ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 652 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13021 - 13040 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13021 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขปรับปรุงเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรภายในรัฐวิสาหกิจ การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ หน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจ การจัดทำโครงสร้างกรอบอัตรากำลัง และการกำหนดงบประมาณรองรับภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนกำหนดนิยามคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ไว้เป็นการเฉพาะ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13022 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ควรแยกการกำหนดบทบัญญัติที่เป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการประกาศกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดและค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บไว้ต่างหากออกจากหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับการออกประกาศเพื่อการควบคุมเครื่องมือแพทย์หรือการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ควรจัดให้มีระบบการแจ้งเตือนเป็นระยะก่อนใบจดทะเบียนสถานประกอบการ ใบอนุญาต ใบรับแจ้งรายการละเอียด หรือใบรับจดแจ้ง สิ้นอายุ ควรมีการบริหารจัดการเงินที่จัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอและค่าขึ้นบัญชีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยค่าใช้จ่ายและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บดังกล่าวต้องไม่เป็นการสร้างภาระแก่ผู้ประกอบการเกินสมควร และเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาต้องกำหนดมาตรการที่ยกเว้นหรือผ่อนคลายการควบคุมนวัตกรรมและเทคโนโลยีดังกล่าวตามความเหมาะสม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13023 | รายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว | ศย | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินความคุ้มค่าโครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว (Electronic Monitoring : EM) ระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จากศาลที่เข้าร่วมโครงการ ๑๖๔ ศาล (ศาลนำร่อง ๒๓ ศาล และกลุ่มศาลที่มีการขยายเพิ่มเติม ๑๔๑ ศาล) โดย (๑) มิติประสิทธิผล มีการสั่งใช้ EM ๖,๒๖๗ ครั้ง ผู้ใช้ EM มารายงานตัวต่อศาลตามวันนัดและไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ๖,๑๐๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๗ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕) หลบหนี ๑๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒.๕๒ (ตัวชี้วัดกำหนดไม่เกินร้อยละ ๕) (๒) มิติประสิทธิภาพ ระยะเวลาในการติดตั้งอุปกรณ์รวดเร็วขึ้น ด้านการประหยัด จากเดิมที่มีการใช้ EM จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑๑๐.๑๔ ล้านบาท ในศาลนำร่อง ๒๓ ศาล สามารถขยายบริการไปอีก ๑๔๑ ศาล โดยใช้งบประมาณในการเช่าอุปกรณ์ระบบเท่าเดิม (๓) มิติผลกระทบ สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม คนยากจนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน และ (๔) ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการใช้ EM ไม่ควรเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้ EM ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) การเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้อุปกรณ์จะต้องพิจารณาถึงคดีที่ต้องโทษ ฐานะ ความเป็นอยู่เป็นกรณีไป การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการลงโทษแบบใช้อุปกรณ์รับส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวดังกล่าวต่อคนในสังคมให้มากขึ้น และการปรับปรุงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งในด้านรูปแบบและระบบติดตามที่มีประสิทธิภาพใช้งานได้อย่างเที่ยงตรง (๒) การบริหารจัดการให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด และ (๓) การพิจารณาเพิ่มเติมการรายงานตัวของผู้ใช้อุปกรณ์กับผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว การประเมินการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว รวมถึงการประเมินผลกระทบโดยการสัมภาษณ์ครอบครัวซึ่งมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดที่จะสะท้อนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตหรือการปฏิบัติของผู้ต้องหา เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมอันนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหามิให้กลับไปกระทำความผิดซ้ำ และการเปรียบเทียบงบประมาณการดำเนินงานระหว่างการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับกรณีที่ไม่ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปล่อยชั่วคราว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13024 | รายงานประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา | ศธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานประจำปี ๒๕๕๙ และประจำปี ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามพันธกิจของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ๖ พันธกิจ ประกอบด้วย (๑) แผนงานกำหนด กำกับ ดูแลมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา (๒) แผนงานออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (๓) แผนงานส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพ ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ (๔) แผนงานส่งเสริม สนับสนุน การวิจัย และการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา (๕) แผนงานส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง และผดุงเกียรติวิชาชีพและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และ (๖) แผนงานการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ ๒. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13025 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปีงบประมาณ 2561 | นร63 | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงาน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองแบบไม่มีเงื่อนไข ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13026 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ส่วนช่องนนทรี-สาทร) ของสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (๒) โครงการทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ สายร้องกวาง-น่าน ตอนที่ ๒ ของกรมทางหลวง (๓) โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑-ถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี (๔) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเชียงใหม่ (หนองหอย) ของการเคหะแห่งชาติ (๕) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ประชานิเวศน์ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๖) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของบริษัท สหศิลาเพิ่มพูน จำกัด ๒. เรื่องอื่น ๆ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ (๒) สรุปผผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (๓) การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และ (๔) ผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13027 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับเกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฟูกูโอกะ ณ อาคาร Hakataza Nishigin, Hakata-Riverain-East-Site ชั้น ๑๑ Shimokawabatabashi, Hakata-ku เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนญี่ปุ่นและไทยถึงเหตุผลในการเปิดที่ทำการ ททท. แห่งที่ ๓ ในประเทศญี่ปุ่น นโยบายในการรองรับและดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปประเทศไทย รวมทั้งแนวทางในการเพิ่มความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและญี่ปุ่นในอนาคต โดยภารกิจหลักของ ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ คือ ส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ คือ เน้นการส่งเสริมการตลาดที่มุ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มที่สนใจการกีฬาโดยเฉพาะกอล์ฟและมาราธอน เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เป็นประธานในงานเลี้ยง Networking Lunch ณ ห้องเฮอัน ขั้น ๔ โรงแรมโอคุระ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยรองผู้ว่าการด้านการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ได้นำเสนอรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเด่นที่จะดำเนินการในปี ๒๕๖๒ ของ ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ ให้แก่ผู้มีเกียรติภายในงานได้รับทราบ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กล่าวแสดงความยินดีในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานในหลายมิตินอกเหนือจากด้านการท่องเที่ยวซึ่งได้พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นลำดับ และประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะสร้างความเจริญเติบโตในภูมิภาคนี้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (Two way tourism) ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13028 | สรุปผลการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศ ครั้งที่ 81 ของ UNECE | คค | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศ ครั้งที่ ๘๑ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับยุโรป (United Nations Economic Commission for Europe : UNECE) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) การกล่าวเปิดการประชุมโดยเลขาธิการบริหารของ UNECE (๒) การอภิปราย (Panel Debates) โดยผู้แทนระดับสูง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “ความท้าทายและความร่วมมือในการพัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับการขนส่งทุกรูปแบบ” (๓) การรับรองข้อมติรัฐมนตรี เรื่อง “การส่งเสริมความร่วมมือ การประสานและบูรณาการในยุคของการขนส่งอัตโนมัติ” (Ministerial Resolution on Enhancing Cooperation, Harmonization and Integration in the Era of Transport Digitalization and Automation) มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการว่าด้วยการขนส่งภายในประเทศของ UNECE โดยการจัดให้มีเวทีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการนำระบบดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อพัฒนาความปลอดภัยในการขนส่ง และสมรรถนะในการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม และ (๔) การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับเลขาธิการบริหาร International Transport Forum (ITF) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13029 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานพินิจ สำหรับใช้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อนำตัวเยาวชนออกมานอกสถานที่ควบคุม หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเองหรือบุคคลอื่นในกรณีที่เกิดความไม่สงบในสถานที่ควบคุม อันเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และนำข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้เครื่องพันธนาการแก่เด็กและเยาวชนตามที่กำหนดในร่างข้อ ๓ อาจยังไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องโทษหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำความผิดหญิง ข้อ ๒๔ ที่กำหนดหลักการห้ามใช้เครื่องพันธนาการไม่ว่ากรณีใด ๆ กับผู้ต้องโทษหญิงในระหว่างที่หญิงนั้นเจ็บครรภ์ใกล้คลอดบุตรหรือในระหว่างคลอดบุตร รวมถึงภายหลังจากคลอดบุตรโดยพลันด้วย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้ต้องโทษหญิงและบุตรของผู้ต้องโทษหญิงนั้น จากภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องพันธนาการ ซึ่งหลักการดังกล่าวย่อมนำมาใช้กับเด็กและเยาวชนหญิงที่กระทำความผิด ซึ่งอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13030 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามข้อผูกพันในการกู้เงินจากต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามข้อผูกพันในการกู้เงินจากต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบเงินทดรองราชการเพื่อรองจ่ายตามโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๑ และยกร่างระเบียบขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๘๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินทดรองราชการตามโครงการเงินกู้ต่างประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขข้อความในร่างข้อ ๑๑ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับกรณีที่ค่าเงินเปลี่ยนแปลง โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศในรูปของเงินบาทไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้ เห็นควรให้กรมบัญชีกลางและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การบริหารเงินงบประมาณเป็นไปตามที่วางแผนไว้และไม่กระทบการจัดสรรเงินงบประมาณในปีต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13031 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล และการขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13032 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร โดยไม่รวมถึงวัตถุหรือของอย่างเดียวกันที่คัดแยกออกจากของเสียดังกล่าวที่ได้กำหนดพิกัดอัตราศุลกากรไว้แล้ว โดยเป็นการปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13033 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และยกร่างขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศมีเงินทดรองราชการไปทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรแก้ไขความร่างระเบียบฯ ในข้อ ๒๒ กรณีการบันทึกบัญชีควบคุมเงินทดรองราชการให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด ๒ ข้อ ๑๑ ให้มีความชัดเจนและครอบคลุมถึงการช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หรือการบูรณาการหน่วยงานอื่นในการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย หรือค่าที่ปรึกษากฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13034 | ผลการพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการเนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการเนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ซึ่งเห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทน และการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้เป็นระบบมีมาตรฐานและเกิดความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน โดยให้ส่งคืนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทน และการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการเนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับบำเหน็จความชอบค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้เป็นระบบมีมาตรฐานและเกิดความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน โดยให้นำประเด็นเรื่องการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทนและการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปพิจารณาด้วย โดยสมควรพิจารณากำหนดผู้รักษาการตามกฎหมายให้เหมาะสม ตลอดจนการอ้างอิงบทอาศัยอำนาจในการเสนอแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายในปัจจุบันด้วย ตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ๓. ให้ส่งคืนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบ ค่าทดแทน และการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือช่วยเหลือราชการ เนื่องในการป้องกันอธิปไตยและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม ตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13035 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปท. | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและการชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (คณะกรรมการ ป.