ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 776 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 15501 - 15520 จากข้อมูลทั้งหมด 124010 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15501 | ร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของการอุดหนุนที่มีลักษณะเจาะจงตามมาตรา ๖๔ ให้รวมถึงการให้การอุดหนุนแก่การส่งออก และการให้การอุดหนุนเพื่อให้มีการใช้สินค้าในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า และแก้ไของค์ประกอบของการอุดหนุนที่ตอบโต้ได้ตามมาตรา ๖๕ ให้ประกอบด้วยการให้อุดหนุนที่มีลักษณะเจาะจงตามมาตรา ๖๔ และการให้การอุดหนุนที่มีผลเสียต่อประโยชน์ของประเทศที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน เพื่อสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้การอุดหนุนภายใต้ WTO ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กฎหมายดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15502 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา และให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมในการประชุมได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด) | ศย | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่หรือที่ประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา และให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมในการประชุมได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนด) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกา รวมทั้งองค์ประชุม และกำหนดให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมดังกล่าวได้รับเบี้ยประชุม ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นการกำหนดให้การประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีของศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาได้รับเบี้ยประชุมอาจมีความซ้ำซ้อนกับระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่และการประชุมแผนกคดีในศาลฎีกาและศาลชั้นอุทธรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีอยู่แล้ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เข้าร่วมประชุมที่ไม่ใช่ผู้พิพากษาได้รับเบี้ยประชุม ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของภาระงานในการอำนวยความยุติธรรมที่จะต้องเป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่มีลักษณะการขัดกันแห่งผลประโยชน์และความซ้ำซ้อนของการได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ตลอดจนความเหลื่อมล้ำในภาพรวมของระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐอันหมิ่นเหม่ที่อาจขัดต่อหลักความเป็นธรรมทางสังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15503 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | ศย | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๑ และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ๗ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15504 | ขอขยายเวลาและขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมรายการก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ 2 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ยธ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ๑ แห่ง จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) จำนวน ๔๒๙,๔๙๒,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๘๗,๘๓๕,๕๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างที่ได้ดำเนินการและเบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน ๑๐๖,๐๗๒,๕๐๐ บาท (ปัดเศษ) และค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือจากการยกเลิกสัญญา จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณค่าก่อสร้างในส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๕๖,๙๑๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๔,๘๔๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งเห็นควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๖๔ ด้วย ๒. เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างส่วนที่เหลืออีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ถือปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน และเนื่องจากการเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ เป็นกรณีมาจากการยกเลิกสัญญาเดิม ดังนั้น เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์ เห็นควรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการฟ้องร้องเรียกเงินล่วงหน้าคงเหลือ รวมถึงค่าเสียหายอื่นจากผู้รับจ้างรายเดิมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15505 | การเพิ่มทุนของหน่วยงานค้ำประกันเครดิตและการลงทุนแห่งภูมิภาคอาเซียน+3 | กค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับการเพิ่มทุนของหน่วยงานค้ำประกันเครดิตและการลงทุนแห่งภูมิภาคอาเซียน+๓ (Credit Guarantee and Investment Facility : CGIF) ตามสัดส่วนที่ประเทศไทยได้รับจัดสรร จำนวน ๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ ๒๘๑,๘๔๔,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อรองรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในแบบแสดงความจำนงในการเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่ได้รับจัดสรร (Instrument of Subscription) โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากกรณีไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15506 | ร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์ ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Letter of Intent between the Royal Thai Police and the Netherlands Police on Combating Transnational Crime) | ตช | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Letter of Intent between the Royal Thai Police and the Netherlands Police on Combating Transnational Crime) และอนุมัติในหลักการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ โดยร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการทำงานพื้นฐานความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือของตำรวจ และผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะให้การรับรองแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล การบังคับใช้กฎหมายและการวิเคราะห์ การประสานงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติประเภทต่าง ๆ เช่น อาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นองค์กร การค้ามนุษย์ การลักลอบขนคนเข้าเมือง การแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก การฟอกเงินและคอร์รัปชัน อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เห็นควรเพิ่มเติม “การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Terrorism financing)” ในประเด็นอาชญากรรมสำหรับดำเนินความร่วมมือของร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ในกรณีมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแสดงเจตนารมณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบหรือมีมติอนุมัติไปแล้ว ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15507 | รายงานดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยเดือนมกราคม 2561 | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทย (Trade in Services Performance and Potential Index : TSPPI) เดือนมกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ ๑๑๓.๗ สูงขึ้นร้อยละ ๙.๒ (YoY) ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ ๑๑.๙ ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคบริการขยายตัวในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ เกิดจากจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนเพิ่มทุนในสาขาบริการมากขึ้น มูลค่าทุนจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มทุนสูงขึ้น และดัชนีราคาหุ้นภาคบริการในตลาดหลักทรัพย์ขยายตัวเร่งขึ้น ๒. ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการรายสาขา ขยายตัวเกือบทุกสาขา โดยสาขาที่ขยายตัวเร่งขึ้น คือ การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และการศึกษา ๓. แนวโน้มภาวะการค้าภาคบริการในปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับสาขาบริการที่มีศักยภาพและแนวโน้มขยายได้ดี ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน สุขภาพ ขายส่งและการขายปลีก และก่อสร้าง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15508 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อประชุมหารือและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ณ สมาพันธรัฐสวิส และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) | นร11 | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อประชุมหารือและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ณ สมาพันธรัฐสวิส และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ในฐานะหัวหน้าคณะการประชุมหารือกับผู้แทนสถาบันจัดอันดับ ๒ สถาบัน คือ สถาบัน World Economic Forum (WEF) และ Institute for Management Development (IMD) โดยผลการหารือกับ WEF เห็นด้วยที่จะจัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับไทยอย่างบูรณาการเพื่อเป็นกรอบความร่วมมือหลัก (Master Framework) ในการขับเคลื่อนการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และสำหรับกรณีที่ประเทศไทยแสดงความสนใจเป็นเจ้าภาพ WEF ASEAN Summit 2020 นั้น ผู้แทน WEF เห็นว่ามีความเป็นไปได้ ซึ่งทาง WEF จะพิจารณาตัดสินใจเรื่องการเป็นเจ้าภาพนี้ในปีหน้า ส่วนผลการหารือกับ IMD โดย IMD ชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายให้คำปรึกษาในการยกอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อย่างไรก็ดี IMD สามารถศึกษาแนวทางการจัดทำเครื่องมือในการจำลองการเปลี่ยนแปลงอันดับความสามารถในการแข่งขันร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยินดีร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนของไทยในการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของบริษัท Startups การสร้างและใช้ประโยชน์จาก Big Data ๒. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ได้ศึกษาดูงานองค์กรและสถาบันที่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรมและสังคมผู้ประกอบการ ได้แก่ (๑) Accenture Paris Innovation ซึ่งเป็นศูนย์ด้านวัตกรรมที่ตั้งขึ้นโดยใช้กรอบแนวคิด Design Thinking (๒) Station F ศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างเมืองหลวงด้านเทคโนโลยี/Silicon Valley แห่งภูมิภาคยุโรป และ (๓) BCG’s Innovation Center for Operations โรงงานต้นแบบในการนำแนวคิดอุตสาหกรรม ๔.๐ มาใช้ในกระบวนการผลิต โดย BCG ได้เสนอแนวทางเบื้องต้นสำหรับการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15509 | การปรับปรุงกลไกการทบทวนนโยบายการค้าขององค์การการค้าโลก | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขยายกำหนดระยะเวลาการทบทวนนโยบายการค้าของประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยออกไปรอบละ ๑ ปี (จากเดิมทุกระยะ ๔ ปี เป็นทุกระยะ ๕ ปี) และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ตามมติที่ประชุมคณะมนตรีใหญ่ (General Council) เนื่องจากจำนวนสมาชิก WTO เพิ่มขึ้นจากเดิม ฝ่ายเลขาธิการ WTO ซึ่งเป็นผู้จัดทำรายงานการทบทวนนโยบายทางการค้า มีทรัพยากรและบุคลากรจำกัดไม่สามารถจัดทำรายงานฯ ได้ตามกรอบเวลาเดิม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแจ้งการขยายกำหนดระยะเวลาการทบทวนนโยบายการค้าดังกล่าวให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อประโยชน์ในการศึกษานโยบายการค้าของแต่ละประเทศ และควรประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจัดทำรายงานการทบทวนนโยบายทางการค้าของไทยเป็นไปอย่างถูกต้อง รัดกุม และครอบคลุมมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นด้านการค้ามากยิ่งขึ้น ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15510 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม 2561 | พณ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม ๒๕๖๑ โดยการส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖๒ เดือน ที่ร้อยละ ๑๗.