ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 780 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 15581 - 15600 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15581 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 3 ราย 1. นายอนุกูล เจิมมงคล ฯลฯ) | นร06 | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุกูล เจิมมงคล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๒. นายฤทธี ศรีสวัสดิ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓. นายเศรษฐภักค์ ภู่พันธ์ศรี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15582 | การแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ ของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับของโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟบริเวณสถานีบ้านไผ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ และอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างก่อสร้างและสัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จากทางรถไฟที่เป็นระดับดินถมสูงประมาณ ๗.๐๐ เมตร เป็นโครงสร้างทางยกระดับระยะทางประมาณ ๒.๐๕๘ กิโลเมตร และเพิ่มทางลอดที่ถนนมิตรภาพ ๒ ความกว้างขนาด ๒-๓.๕๐ x ๔.๐๐ เมตร (กว้างทั้งหมด ๗.๐๐ เมตร สูง ๔.๐๐ เมตร) โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๙๑๓.๕๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ซึ่งยังอยู่ในกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘) และใช้ระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ ๑๑ เดือน (ซึ่งหากสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ จะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15583 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตจัดตั้งสนามบินเสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ประกอบการพิจารณาประกาศกำหนดสนามบินอนุญาตเพื่อเปิดให้บริการแก่สาธารณะ เพื่อรองรับกรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจะขออนุญาตจัดตั้งสนามบินเพื่อเปิดให้บริการแก่สาธารณะ รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนแม่บทการจัดตั้งสนามบินพาณิชย์ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อนำมาเป็นแนวทางหรือหลักเกณฑ์ประกอบการพิจารณากำหนดหรืออนุญาตจัดตั้งสนามบินแห่งใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15584 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | กษ | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร พร้อมอาคารประกอบ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15585 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขออนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อกำหนดข้อยกเว้นสำหรับผู้รับใบอนุญาตทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินกรณีการเพาะเลี้ยงหอยทะเลและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๑๐ แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการติดตามดูแลและการจัดการซากหอยทะเลในแหล่งเพาะเลี้ยงสำคัญเพื่อรองรับความเสี่ยงในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติ ปัญหาคุณภาพน้ำ และปัญหาโรคระบาดต่าง ๆ ที่ทำให้หอยทะเลที่เพาะเลี้ยงตายเป็นจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15586 | ผลการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 3 (3rd Asia-Pacific Water Summit) | ทส | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๓ (3rd Asia-Pacific Water Summit) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับรองปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) โดยได้แสดงเจนารมณ์ที่จะทำให้ความมั่นคงของน้ำเกิดผลสัมฤทธิ์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประกาศว่าจะดำเนินการในเรื่องน้ำ เช่น จัดหาน้ำดื่มที่ปลอดภัยและการสุขาภิบาลขั้นมูลฐานสำหรับทุกคนในภูมิภาคภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๕ เพิ่มการลงทุนในระดับภูมิภาคทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินการระดับชุมชนเพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ เพิ่มการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการศึกษาและการฝึกอบรมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านประสิทธิภาพการใช้น้ำและผลผลิตการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นพ้องกับหนทางที่จะเดินหน้าต่อไปสู่การยกระดับนวัตกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงของน้ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การจัดการวัฏจักรน้ำที่ดี ธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การเงินสำหรับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15587 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 3 | ทส | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ (The Third session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 3) ระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยมีนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตประจำกรุงไนโรบีและผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม UNEA 3 ซึ่งในที่ประชุม UNEA 3 ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันรับรองข้อมติและข้อตัดสินใจเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับทุกประเทศ รวมถึงได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกัน บรรเทา และจัดการมลพิษในทุกรูปแบบ และมีการระบุถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการดำเนินงานแก้ไขอย่างเร่งด่วน ตลอดจนเป็นแนวทางสำคัญเพื่อการบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ มอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในประเด็นต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละเป้าหมาย เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการเพื่อเพิ่มการศึกษาวิจัยและส่งเสริมการพัฒนาข้อมูลวิทยาศาสตร์และเผยแพร่ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศที่อ้างอิงตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการพัฒนามาตรการและกฎหมายที่เหมาะสมในระดับประเทศในการลดความเสี่ยงที่เกิดจากสารเคมี และจัดการแบตเตอรี่ตะกั่วที่ใช้แล้วอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการให้มีมาตรการส่งเสริมและลงทุนด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15588 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2560 และขออนุมัติยุบเลิกคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ | นร11 | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๑.