ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 773 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 15441 - 15460 จากข้อมูลทั้งหมด 124010 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15441 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น และให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีดังกล่าวที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรค ๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15442 | รายงานผลการเบิกจ่าย และแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๒,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๔๗๐,๕๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๗๑ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๕๙ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๕๒.๒๙) และรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียว (ไม่รวมงบกลาง) ที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๕๔,๖๑๗ ล้านบาท สำหรับประมาณการก่อหนี้ผูกพันรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียว (ไม่รวมงบกลาง) โดยหักรายจ่ายลงทุนหน่วยงานดำเนินการเอง รายการค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน รายการค่าครุภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะพิเศษหรือจัดซื้อจากต่างประเทศ และรายการยกเลิกและเงินเหลือจ่ายจากการจัดซื้อจัดจ้าง หลังวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๓๙,๐๐๗ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ คาดว่าจะมีการก่อหนี้ผูกพันเพิ่มขึ้นประมาณ ๖,๘๗๐ ล้านบาท จากรายการที่มีสถานะรอลงนาม และ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ คาดว่าจะมีการก่อหนี้ผูกพันเพิ่มขึ้นประมาณ ๑๔,๕๕๔ ล้านบาท จากรายการที่มีสถานะทราบผลการประกวดราคาแล้ว ๑.๒ เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ สำหรับรายจ่ายลงทุนรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้เร่งรัดดำเนินการและก่อหนี้ผูกพันในโอกาสแรก ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15443 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 | กค | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๐ ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๘๔๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๒๗๓,๗๔๖.๙๔ บาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๘๖,๘๒๖,๒๕๓.๐๖ บาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๘๖,๘๒๖,๒๕๓.๐๖ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ ๑ ต่อปี ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑ ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเกษตรกรผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้บริการพร้อมเพย์ (Promptpay) ในการรับ-โอนค่าเบี้ยประกันภัยและค่าสินไหมทดแทน พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกรแบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในอนาคต และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแยกประเภทพืชต่าง ๆ ๑.๕ มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่การประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ เช่นเดียวกับการดำเนินการของโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ และให้คณะกรรมการดังกล่าวดำเนินการรับรองความเสียหายของเกษตรกรในกลุ่มข้างต้น และจัดส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๑ ได้ทันที ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ และการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๗ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. เตรียมการเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มที่ได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส. ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับภาระโดยจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่งในการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ๑.๘ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยประสานงานกับ ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาระบบการประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์สูงสุด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ จะต้องมีความเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ของฤดูกาลเพาะปลูกอย่างแท้จริง รวมทั้งประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการประกันภัยในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนเกษตรกรผู้เอาประกันภัย จำนวนพื้นที่การเพาะปลูก ประเภทของภัยที่จะคุ้มครอง อัตราเบี้ยประกันภัย อัตราค่าสินไหมทดแทน และความซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาผลการดำเนินงานโดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสม แต่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมและมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเป็นประจำทุกปี ตลอดจนเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายผลไปยังข้าวนาปรัง ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางการเกษตรเช่นกัน รวมถึงสินค้าเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ ในระยะต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15444 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผังเมือง (พลเอก เกษม ยุกตวีระ) (กรรมการผังเมืองขอลาออก และขอแต่งตั้งกรรมการผังเมืองทดแทนตำแหน่งที่ว่าง) | มท | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก เกษม ยุกตวีระ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมในคณะกรรมการผังเมือง แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑๐ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15445 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล) | วธ | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15446 | การแต่งตั้งข้าราชการ (จำนวน 2 ราย 1. นายปรเมธี วิมลศิริ 2. นายสมชัย สัจจพงษ์) | นร | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ ดังนี้
๑. นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิมซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ๒. นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15447 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2561 | นร | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๗-๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ : จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์) โดยจัดกำหนดการนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15448 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งเร่งรัดการกำหนดแนวทางพัฒนาพื้นที่และการดำเนินกิจการต่าง ๆ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ นั้น ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้รวมถึงการพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ให้แก่ภาคเอกชนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงประเด็นที่เป็นความต้องการของประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15449 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 13 | กห | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัณห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นประธานร่วม ซึ่งที่ประชุมฯ ได้ชื่นชมผลสำเร็จของการปฏิบัติงานที่ผ่านมา เช่น การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมและกีฬาระหว่างหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน และเห็นชอบให้เพิ่มความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น ให้มีการพบปะหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ประสานงาน (HOTLINE) ให้ครอบคลุมตลอดแนวชายแดน นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชาได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรี และได้หารือถึงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง รวมทั้งมีความเห็นร่วมกันที่จะติดตามและจับกุมบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและหลบหนีคดีอยู่ในราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา การพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนที่ทับซ้อน และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้มีความสงบสุขและมั่นคง ตลอดจนการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ ไทย-กัมพูชา เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15450 | แนวทางการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2561 (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) | วธ | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๑ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย” โดยกระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ได้จัดประชุมเพื่อบูรณาการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เข่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ซึ่งทุกหน่วยงานเห็นพ้องกันว่า ประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีที่สำคัญ แสดงถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของประเทศไทยซึ่งประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติรับรู้และรู้จักเป็นอย่างดี โดยมีแนวทางการรณรงค์ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การรณรงค์จัดกิจกรรม “สงกรานต์วิถีไทย” (๒) การรณรงค์เรื่อง “ใช้น้ำคุ้มค่า” และ (๓) การรณรงค์เรื่อง “ชีวาปลอดภัย” ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติรับทราบแนวทางการจัดงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๑ ดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15451 | สรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2561 | พณ | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภค เงินเฟ้อทั่วไป เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๔๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๖๘ (YoY) ในเดือนก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๘ ติดต่อกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของความต้องการสินค้าและบริการของผู้บริโภค (Demand Pull) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา โดยเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๖๑ (YoY) ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๙ (YoY) และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๙ (YoY) ๒. แนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (ทั้งเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน) อย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการลดลงต่อเนื่องของดัชนีราคาผู้ผลิต ประกอบกับเครื่องชี้วัดด้านการบริโภคภาคเอกชนต่าง ๆ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทิศทางชี้ว่าเศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัวและมีอุปสงค์ในสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาเริ่มส่งผลดี ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อในปี ๒๕๖๑ มีทิศทางที่เข้าสู่เป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15452 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15453 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้องเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้องเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่สายสองพี่น้องเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำสำหรับกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15454 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4369 สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 พ.ศ. .... | คค | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๓๖๙ สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๓๖๙ สายพรุเตียว-ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ ในท้องที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ไปพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในบริเวณพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ ที่มีความสอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการด้านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ และเชื่อมโยงกับแนวทางการใช้ประโยชน์ด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ ๒ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15455 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ปี 2560 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๖๐ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งานจัดเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ได้รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รวม ๗ ประเภท ได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ โรงแรม นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า เพื่อนำมาประมวลผลใน ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปทาน ด้านอุปสงค์ ด้านราคา และด้านการเงิน ๒. การดำเนินงานด้านการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข้อมูลและข่าวสารด้านอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ ปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ จัดทำวารสารฉบับใหม่ชื่อวารสาร “GHB : REIC วารสารศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์” และงานอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ๓. งานบริหารจัดการระบบสารสนเทศ ได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง และอยู่ระหว่างจัดทำร่างข้อกำหนดความต้องการของระบบ (Term of Reference : TOR) เพื่อเสนอขออนุมัติงบประมาณจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ๔. ข้อมูลสถิติและสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ (เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล) ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๖๐ เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน ๕. ผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยจากแอปพลิเคชัน Home For All พบว่า มีประชาชน จำนวน ๗๓,๗๖๑ ราย หรือร้อยละ ๘๙.