๖ (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๒๐,๑๐๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสามารถในการเปิดตลาดใหม่และกระจายประเภทสินค้าส่งออกไทยตามแนวทางการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ด้านการนำเข้ามีมูลค่า ๒๐,๒๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว ๒๔.๓ (YoY) จากการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เช่น สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพื่อใช้ในการผลิตในประเทศ ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๕ ที่ ๑๖.๒ (YoY) ทั้งในด้านปริมาณและราคา โดยเฉพาะข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๑ ที่ ๑๗.๒ (YoY) ทั้งในด้านปริมาณและราคา จากการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับแนวโน้มการส่งออกปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย ทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น โดยสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ การรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้เร็วยิ่งขึ้นด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ การส่งออก และการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย รวมทั้งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับให้ถูกต้องตรงกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15511 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการทหารให้มีมาตรฐานทั่วไปสอดคล้องกับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งกระทรวงกลาโหมจะนำไปกำหนดไว้ในข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ สถาบันการศึกษา สังกัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกันและลงโทษผู้ขอกำหนดตำแหน่งอันส่อให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำผิดทางจริยธรรมและจรรยาบรรณเกี่ยวกับผลงานทางวิชาการ และข้อสังเกตกรณีควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าสู่ตำแหน่งวิทยฐานะและเลื่อนระดับ กระทรวงกลาโหมจะนำไปกำหนดไว้ในข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการกำหนดวิทยฐานะสำหรับข้าราชการทหารที่ทำหน้าที่สอน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าสู่ระดับหรือเลื่อนระดับประเภทวิทยฐานะของข้าราชการทหารที่ทำหน้าที่สอนให้ชัดเจน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15512 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2560 | ดศ | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงาน จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) ความคืบหน้าของการดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ (๒) รายงานความคืบหน้ากรณีดาวเทียมไทยคม ๗ และไทยคม ๘ (๓) รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ (๔) ความคืบหน้าการศึกษาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. .... (๕) ความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และ (๖) ผลการสัมมนา “เทคโนโลยีอวกาศสู่งานวิจัยไทย ๔.๐” และการขับเคลื่อน Thailand Satellite Consortium ๒. พิจารณาประเด็นต่าง ๆ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) รายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม United Nations/United Arab Emirates-High Level Forum : Space as a Driver for Socio-Economic Sustainable Development (UN/UAE-High Level Forum) วันที่ ๖-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (๒) แนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมและสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมตามมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ (๓) นโยบายการอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เข้าใช้ช่องสัญญาณของดาวเทียมต่างประเทศในประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15513 | ร่างกฎกระทรวงสถานที่บรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทห้องบรรจุ พ.ศ. .... | พน | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานที่บรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทห้องบรรจุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานที่บรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทห้องบรรจุ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15514 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง เพื่อเป็นการรองรับคดีของศาลยุติธรรมที่มีแนวโน้มจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตท้องที่ของศาลแพ่งและศาลอาญา และกำหนดการรับพิจารณาและการโอนคดีในกรณีที่คดีในศาลชั้นต้นเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง พ.ศ. .... และเป็นการรองรับศาลยุติธรรมที่จะจัดตั้งขึ้นในอนาคต ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง พ.ศ. .... ควรกำหนดหลักเกณฑ์การปรับเปลี่ยนสถานภาพของศาลตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้ชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับหน้าที่อำนาจ ปริมาณงาน และความคุ้มค่าต่อประชาชนและประเทศ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้หน้าที่อำนาจและปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และหากพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับมีผลบังคับใช้ และมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15515 | การประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 24 (The 24th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๔ (The 24th Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา และมีมติอนุมัติ (๑) แผนดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๑ (๒) แผนยุทธศาสตร์การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มแม่น้ำโขงและแผนปฏิบัติการ (๓) แผนกลยุทธการบริหารจัดการและการพัฒนาการประมงในระดับลุ่มน้ำ และ (๔) การจ่ายเงินอุดหนุนคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ รวมทั้งอนุมัติหลักการจ่ายเงินอุดหนุนแก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ โดยในปี ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ไทยจะจ่ายเงินอุดหนุนลดลงร้อยละ ๑ ในทุก ๆ ๓ ปี (ปัจจุบันไทยจ่ายเงินอุดหนุนร้อยละ ๓๐) และในปี ๒๕๗๓ ไทยและประเทศสมาชิกจะมีสัดส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนเท่ากันที่ร้อยละ ๒๕ ซึ่งเงินอุดหนุนรวมของประเทศสมาชิกจะมีการปรับฐานเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ ๑๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินอุดหนุนของไทยให้แก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๗๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15516 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2561 เรื่อง ให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่) | สลธ.