๑ ผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว จำนวน ๒ มาตรการ ได้แก่ (๑) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ และ (๒) มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ ความก้าวหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ จำนวน ๑๗ มาตรการ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (๓) มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน (๔) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร (๕) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ (๖) มาตรการฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๗) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๘) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๖) (๙) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan (๑๐) โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินโดยธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (๑๑) โครงการบ้านประชารัฐ (๑๒) โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ (๑๓) การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (๑๔) มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น (๑๕) มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ (๑๖) โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน และ (๑๗) โครงการประชารัฐสวัสดิการการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ๒. อนุมัติการยุบเลิกคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เนื่องจากคณะกรรมการชุดนี้สามารถดำเนินการได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งแล้ว โดยปัจจุบันเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ๓. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามการดำเนินงานตามมาตรการ/โครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15589 | รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ 1 | รง | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน ชุดที่ ๑ วาระที่ ๒ (ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างกลไกเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ได้รับการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น คณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้านได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน จำนวน ๔ คณะ เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและศึกษาแนวทางการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาเพื่อนำมากำหนดนโยบายต่อไป ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนางานที่รับไปทำที่บ้าน (๒) คณะอนุกรรมการกำหนดอัตราค่าตอบแทนในงานที่รับไปทำที่บ้าน (๓) คณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความในบทบัญญัติมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๓ และ (๔) คณะทำงานด้านการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน ๒. การพิจารณาร่างกฎหมายลำดับรอง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ดำเนินการออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อรองรับพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยได้พิจารณาเสร็จสิ้นและมีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) กฎกระทรวงกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อหญิงมีครรภ์และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และ (๒) ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน เรื่อง อัตราค่าตอบแทนในงานที่รับไปทำที่บ้าน และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓ ฉบับ ๓. การส่งเสริมและการพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบได้ดำเนินโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาการรับงานไปทำที่บ้านเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้จ้างงาน และนักวิชาการ เป็นต้น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาการรับงานไปทำที่บ้านต่อไป ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเกี่ยวกับผู้รับงานไปทำที่บ้าน เช่น ขาดฐานข้อมูลที่ชัดเจนในด้านจำนวนผู้รับจ้างงานและผู้รับงานที่ชัดเจน ความสัมพันธ์ในการจ้างงานไม่ชัดเจน และข้อมูลมีความเคลื่อนไหวไม่คงที่และขาดฐานข้อมูลที่ชัดเจน เป็นต้น สำหรับข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น ส่งเสริมการรวมกลุ่มและการจัดตั้งกลุ่มเพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง ยั่งยืน และเพิ่มอำนาจการต่อรอง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านทราบสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15590 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 กรณีรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดิน ระยะที่ 2 | มท | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดิน ระยะที่ ๒ ซึ่งได้ดำเนินการด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ได้ผลการประกวดราคาในวงเงินทั้งสิ้น ๒,๗๖๗.๙๒ ล้านบาท โดยมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15591 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 รวม 8 ฉบับ | วท | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดสารประกอบหรือสารผสมของยูเรเนียมหรือทอเรียมเพื่อให้สารประกอบหรือสารผสมนั้นเป็นวัสดุต้นกำลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สารประกอบของยูเรเนียม สารประกอบของทอเรียม หรือสารผสมที่มียูเรียม ทอเรียม สารประกอบของยูเรเนียมหรือสารประกอบของทอเรียม ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะทางกายภาพใดเป็นวัสดุต้นกำลัง ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดศักยภาพทางเทคนิคของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ต้องมีศักยภาพทางเทคนิคเพียงพอในการดูแลความปลอดภัย ความมั่นคงปลอดภัยของวัสดุนิวเคลียร์ และการดำเนินการเมื่อเลิกใช้งานวัสดุนิวเคลียร์ที่ขอรับใบอนุญาต ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดการดำเนินกิจการทางนิวเคลียร์ที่ต้องแจ้งต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ที่จะดำเนินกิจการทางนิวเคลียร์จะต้องแจ้งต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตหรือแจ้งตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตการขอต่ออายุใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประสงค์จะทำเครื่องกำเนิดรังสี มีไว้ในครอบครอง หรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี นำเข้าหรือส่งออกเครื่องกำเนิดรังสี ต้องขอรับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนด ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดศักยภาพทางเทคนิคของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสีต้องมีศักยภาพทางเทคนิคเพียงพอในการดูแลความปลอดภัยของเครื่องกำเนิดรังสีที่ขออนุญาต ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตการขอต่ออายุใบอนุญาต การออกใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับ ประเภท และคุณวุฒิของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประสงค์จะตั้งสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสีต้องรับใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี ใบอนุญาตก่อสร้างสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี และใบอนุญาตดำเนินการให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี จากเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๖ ควรกำหนดปริมาณรังสีและรัศมีบริเวณที่ครอบคลุมถึงประชาชนทั่วไปที่จะได้รับผลกระทบเพื่อการกำกับดูแลที่ชัดเจนและความปลอดภัยสูงสุด ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๔ ควรตรวจสอบและแก้ไขบัญชีแนบท้ายหมายเลข ๕ ด้วย ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๕ ในข้อ ๗ ผู้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าหรือใบอนุญาตส่งออกเครื่องกำเนิดรังสีต้องยื่นเอกสารหลักฐานมีประเด็นความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๖ ในข้อ ๑๔ ยังมีปัญหาในการปฏิบัติ และร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๗ ในข้อ ๔ ไม่มีความชัดเจนหรือเกณฑ์ในการกำหนดระดับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยจากระดับต้นไประดับกลาง และจากระดับกลางไประดับสูง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรมีการควบคุมการดำเนินกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุนิวเคลียร์ให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15592 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลคำหยาด และตำบลบางพระ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลคำหยาด และตำบลทางพระ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพานพร้าว และตำบลหนองปลาปาก อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินการจัดรูปที่ดินตามแผนแม่บทการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15593 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และมาตรฐานเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย และคุณสมบัติของวัสดุและอุปกรณ์ของเครื่องเล่น รวมทั้งคุณสมบัติของพนักงานดูแลความปลอดภัยประจำเครื่องเล่นและพนักงานควบคุมเครื่องเล่น เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกหรือในสถานที่อื่นในลักษณะเดียวกัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่เห็นควรแก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบเครื่องเล่นเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีแผนการบำรุงรักษาและเพิ่มวงเงินประกันภัย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตก่อสร้าง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายเครื่องเล่น รวมทั้งการปฏิบัติอื่น ๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงฯอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15594 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน | อก | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กรณีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เห็นชอบด้วยแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระดับพื้นที่ กระทรวงอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และให้แจ้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15595 | ความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างยุทธศาสตร์ชาติใน ๔ ภูมิภาค และสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับข้อเสนอแนะเพื่อนำไปให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแก้ไขเพิ่มเติมร่างยุทธศาสตร์ชาติแล้ว และจะนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาภายในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ได้จัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเห็นชอบในหลักการแล้วในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศได้เสนอร่างแผนการปฏิรูปประเทศมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวประชุมวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด (ภายในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๑) เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วจะต้องรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามขั้นตอนต่อไป ๓. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการจัดทำระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดยดำเนินการร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เพื่อจัดทำระบบสารสนเทศในการรายงานผลการดำเนินงานของรัฐ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้คณะทำงานพิเศษภายในสำนักงานปลัดกระทรวงของแต่ละกระทรวงที่ได้รับการแต่งตั้งตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นกลไกในการประสานการดำเนินงานดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15596 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมกราคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๙ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๗ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๑ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๒ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15597 | รายงานข้อมูลร่างกฎหมายสำคัญ แผนการปฏิรูปในเรื่องต่างๆ และโครงการสำคัญที่หน่วยงานจะดำเนินการในปี 2561 | นร05 | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลร่างกฎหมายสำคัญ แผนการปฏิรูปในเรื่องต่าง ๆ และโครงการสำคัญที่หน่วยงานจะดำเนินการในปี ๒๕๖๑ จากส่วนราชการ องค์กรอิสระ และส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี รวม ๕๓ หน่วยงาน ซึ่งได้รับรายงานข้อมูลดังกล่าว รวม ๓๕ หน่วยงาน (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) ประกอบด้วย ร่างกฎหมายสำคัญ ๑๖๐ ฉบับ แผนการปฏิรูปในเรื่องต่าง ๆ ๒๐๓ เรื่อง และโครงการสำคัญ ๒๑๔ โครงการ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15598 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2561) | คค | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าและป้องกันความสับสนบริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15599 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2561 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2561) | นร08 | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ และร่างประกาศ เรื่อง ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ๓. เห็นชอบการปรับลดพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15600 | รายงานประจำปี 2558 ศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๘ ศาลรัฐธรรมนูญ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการปฏิบัติราชการของศาลรัฐธรรมนูญ ๒ ส่วนหลัก ประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติราชการด้านคดี เช่น การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ การเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น และ (๒) ผลการปฏิบัติราชการตามแผนยุทธศาสตร์ เช่น การสร้างองค์กรและบุคลากรให้มีความเข้มแข็งมีจริยธรรมและคุณธรรม การประชาสัมพันธ์เชิงรุก การส่งเสริมเครือข่ายด้านการพัฒนาประชาธิปไตย เป็นต้น รวมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจรับรองบัญชีแล้ว ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญรับข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินฉบับนี้จากข้อมูลในระบบบัญชีของหน่วยงานซึ่งไม่เป็นไปตามแนวทางการยกเลิกการจัดทำบัญชีตามเกณฑ์คงค้างด้วยมือ (Manual) ของกรมบัญชีกลาง และไม่นำข้อมูลทางบัญชีบันทึกในงบทดลองตามแบบ บช. ๐๕ ให้ครบถ้วนถูกต้อง ทำให้เกิดข้อคลาดเคลื่อนของงบการเงินในระบบ GFMIS หากมีการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องครบถ้วนจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และตรงกับงบการเงินฉบับนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเร่งรัดการเสนอผลการสอบบัญชีต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ชักช้า เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ ด้วย
|
.....