพิ่มถ้อยคำว่า “ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” จะทำให้รัฐบาลใด ๆ ที่ดำเนินนโยบายอันขัดต่ออธิปไตยหรือมีอำนาจภายนอกแทรกแซงการบริหารถูกรวมเข้าเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมด้วย ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและมีความชัดเจนมากขึ้น ๑.๒ ในส่วนที่ ๒ ข้อ ๕ จาก “...ต่อสู้กับการก่อการร้ายโดยไม่แยกแยะ...” (“…to combat terrorism without any distinction…”) ให้ตัด “โดยไม่แยกแยะ” (“…without any distinction…”) ออก เนื่องจากข้อความดังกล่าวทำให้เกิดการตีความที่ไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้ผู้ก่อความไม่สงบบางกลุ่มถูกเหมารวมเป็นผู้ก่อการร้ายโดยที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นให้บางประเทศกดดันประเทศไทยได้ ๒. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia : CICA) ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ที่กระทรวงการต่างประเทศแก้ไข ซึ่งจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุม CICA ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองถ้อยแถลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
.....