คสช. | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๑ เรื่อง ให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้งตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป ๒. ในกรณีที่ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มีอายุครบเจ็ดสิบปี ให้ผู้นั้นยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต่อไปจนกว่าประธานกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการการเลือกตั้งที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15517 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2560 | พม | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๐ โดยมีผลงานสำคัญ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมายการค้ามนุษย์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง การคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การเพิ่มสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้แก่ผู้เสียหาย การนำเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์แรงงานต่างด้าวทั้งระบบให้อยู่ในระบบฐานข้อมูลเดียวกันทั่วประเทศ การเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ และการใช้นโยบายเปิดกว้างเพื่อเพิ่มการทำงานร่วมกับพันธมิตรภาคประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15518 | ร่างพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการประเมินมูลค่าทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการประเมินมูลค่าทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกและปรับปรุงพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับคำนิยามของที่ราชพัสดุให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำทะเบียนที่ราชพัสดุและการปกครองดูแล บำรุงรักษา ใช้ จัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และการเรียกคืนที่ราชพัสดุ ซึ่งจะช่วยให้ระบบการบริหารจัดการที่ราชพัสดุมีความชัดเจน และเพิ่มเติมบทกำหนดโทษ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นำไปใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิง หรือเป็นฐานในการจัดเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หรือเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานอื่นของหน่วยงานของรัฐ ส่งผลทำให้เกิดความรวดเร็วในการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และเพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับคำนิยม เช่น คำว่า ที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินและที่ดิน องค์ประกอบของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ องค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินมูลค่าทรัพย์สินประจำจังหวัด การกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการกำหนดให้โครงการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ การส่งบัญชีกำหนดมูลค่าประเมินทรัพย์สิน และบทกำหนดโทษ เป็นต้น และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณาการกำหนดโทษอาญาให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) ที่เห็นควรกำหนดโทษอาญาในกรณีที่เป็นการกระทำที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายแรง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถใช้มาตรการอื่นใดเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างได้ผลหรือมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายได้ ทั้งนี้ หากโดยสภาพแล้วไม่ใช่ความผิดในลักษณะดังกล่าว สมควรใช้โทษปรับทางปกครองแทนหรือวิธีการอื่นแทนการปรับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้กรมธนารักษ์เร่งสำรวจการใช้ที่ราชพัสดุของหน่วยงานราชการต่าง ๆ เพื่อให้มีการใช้ที่ดินและอาคารอย่างสมประโยชน์ และสอดคล้องกับศักยภาพและการใช้ที่ดินโดยรอบ อีกทั้งควรเน้นให้ส่วนราชการที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกันอยู่ในอาคารรวมเดียวกันและบางส่วนอาจนำที่ราชพัสดุมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและเมืองมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15519 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐมาเลเซีย | กค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสหพันธรัฐมาเลเซีย (Memorandum of Understanding Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of Malaysia Concerning Cooperation and Mutual Assistance in Customs Matters) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือ และการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างศุลกากรไทยและศุลกากรมาเลเซียให้เกิดความเข้าใจในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร กฎหมาย ข้อบังคับ และพิธีการต่าง ๆ การแจ้งข่าวสารและแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับถ้อยคำที่ปรากฏในร่างบันทึกความเข้าใจฯ จาก สหพันธรัฐมาเลเซีย เป็น มาเลเซีย ตามชื่อทางการของประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน และเห็นควรให้กรมศุลกากรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้าของไทยเพื่อให้ทราบความต้องการข้อมูลของฝ่ายไทยจากหน่วยงานศุลกากรของมาเลเซีย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งออกและนำเข้าให้กับผู้ประกอบการไทย โดยควรมีการหารือเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15520 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือ และการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 27/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือและการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือ และการประกันภัยเรือสำหรับโดยสาร พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....