ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 658 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13141 - 13160 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13141 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2561 | สวพส. | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ซี่งที่ประชุม กปส. ได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ แบ่งเป็นเรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง และเรื่องพิจารณา จำนวน ๑๑ เรื่อง รวมถึงการปรับองค์ประกอบคณะทำงานสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และการปรับแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๒. เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ปรับเพิ่ม ๕ ตำแหน่ง คือ (๑) ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นที่ปรึกษา (๒) ที่ปรึกษาพิเศษของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นที่ปรึกษา (๓) ผู้แทนสำนักพระราชวัง เป็นกรรมการ (๔) เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ และ (๕) ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการ และปรับออก ๒ ตำแหน่ง คือ ราชเลขาธิการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วให้ดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่เฉพาะ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) และแผนปฏิบัติการโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ตามแบบโครงการหลวงเพื่อการพัฒนาศักยภาพชุมชนบนพื้นที่สูง ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) สำหรับรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้ว และหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๔. ให้ กปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น (๑) ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการของหน่วยงานในระดับพื้นที่ให้มากทั้งทรัพยากรและบุคลากรเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างสูงสุด (๒) ควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประชุมร่วมกันเพื่อหารือแนวทางขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการหลวง (โครงการพระราชดำริ) เพื่อให้หน่วยงานสามารถเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้กำหนดไว้โดยเร็วต่อไป (๓) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกิจกรรมหรือโครงการที่เข้าข่ายที่จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และ (๔) การขยายตัวของชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและขยายการเพาะปลูก รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับรับโครงการฯ ควรคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความสมดุลธรรมชาติในระยะยาว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13142 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น (๑) มาตรการระยะสั้น (ควรดำเนินการในช่วง ๑-๒ ปี) ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองพื้นที่ที่มีความสำคัญหรือมีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม และ (๒) มาตรการระยะยาว (ควรดำเนินการในช่วง ๓-๑๐ ปี) ได้แก่ การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การป้องกันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินศักยภาพการรองรับของพื้นที่ การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนากลไกความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสำนึกรักและหวงแหน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ การพิจารณาถึงความกลมกลืนและผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และการลดทอนคุณค่าของแหล่งศิลปกรรมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13143 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดให้คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาจประกาศยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติในภายหลังได้ เนื่องจากผู้นั้นขาดคุณสมบัติในเรื่องการมีสัญชาติไทยหรือเป็นผู้ขาดคุณธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีศิลปินแห่งชาติอาจขอลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติได้เมื่อมีเหตุขาดคุณสมบัติ และให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับกรณีศิลปินที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วต่อมาถูกยกเลิกการยกย่องเนื่องจากขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรม นั้น การยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติพิจารณาจากผลงาน ไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล เพื่อเป็นต้นแบบในการประพฤติหรือปฏิบัติเช่นรางวัลอื่นหรือไม่ ประกอบกับศิลปินบางท่านก่อนได้รับการยกย่องอาจมีวิถีชีวิตเฉพาะตัว ดังนั้น การกำหนดว่าขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรมได้กำหนดชัดเจนหรือไม่ว่าเป็น “คุณธรรม” เรื่องใด เช่น ดื่มสุราเมามาย เรื่องชู้สาว เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความในภายหลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13144 | การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ 4 (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) | นร13 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ ๔ (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมของข้อบทการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติ (Prohibition of Performance Requirements : PPR) เช่น กำหนดให้ใช้วัตถุดิบในประเทศ กำหนดสัดส่วนปริมาณหรือมูลค่าของการนำเข้าและส่งออก หรือการกำหนดปริมาณเงินตราต่างประเทศที่นำเข้ามาลงทุน ห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติที่มีระดับเกินกว่าที่ผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงว่าด้วยมาตรการการลงทุนที่เกี่ยวกับการค้า (Agreement on Trade-Related Investment Measures : TRIMs) ขององค์การการค้าโลก และกำหนดว่าสมาชิกอาเซียนจะต้องประเมินและทบทวนข้อบท PPR เพื่อพิจารณาเงื่อนไขหรือองค์ประกอบเพิ่มเติมเมื่อมีความจำเป็น เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๕ ในเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามร่างพิธีสารฯ ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารฯ ต่อไป ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว ๖. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนไทยทราบถึงขอบเขตการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติที่จะมีขึ้นจากการแก้ไขความตกลงด้านการลงทุนดังกล่าว เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าของไทยกับประเทศในอนุภูมิภาคและภูมิภาคอาเซียนได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13145 | ขอความเห็นชอบโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก | กษ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้กับสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่มีสัญญาเงินกู้เพื่อการผลิตทางการเกษตร ปี ๒๕๖๑ ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ประสบภัยตามประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่นั้น ๆ และได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติจากพายุโซนร้อนปาบึก ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๒) กลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จำนวน ๖,๘๖๘ ราย ในพื้นที่ ๙ จังหวัดในภาคใต้และภาคตะวันออก ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๖๒๒,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ แผนงานยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคงและลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร งบเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลัง ปีการผลิต ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ยืนยันว่าดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีงบประมาณเหลือจ่าย จำนวน ๓๖,๒๖๖,๑๓๘.๔๒ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ร่วมโครงการฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ รวมทั้งมิให้เกิดความซ้ำซ้อนของการช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรระดับครัวเรือนที่มีพื้นที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากพายุโซนร้อนปาบึกอย่างแท้จริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบคุณสมบัติและสัญญาเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ อย่างครบถ้วน รวมถึงติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ภายหลังสิ้นสุดโครงการฯ ด้วย และนอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว ควรสนับสนุนให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับศักยภาพของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร และสอดคล้องกับสถานการณ์ความเสียหายและความต้องการในพื้นที่ เช่น การพักชำระหนี้เงินต้นให้กับสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร การลดต้นทุนในการดำรงชีพโดยการจัดหาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายให้กับสมาชิกในราคาต่ำกว่าท้องตลาด และการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายภายหลังประสบภัยธรรมชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13146 | ผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (IMG) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ สมาพันธรัฐสวิส | พณ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (Informal WTO Ministerial Gathering : IMG) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องกับการประชุมผู้นำเศรษฐกิจของโลก (World Economic Forum : WEF) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม IMG ได้มีการหารือเกี่ยวกับระบบการค้าพหุภาคีและการปฏิรูป WTO โดยเน้นย้ำความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคีโดยยึดถือกฎเกณฑ์ทางการค้าเป็นพื้นฐานสำคัญ (rule-based multilateral trading system) ซึ่งไทยเน้นย้ำความสำคัญของ WTO และระบบการค้าพหุภาคี โดยเชื่อมั่นว่าระบบการค้าพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยแก้ไขความตึงเครียด และประเด็นทางการค้า สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงระบบการค้าพหุภาคีให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อปรับปรุงกลไกการทำงานของ WTO ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขอุปสรรคของระบบการค้าพหุภาคี และเรียกร้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการปฏิรูป WTO อย่างครอบคลุม ๒. การประชุม WEF ได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและบทบาทของจีน และความร่วมมือเพื่อปฏิรูประบบอาหาร (food systems transformation) ระดับโลก ผ่านการเป็นหุ้นส่วน และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ รวมถึงการสนับสนุนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอาหาร การกำหนดนโยบายและความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วนเพื่อยกระดับนวัตกรรมด้านอาหาร ๓. การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรองอธิบดีสำนักงานเกษตรแห่งสมาพันธรัฐสวิสซึ่งมีประเด็นหารือเกี่ยวกับระบบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในสวิตเซอร์แลนด์ และการหารือกับประธานกรรมการบริหารภูมิภาคเอเชียของบริษัทเนสท์เล่ โดยไทยได้เชิญชวนให้บริษัทเนสท์เล่เข้ามาขยายการลงทุนในไทยในสาขาที่ใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพหรืออาหารจากพืช โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบทดแทนผลิตภัณฑ์นม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13147 | (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ | นร11 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13148 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยใช้มิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เสริมสร้างการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง และสานต่อความร่วมมือทางศาสนาและวัฒนธรรมให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือและยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือระหว่างกันในหลายประเด็น เช่น ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการมรดกโลก ความร่วมมือด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13149 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 