๒ มีความต้องการที่อยู่อาศัย จากประชาชนผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด ๘๒,๗๑๙ ราย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15456 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 6 ราย 1. นางสาวชวนชม กิจพันธ์ ฯลฯ) | นร07 | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๖ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวชวนชม กิจพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๒. นายสมชัย รอดเรือง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๓. นางสาวศิลักษณ์ ปั้นน่วม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๔. นางพิมพร โอวาสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๕. นายสุรยุทธ ศรีประเสริฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๖. นายทวีศักดิ์ ชพานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15457 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องขออนุมัติเปิดสถานกงสุลสหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต เป็น เรื่องขออนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่สหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต | กต | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งอนุมัติกรณีรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียเสนอขอเปิดสถานกงสุลสหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา ตรัง และยะลา เป็น ขอเปิดสถานกงสุลใหญ่สหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา ตรัง และยะลา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15458 | สรุปผลการประชุมระดับนโยบายของคณะกรรมการด้านการขนส่งทางบก ครั้งที่ 80 ของ UNECE | คค | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับนโยบายของคณะกรรมการด้านการขนส่งทางบก (Inland Transport Committee : ITC) ครั้งที่ ๘๐ ภายใต้คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับภูมิภาคยุโรป (United Nations Economic Commission for Europe : UNECE) ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การกล่าวเปิดการประชุมฯ โดยเลขาธิการบริหาร UNECE ซึ่งได้นำเสนอเครื่องมือสำหรับแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนน ภายใต้ชื่อ “SafeFITS” (Safe Future Inland Transport System) และได้เชิญชวนรัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ ให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับกองทุนด้านความปลอดภัยทางถนนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Trust Fund on Road Safety) ๒. การประชุมหารือระดับนโยบายภายใต้หัวข้อ “Intermobility : The Key to Sustainable Transport and Mobility” โดยที่ประชุมฯ ได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นต่าง ๆ อาทิ บทบาทของระบบการขนส่งที่เชื่อมต่อกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การเชื่อมโยงการขนส่งทุกรูปแบบอย่างไร้รอยต่อทั้งการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า การส่งเสริมระบบการขนส่งที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีความรวดเร็วขึ้น ในราคาที่ถูกลง ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ร่วมเป็นผู้อภิปราย (Keynote Speaker) ภายใต้หัวข้อ Intermodal passenger mobility โดยกล่าวถึงการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการขนส่งของประเทศในระยะ ๒๐ ปี ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมทั้งการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง ๓. การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกับผู้บริหารระดับสูงขององค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ การหารือกับเลขาธิการบริหารของ UNECE เลขาธิการสหภาพการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ (International Road Transport Union : IRU) และเลขาธิการกิจการพิเศษด้านความปลอดภัยทางถนนแห่งสหประชาชาติ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีข้อเสนอที่สำคัญ อาทิ การจัดตั้งกองทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนน ควรมุ่งเน้นที่จะตอบสนองต่อความต้องการของประเทศกำลังพัฒนา การให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยทางถนน ซึ่งกำหนดเป็นนโยบายระดับชาติในรูปแบบมาตรการเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์ เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีกองทุน Road Safety Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15459 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 21 และ 28 กุมภาพันธ์ 2561 และวันที่ 14 มีนาคม 2561 | กค | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๑ และ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวนรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนด และจะดำเนินการออกพันธบัตร รุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวนรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ ๓-๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อมาชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว รวมทั้งได้จัดส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15460 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ 24 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 03/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ ๒๔ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๒๔ ที่ประชุมเห็นชอบประเด็นด้านเศรษฐกิจที่สิงคโปร์ในฐานะประธานอาเซียนปี ๒๕๖๑ เสนอให้สมาชิกอาเซียนร่วมกันดำเนินการให้สำเร็จในปี ๒๕๖๑ อาทิ การหาข้อสรุปความตกลงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน การจัดตั้งเครือข่ายนวัตกรรมในอาเซียน การจัดทำระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน การเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียนให้ใช้งานได้จริง การลงนามความตกลงการค้าบริการของอาเซียน การยกระดับความตกลงด้านการลงทุนของอาเซียน และที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับผลการศึกษาของสำนักงานเลขาธิการอาเซียนเกี่ยวกับการประเมินประเทศ/กลุ่มประเทศที่แสดงความสนใจที่จะจัดทำเขตการค้าเสรี (FTA) กับอาเซียนในอนาคต ได้แก่ สหภาพยุโรป แคนาดา สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) และกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) โดยที่ประชุมเห็นว่าการจัดทำความตกลง FTA กับประเทศคู่เจรจาของอาเซียนในอนาคตจะมีความซับซ้อนมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยอาเซียนควรใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นแนวทางในการเจรจาที่อาเซียนจะต้องได้ประโยชน์มากขึ้นจาก FTA ที่ผ่านมา ๒. การประชุมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ที่ประชุมได้หารือการส่งเสริมความสัมพันธ์สองฝ่าย รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าการหารือคณะทำงานร่วมสองฝ่ายเพื่อจัดทำกรอบกำหนดขอบเขตการเจรจา FTA ระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยที่ประชุมมอบให้คณะทำงานร่วมสองฝ่ายหารือกันต่อ เพื่อให้สามารถจัดทำกรอบกำหนดขอบเขตการเจรจาฯ ร่วมกัน และรายงานความคืบหน้าในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๒ ๓. การประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๔ ที่ประชุมย้ำความตั้งใจที่จะให้การเจรจา RCEP มีความคืบหน้าเพื่อให้สามารถสรุปผลได้อย่างมีนัยสำคัญในปี ๒๕๖๑ และมอบแนวทางการเจรจาในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า และการแข่งขัน โดยขอให้สมาชิกมุ่งเน้นการเจรจาสองฝ่าย (Request & Offer Process) พร้อมปรับปรุงข้อเสนอเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุนที่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสมาชิก เพื่อให้การเปิดตลาดเป็นไปอย่างมีนัยสำคัญเชิงพาณิชย์ ๔. การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) กับผู้แทนสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป (EU-ABC) และสมาคมพันธมิตรธุรกิจยุโรป-อาเซียน (Europe-ASEAN Business Alliance : EABA) โดยได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการค้าการลงทุนของไทย โอกาสการขยายธุรกิจในไทย และแนวทางแก้ไขปัญหามาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้า นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยุโรปสนับสนุนการรื้อฟื้นการเจรจา FTA ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป และรับที่จะช่วยผลักดันให้สหภาพยุโรปเริ่มกระบวนการหารือกับไทยโดยเร็ว
|
.....