ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 841 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 16801 - 16820 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16801 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 18 (18th ASCC Council Meeting) ณ เมืองตาไกไต สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๘ (18th ASCC Council Meeting) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เมืองตาไกไต สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ รับทราบรายงานของประธานการประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (SOCA) เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๐ และความก้าวหน้าของเอกสารผลลัพธ์สำคัญที่จะเสนอต่อผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๓๑ ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ เมืองปัมปังกา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รวม ๑๑ ฉบับ เช่น (๑) ฉันทามติอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว (๒) ปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการยุติภาวะทุพโภชนาการในทุกรูปแบบ และ (๓) ดัชนีการพัฒนาเยาวชนอาเซียนฉบับที่หนึ่ง เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้แสดงข้อคิดเห็นว่าอาเซียนในระยะต่อไปควรเน้นการทำงานที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภูมิภาค โดยเฉพาะใน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อมที่สนองต่อทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะประชาชนในระดับฐานราก (๒) ทุกประเทศควรเร่งดำเนินการตามข้อตกลงและพันธสัญญาต่าง ๆ ของอาเซียน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และ (๓) การร่วมมือกับสาขาต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ๓. การประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (SOCA) และการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16802 | ร่างพระราชกฤษฏีกาออกตามความในประมวลรัษฏากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีกรมธนารักษ์นำเข้าเหรียญที่ระลึกจากต่างประเทศ และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีกรมธนารักษ์ขายเหรียญที่ระลึกที่นำเข้ามาขายในประเทศ) | กค | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีกรมธนารักษ์นำเข้าเหรียญที่ระลึกจากต่างประเทศ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการขายสินค้าประเภทเหรียญที่ระลึกของกรมธนารักษ์ เนื่องในวโรกาสสำคัญต่าง ๆ และนำรายได้จากการขายเหรียญดังกล่าว หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหรือถวายบุคคลซึ่งได้รับเงินค่าใช้จ่ายในพระองค์จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และบุคคลซึ่งได้รับเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนเงินปี เงินบำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16803 | ข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า | ทส | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายฯ รวม ๔ ด้าน คือ ด้านนโยบาย ด้านโครงสร้าง ด้านการขับเคลื่อน และด้านเครื่องมือกลไก ซึ่งผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับข้อเสนอด้านการขับเคลื่อน ควรมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละระดับในการกำหนดกลไก มาตรการ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และสร้างการมีส่วนร่วมของพื้นที่ในการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมลงมือปฏิบัติ และร่วมรับผิดชอบ สำหรับข้อเสนอด้านเครื่องมือ/กลไก ควรให้มีการศึกษาเพิ่มช่องทางหารายได้ รวมถึงมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทั้งจากชุมชน เอกชนในการขับเคลื่อน และเกิดความยั่งยืนได้ด้วยตนเอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามข้อเสนอเชิงนโยบายฯ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้เตรียมความพร้อมและจัดทำรายละเอียดของค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16804 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 | ปช | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติ-ข้อสั่งการในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยมีมติที่สำคัญ เช่น (๑) รับทราบผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ (๒) รับทราบผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) (๓) ให้ ศอตช. หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับโครงสร้างของ ศอตช. ให้สอดคล้องกับภารกิจในการแก้ไขปัญหาการทุจริตทั้งระบบ (๔) มอบหมายให้กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) จัดทำข้อมูลการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดสรรงบประมาณกับข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ และ (๕) ให้กรมบัญชีกลางศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการกำหนดราคากลางซึ่งจะต้องกำหนดให้มีความเหมาะสมและสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมว่า ในการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตของทางราชการ จะต้องมีมาตรฐานในการดำเนินการที่ชัดเจน และเมื่อมีการอนุมัติ อนุญาตไปแล้ว ควรกำหนดให้มีการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบความถูกต้องของการดำเนินการของผู้ขออนุญาตว่าเป็นไปด้วยความถูกต้องหรือไม่ด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่า ข้อสั่งการเพิ่มเติมที่มอบหมายให้ ศอตช. หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับโครงสร้างของ ศอตช. เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบและดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องบทบาท ภารกิจของ ศอตช. และทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ ส่วนการดำเนินการร่วมกันระหว่างองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และสำนักงาน ก.พ.