4 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๔ (The fourth session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 4) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมกันหาแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดมลพิษ ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย (เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำ UN ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา) ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม UNEA 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13150 | ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยเพิ่มเติมสิทธิพื้นฐานของผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นได้อย่างแท้จริง กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการให้มีความโปร่งใสโดยใช้หลักธรรมาภิบาล กำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การห้ามไม่ให้ถือหุ้นไขว้ในบริษัท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการควบบริษัท และกำหนดเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทเอกชน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย ๖ ประเด็น) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรกำหนดแนวปฏิบัติในด้านต่าง ๆ ในกฎหมายลำดับรองให้มีความชัดเจน เพื่อให้บริษัทมหาชนจำกัด ผู้ลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยได้ตระหนักถึงสิทธิและบทบาทหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13151 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมประมง เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้กรมประมงกำหนดผลสัมฤทธิ์ตัวชี้วัดการดำเนินงานที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวมทั้งเห็นควรมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งกำหนดขั้นตอนและแนวทางการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การมอบอำนาจการแบ่งส่วนราชการภายในกรม) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การมอบอำนาจการแบ่งส่วนราชการภายในกรม)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13152 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การอนุญาต การกำหนดอัตราค่าตอบแทน ระยะเวลาและเงื่อนไขการลงทุนจัดให้มีหรือเข้าบริหารจัดการท่าเรือ เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก ที่พักริมทาง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นใดในเขตทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงพิเศษและทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... | คค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การอนุญาต การกำหนดอัตราค่าตอบแทน ระยะเวลาและเงื่อนไขการลงทุนจัดให้มีหรือเข้าบริหารจัดการท่าเรือ เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก ที่พักริมทาง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นใดในเขตทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงพิเศษและทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาต การกำหนดอัตราค่าตอบแทน ระยะเวลาและเงื่อนไขการลงทุนจัดให้มีหรือบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ ในเขตทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงสัมปทาน เพื่อให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) สามารถดำเนินการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในการจัดให้มีหรือเข้าบริหารจัดการท่าเรือ เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก ที่พักริมทาง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นใดในเขตทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงพิเศษ และทางหลวงสัมปทาน ตามกฎหมายว่าด้วยเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐได้ อันจะเป็นการรองรับการดำเนินโครงการพัฒนาที่พักริมทางบนทางหลวงสายต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างกรมทางหลวงกับเอกชน หากเป็นกิจการที่กรมทางหลวงมีอำนาจหน้าที่ต้องทำตามกฎหมาย ตามนิยาม “โครงการ” แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งมีการร่วมลงทุนกับเอกชนไม่ว่าโดยวิธีใดหรือมอบให้เอกชนลงทุนแต่ฝ่ายเดียวโดยวิธีการอนุญาตหรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิไม่ว่าในลักษณะใดตามนิยาม “ร่วมลงทุน” แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ และเป็นกิจการตามที่กำหนดในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ แล้ว ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ ปี ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13153 | โครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา 2561 - 2565) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ 1 (ปีการศึกษา 2561 - 2562) | ศธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ ๑ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๒) โดยมีเป้าหมายผลิตพยาบาลเพิ่มจากการรับนักศึกษาพยาบาลปกติ จำนวน ๒ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๒) จำนวนรวมทั้งสิ้น ๕,๒๖๘ คน และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับวงเงินงบประมาณจนสิ้นสุดโครงการ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖) จำนวน ๑,๗๕๙,๔๘๔,๙๘๔ บาท เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนการดำเนินโครงการที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ของข้อเท็จจริง พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น ควรกำหนดเป้าหมายเกี่ยวกับการกระจายอัตรากำลังของพยาบาลวิชาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วให้มีการกระจายอัตรากำลังครอบคลุมประชากรทุกพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่น ควรมีกระบวนการในการจัดการเรียนการสอนวิชาพยาบาลศาสตร์ที่สามารถรองรับการดำเนินงานภายใต้ระบบสุขภาพปฐมภูมิโดยทีมหมอครอบครัว และมีความสามารถในการทำงานร่วมระหว่างวิชาชีพ (Interprofessional Practice) รวมทั้งควรเพิ่มสัดส่วนการรับนักศึกษาจากพื้นที่ (Local Recruitment) ตามระดับความขาดแคลน เพื่อให้พยาบาลมีสมรรถนะที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการรับบริการสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่ และควรพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการในการกำหนดอัตรากำลัง รูปแบบการจ้างงาน ตลอดจนภาระหน้าที่ของพยาบาลที่ช่วยดึงดูดให้พยาบาลคงอยู่ในระบบมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. หากกระทรวงศึกษาธิการมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการขยายระยะเวลาการเพิ่มการผลิตและพัฒนาการจัดการศึกษา สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนและตอบสนองยุทธศาสตร์ประเทศ ระยะที่ ๒ (ปีการศึกษา ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13154 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 | นร11 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13155 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม | นร10 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) จำนวน ๒๐ อัตรา และกระทรวงวัฒนธรรม (สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) จำนวน ๒๔๗ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ส่วนราชการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการใช้จ่ายตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13156 | การเสนอโนราเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เอกสารนำเสนอโนราขึ้นบัญชีเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) (สำหรับขึ้นบัญชีฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓) โดยเอกสารฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ชื่อการนำเสนอ คือ โนรา (Nora, Dance Drama in Southern Thailand) (๒) ชื่อชุมชน/คณะ/กลุ่มบุคคล หรือปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง (๓) พื้นที่และขอบเขตอาณาบริเวณของเรื่องที่นำเสนอ และ (๔) หลักเกณฑ์การพิจารณาสำหรับการเสนอรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อ UNESCO ๒. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารฯ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยเพื่อเสนอขึ้นบัญชีฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13157 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 (ครั้งที่ 16) | พน | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ (ครั้งที่ ๑๖) เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งมีมติเห็นชอบใน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (PDP2018) (๒) สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (๓) ข้อกำหนดพื้นที่ตั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) (๔) แนวทางการดำเนินการกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ระบบ Cogeneration ที่สิ้นสุดอายุสัญญา และ (๕) การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบูรณาการนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่ง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (PDP2018) ให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกระจายเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหลักที่จะพัฒนาในระยะต่อไป การสร้างความเข้าใจด้านพลังงานให้แก่ภาคส่วนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาโครงข่ายสายส่งเพื่อลดการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าประเภทที่จำเป็นต้องเดินเครื่องเพื่อรักษาความมั่นคง (Must Run) และเร่งพัฒนายกระดับโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า โดยเฉพาะในระดับโครงข่ายสายจำหน่ายให้เป็นโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เพื่อรองรับรูปแบบการผลิตและการใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลเนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพลังงานทดแทนและระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้โครงข่ายไฟฟ้าของประเทศสามารถรองรับเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13158 | รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการรับมือ | นร | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการรับมือ ประกอบด้วย (๑) สรุปสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ (๒) พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง (๓) การติดตามผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ และ (๔) การกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13159 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง | กต | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Project of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนอย่างสูงสุด และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Memorandum of Understanding between Ministry of Foreign Affairs and Mekong Institute) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประสานงานระดับชาติของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างของประเทศสมาชิก โดยจะมีพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อฉลองสัปดาห์แม่โขง-ล้านช้าง (MLC Week) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ๑.๓ อนุมัติให้อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในขั้นตอนการประเมินผลโครงการ ขอให้พิจารณาประเด็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันของโครงการภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างกับโครงการภายใต้แผนงานความร่วมมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อให้การดำเนินงานของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13160 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 7 | คค | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๗ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซี่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) การขยายพิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA (เส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศ จุดข้ามแดน) สถานะของการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (IICABTAs) และการติดตามและประเมินผล โดยจะมีการลงนามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....