ร. ในโครงการ Citizen Feedback ซึ่งมีข้อสั่งการให้ใช้วิธีการประเมินที่เหมาะสม นั้น สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนได้พัฒนาระบบการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่มาใช้บริการของหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสอบถามในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการให้บริการประชาชน ซึ่งผลการทดลองใน ๕ หน่วยงานต้นแบบในระยะแรกจะนำไปขยายยังหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16805 | ร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. .... (การรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 วรรคสอง) | นร04 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับร่างมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. .... (การรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๑๙ วรรคสอง) ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันจัดทำขึ้น ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้นำความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรปรับแก้ถ้อยคำเพื่อความชัดเจน รวมทั้งทบทวนมาตรฐานบางข้อที่อยู่ต่างหมวดกัน แต่มีความเหมือนหรือเชื่อมโยงกัน โดยรวมไว้เป็นหมวดเดียวกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตรามาตรฐานทางจริยธรรมฯ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16806 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนาม จำนวน ๖ ฉบับ ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประกอบด้วย (๑) ร่างขอบเขตการประเมินความปลอดภัยของผู้ประกอบการสายการบินต่างชาติในอาเซียน (๒) ร่างแผนแม่บทว่าด้วยการบริหารจราจรทางอากาศในอาเซียน (๓) ร่างพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๐ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (๔) ร่างพิธีสาร ๓ สิทธิการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันสำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ (๕) ร่างข้อตกลงยอมรับร่วมใบอนุญาตผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเที่ยวบิน และ (๖) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานด้านการสอบสวนอากาศยานของประเทศสมาชิกอาเซียนและหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของจีน เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อากาศยาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนของร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานด้านการสอบสวนอากาศยานของประเทศสมาชิกอาเซียนและหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของจีน เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อากาศยาน ไม่ต้องใช้หนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนาม ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามทั้ง ๖ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. เพื่อให้ประเทศไทยได้รับสิทธิประโยชน์อย่างสูงสุดจากการรับรองและลงนามเอกสารทั้ง ๖ ฉบับ ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ เตรียมความพร้อมในส่วนของผู้ประเมินทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อให้สามารถดำเนินการประเมินความปลอดภัยในลานจอดตามร่างขอบเขตการประเมินความปลอดภัยของผู้ประกอบการสายการบินต่างชาติในอาเซียน ๒.๒ สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่สายการบินต่างชาติที่ทำการบินในประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องรับการประเมินตามคู่มือและมาตรฐานที่กำหนด เพื่อจะเป็นการสนับสนุนให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยสามารถจัดทำรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่คณะกรรมการประเมินความปลอดภัยของผู้ประกอบการสายการบินต่างชาติในอาเซียน (ASEAN Foreign Operator Safety Assessment : AFOSA) ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๒.๓ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจการบริการเติมน้ำมันอากาศยานเฉพาะบริการเติมน้ำมันเข้าอากาศยานแก่นักลงทุนไทยที่มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพิธีสารได้อย่างเต็มที่ ๒.๔ เตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการยอมรับ การอนุญาต การออกใบอนุญาต และใบรับรองความปลอดภัยการเดินอากาศร่วมกันตามมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ อาทิ ข้อกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และการฝึกอบรมบุคลากรให้พร้อมก่อนมีการบังคับใช้ร่างข้อตกลงยอมรับร่วมใบอนุญาตผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเที่ยวบิน ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างขอบเขตการประเมินความปลอดภัยของผู้ประกอบการสายการบินต่างชาติในอาเซียน ควรเร่งเตรียมการด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามที่ร่างขอบเขตการประเมินความปลอดภัยฯ กำหนดไว้ ส่วนร่างพิธีสาร ๓ สิทธิการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันสำหรับเส้นทางบินภายในประเทศ ควรพิจารณาหามาตรการรองรับเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจการบินและเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งร่างข้อตกลงยอมรับร่วมใบอนุญาตผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเที่ยวบิน ควรเร่งดำเนินการปรับปรุงการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบิน (EI) ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16807 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2561 ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบงบประมาณ จำนวน ๔,๒๖๘,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๑ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียบริหารการใช้จ่ายงบประมาณในทุกหมวดให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงจากรายได้ที่ลดลงอย่างรอบคอบและรัดกุม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. การเสนอของบประมาณประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซียในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงพลังงานประสานองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียเพื่อเร่งรัดการดำเนินการเสนองบประมาณประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซียให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16808 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย | กษ | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ระยะเวลาดำเนินการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๖) วงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กรมชลประทานสามารถดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการฯ ได้ทันที และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เสนออย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ โดยคำนึงถึงการพัฒนาพื้นที่ระดับภาคด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานเตรียมความพร้อมเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทานและสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) เร่งรัดกระบวนการจัดหาที่ดินเพื่อการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตั้งคณะทำงานเพื่อชี้แจงและสร้างความรู้ความเข้าใจในกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเกษตรและปศุสัตว์ และการป้องกันน้ำท่วม เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างแรงจูงใจให้ราษฎรเข้าร่วมพัฒนาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16809 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินโดยการออกพันธบัตร วงเงินรวมไม่เกิน ๒๒,๓๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๐ โดยแบ่งเป็น (๑) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรใหม่เพิ่มเติม จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งได้กำหนดไว้ในแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนและการปรับสมดุลโครงสร้างเงินทุนในระยะยาวของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (แผนการจัดหาแหล่งเงินทุนฯ) ที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และ (๒) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อ Roll-over จำนวน ๑๑,๓๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบวงเงินการออกพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่มีอายุครบกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่มีความสอดคล้องกับการให้สินเชื่อระยะยาว เพื่อเพิ่มสัดส่วนการระดมทุนจากเงินฝากระยะยาว ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการขาดสภาพคล่องจากไม่สัมพันธ์กันระหว่างอายุของหนี้สินและสินทรัพย์ (Maturity Mismatch) อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนดังกล่าว ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของธนาคารในภาพรวมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16810 | การขอเช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ - คลองตัน (ริมถนนรัชดาภิเษก) เพื่อใช้เป็นทางเข้า - ออก | ศย | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำสัญญาเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๑ รวมระยะเวลา ๑๑ ปี ในวงเงินทั้งสิ้น ๑๐,๐๕๗,๘๑๗ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ โดยให้สำนักงานศาลยุติธรรมก่อหนี้ผูกพันงบประมาณล่วงหน้าเกินกว่า ๕ ปี เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าเช่าที่ดินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้จ่ายจากเงินค่าธรรมเนียมศาลเพื่อเสริมงบประมาณ หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าเช่าที่ดินในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามสัญญาในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ค่าเช่าที่ดินของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หากสำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการใช้ประโยชน์จากที่ดินไปแล้วจริง ก็เห็นควรที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะจัดทำสัญญาเช่าที่ดิน ระยะเวลา ๑ ปี ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ค่าเช่า ๙๑๔,๓๔๗ บาท โดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ค่าธรรมเนียมศาลเสริมงบประมาณ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16811 | การระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คงเหลือโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 | พณ | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คงเหลือโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๕๒ ในการดูแลของรัฐบาล จำนวน ๙๔,๑๖๘.๙๘ ตัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยในเบื้องต้น ให้ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน ๘๔,๑๓๔.๗๓ ตัน ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่สามารถระบายได้ก่อน สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ยังไม่มีข้อยุติในส่วนของคดีความทางกฎหมาย จำนวน ๑๐,๐๓๔.๒๕ ตัน ให้องค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) เสนอ นบขพ. ระบายเมื่อมีข้อยุติในทางคดี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติมว่า เนื่องจากการตรวจสอบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คงเหลือโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๕๒ ได้ดำเนินการครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการสำรวจและตรวจสอบปริมาณและคุณภาพของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คงเหลือโครงการร่วมกับผู้ตรวจสอบสินค้ากลาง (Surveyor) อีกครั้งหนึ่งให้ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ นบขพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และแล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ โดย อ.ค.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการระบายโดยแบ่งตามคุณภาพของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่รัดกุม รวมทั้งต้องกำกับ ดูแล และกำหนดมาตรการที่เข้มงวดไม่ให้มีการนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ระบายออกมากลับเข้าสู่วงจรตลาดปกติได้อีก และให้ อ.ค.ส. เจรจากับคลังสินค้าหรือผู้ซื้อที่เสนอราคาซื้อสูงสุดแต่ละคลัง แล้วนำเสนอประธาน นบขพ. พิจารณาอนุมัติการระบาย นอกจากนี้ ควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่อาจจะส่งผลต่อสุขอนามัยคนและสัตว์ แต่อาจนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เป็นต้น และเร่งดำเนินการติดตามข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ยังไม่มีข้อยุติในส่วนของคดีความทางกฎหมาย เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะเสนอ นบขพ. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16812 | ข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) | นร12 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท และให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแผนการดำเนินการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) โดยให้กำหนดกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ รวมทั้งระยะเวลาดำเนินการให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีกิจกรรม/โครงการที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะที่ ๑ (ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑) ให้มากยิ่งขึ้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีความชัดเจนด้านการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ดี เพื่อให้ภาคประชาชนเกิดความมั่นใจและเข้าใช้ระบบดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งควรเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมาย ซึ่งต้องปรับกระบวนการทำงานใหม่ตามกรอบ Doing Business Portal เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง และสามารถบรรลุผลตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้ภาคเอกชนเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16813 | นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2564) | นร08 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ซึ่งประกอบด้วยนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ จำนวน ๑๖ นโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ จำนวน ๑๙ แผน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง หรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติฯ และยกเลิกนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔) และให้ใช้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) แทน รวมทั้งมอบหมายสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำกราบบังคมทูลเกล้าถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติฯ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ป.ป.ท. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยรับผิดชอบร่วมในการสนับสนุนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) รวมทั้งควรกำหนดเกณฑ์การจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานโครงการด้านความมั่นคงที่มีความชัดเจน และกำหนดระบบการติดตามการประเมินผลในภาพรวม ทั้งหน่วยงานหลักในการติดตามประเมินผล แนวทางและช่วงเวลาในการติดตามประเมินผล ตลอดจนการรายงานผลในภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป แล้วให้นำนโยบายและแผนฯ เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. เมื่อนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประกาศใช้แล้ว ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องด้วย รวมทั้งนำไปเป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ทันต่อสภาวการณ์ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16814 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... | นร09 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ของสำนักงบประมาณ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อรองรับการปฏิบัติระบบงบประมาณ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ การบริหารงบประมาณ การควบคุมงบประมาณ และการประเมินผลและการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ โดยกำหนดหลักการสำคัญของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนของการคลังของประเทศในระยะยาว กำหนดให้มีการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในมิติด้านภารกิจของหน่วยงาน (Function) มิติด้านยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล (Agenda) และมิติงบประมาณในเชิงพื้นที่ (Area) รวมทั้งให้มีกลไกการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดผลสัมฤทธิ์ มีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” โดยเห็นว่าบทนิยามดังกล่าวสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... แล้ว สำหรับการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในทางปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ เห็นควรบัญญัติไว้ในมาตราใดมาตราหนึ่ง “ให้รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายอื่นใดที่อ้างอิงนิยาม “รัฐวิสาหกิจ” ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในระหว่างที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้” และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเหมาะสมและไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16815 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2560 พ.ศ. .... | คค | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ระหว่างวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ [สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง] และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ [สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก)] ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษดังกล่าวที่จะเข้ามาในกรุงเทพมหานคร เพื่อมีส่วนร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเร่งกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการสัญจรทางถนนในช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16816 | การดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี 2559 | ทส | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้มีการดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ โดยจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แนวทางร่วมกันและข้อเสนอแนะ (๑) ให้ประเด็นการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนเป็นนโยบายระดับชาติ (๒) การดำเนินการเตรียมการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและขยายผลการดำเนินงานอย่างครอบคลุมในปีต่อไป และ (๓) การจัดกิจกรรมการประกวดเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ประจำปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแนวทางการขับเคลื่อนเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานอย่างบูรณาการร่วมกัน และผลักดันให้การดำเนินงานเมืองสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนขยายผลและครอบคลุมพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการขับเคลื่อนเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น แผนงาน/โครงการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ภายในปี ๒๕๖๓ ทั้งนี้ กรอบแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าวควรมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การพัฒนาเมืองไปสู่ความยั่งยืนควรพิจารณามิติในการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดขึ้น โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนาในแนวทางการขับเคลื่อนเมืองเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนเพิ่มเติม อาทิ การผลิตและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างหลักประกันให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ศิลปะ สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น การใช้ประโยชน์ที่ดิน อาคาร และโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาเมืองอย่างมีส่วนร่วม เป็นต้น รวมทั้งควรสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมให้กับภาคีพัฒนาทุกภาคส่วนให้เกิดความร่วมมือกันและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานที่มุ่งสู่เมืองสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมดำเนินการ ร่วมติดตามตรวจสอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16817 | รายงานผลการรายงานการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี ในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 6 - 7 (ฉบับรวม) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส | พม | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการรายงานการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ ๖-๗ (ฉบับรวม) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบยินดีต่อพัฒนาการของไทยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี และมีข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะที่ให้ไทยพิจารณาดำเนินการรวมทั้งสิ้น ๒๑ ประเด็น โดยไทยต้องนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ มาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และเห็นชอบพิจารณาเร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยดำเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับหลักสมรสและครอบครัว อาทิ ประกันว่าการห้ามมีคู่สมรสหลายคนให้ครอบคลุมถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับหลักศาสนาและบริบทเฉพาะสังคมกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งการขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเงื่อนไขที่จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้นในระยะต่อไป และควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้การดำเนินงานการพัฒนาสตรีมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16818 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารพักแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ 88 ยูนิต เป็นอาคาร คสล. 8 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,911 ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม 1 หลัง | สธ | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารพักแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ ๘๘ ยูนิต เป็นอาคาร คสล. ๘ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๙๑๑ ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ หลัง ในวงเงิน ๙,๐๘๑,๐๐๐ บาท สมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้าง จำนวน ๖๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๖,๐๘๑,๐๐๐ บาท ก่อนลงนามแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้าง และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16819 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับโครงสร้างและรูปแบบการทำงานของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ให้อยู่ภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนในการดำเนินการตามมติคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างและรูปแบบการทำงานของ สรอ. ให้อยู่ภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกาทราบโดยด่วน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ต่อไป ๒. เห็นชอบให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกรรมการ โดยมีเลขาธิการ ก.พ.ร. และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สนับสนุนการบูรณาการข้อมูลและวิธีการทำงานด้านดิจิทัลระหว่างหน่วยงานของรัฐทุกแห่งให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนระดับชาติฯ และเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการจัดทำหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชกฤษฎีกาฯ และควรจะกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนไว้เพื่อให้การกำหนดเครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมทั้งเครื่องหมายของแต่ละองค์การมหาชนด้วย นอกจากนี้ ควรมีการประสานการทำงานด้านนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลให้สอดรับกับคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการเฉพาะด้านตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนยุทธศาสตร์การปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16820 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ครั้งที่ 1) | นร12 | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) คณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๑) ประกอบด้วย (๑) รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๑) (เป็นผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ในกลุ่มแผนงาน/โครงการประเภทที่ ๓ : การประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการในภาพรวม) และ (๒) รายงานผลการประเมินตนเองของ ค.ต.ป. และประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๑) ตามมติที่ประชุม ค.ต.ป. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะตามบันทึกความเห็นของ ค.ต.ป. เกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพของการบริหารงาน รวมทั้งการปรับปรุงขีดสมรรถนะและศักยภาพ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการกำกับดูแลและควบคุมตนเองที่ดีของส่วนราชการ อันจะนำไปสู่การบรรลุผลตามเจตนารมณ์ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และเห็นควรแจ้งให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และจังหวัด ที่มีประเด็นสมควรปรับปรุงแก้ไขได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ ค.ต.ป. ดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อ ค.ต.ป. คณะต่าง ๆ ต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการตรวจสอบและประเมินผลของ ค.ต.ป. ควรให้ความสำคัญกับแผนงาน/โครงการตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุผลตามเป้าหมายในยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....