ป.ท.) และสำนักงาน ป.ป.ท. รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติ เช่น บทนิยาม และบทกำหนดโทษ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ และการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้อาวุธปืน ควรกำหนดเฉพาะบุคคล และมีระเบียบที่ควบคุมการใช้อย่างรัดกุม ไม่ใช่พกพาเป็นการทั่วไป ควรแก้ไขข้อความของร่างมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง และร่างมาตรา ๔๒ วรรคสอง เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ และเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต้องดำเนินการในเชิงป้องปราม วางกลไกสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วนควบคู่ไปกับการสร้างให้ประชาชนเกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบการกระทำทุจริต ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ ๓. ให้สำนักงาน ป.ป.ท. รับความเห็นของฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่จะให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม นอกเหนือจากการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ป.ป.ท. อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปด้วยความรวดเร็วแล้ว ยังต้องดำเนินการในเชิงป้องปราม การวางกลไกสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วนควบคู่ไปกับการสร้างให้ประชาชนเกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบการกระทำทุจริต เพื่อให้ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย สอดคล้องหลักธรรมาภิบาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือในการลงทุนโดยรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13036 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 | ผผ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เกี่ยวกับปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุจากการเมาแล้วขับ พร้อมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับ สรุปได้ว่า แม้ประเทศไทยจะให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยทางถนนเป็นอย่างมาก โดยกำหนดให้ “พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” และให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจัดทำข้อเสนอ นโยบาย แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ยุทธศาสตร์ และแผนเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนั้นหน่วยงานต่าง ๆ ในทุกภาคส่วนและทุกระดับที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการออกกฎหมายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแล้ว แต่ปรากฏว่า การเมาแล้วขับยังคงเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล โดยมีสาเหตุหลักของปัญหาจากผู้ขับขี่ ปัญหาจากกฎหมายและมาตรการที่บังคับใช้ในปัจจุบัน และปัญหาการจัดสรรงบประมาณและอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ จึงเป็นกรณีที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรตามความในหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้เสนอรายงานพร้อมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๓๐ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) เสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมค่านิยมวินัยจราจร (๒) เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยแก้ไขอัตราโทษกรณีเมาแล้วขับ ให้โทษปรับสูงขึ้นตามปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและกำหนดอัตราโทษเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่กระทำความผิดซ้ำ และแก้ไขในกรณีที่ผู้ขับขี่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นและทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง (๓) เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดสรรงบประมาณด้านอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ค่าใช้จ่ายในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน (๔) เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” อย่างต่อเนื่อง มิใช่เฉพาะช่วงเทศกาล (๕) เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และ (๖) เสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งความเห็น ข้อพิจารณา และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13037 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ | กค | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจที่ดี พ.ศ. .... เพื่อใช้แทนหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ปี ๒๕๕๒ โดยให้รัฐวิสาหกิจ รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจเป็นการทั่วไปนำหลักการและแนวทางฯ ไปปฏิบัติและนำไปใช้กับบริษัทย่อยของรัฐวิสาหกิจด้วย โดยหลักการและแนวทางฯ ได้เทียบเคียงจากหลักการและแนวทางฯ ตามมาตรฐานสากลของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีในรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหลักการและแนวทางฯ ๑.๓ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ ในเรื่องหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจนำหลักการและแนวทางฯ ไปจัดทำนโยบายและแผนการดำเนินงานการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยปรับใช้ให้เหมาะสมกับการบริหารจัดการของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงานการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควรมีการทบทวนความเหมาะสมของการนำหลักการและแนวทางฯ ไปใช้ ปีละ ๑ ครั้ง และควรแจ้งหลักการและแนวทางฯ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทราบด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เมื่อร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้แล้ว ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงหลักการและแนวทางฯ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติฯ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อประกาศกำหนดหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจเพื่อให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13038 | การขายที่ดินและอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ หลังเดิม เลขที่ 2 ถนน Square du Val de la Cambre ประเทศเบลเยียม | กค | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขายที่ดินและอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ หลังเดิม เลขที่ ๒ ถนน Square du Val de la Cambre ประเทศเบลเยียม โดยกำหนดราคาขายขั้นต่ำ ๑,๙๙๕,๐๐๐ ยูโร ในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ในราคาที่กำหนดไว้ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศ โดยการดำเนินการขายที่ดินและอาคารในราคาที่ต่ำกว่าที่กำหนดได้ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13039 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางให้เหมาะสมและรวดเร็ว โดยกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ เพื่อให้สอคดล้องกับความรู้และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยให้ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ (๑) ประเด็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอาง ไม่ควรเพิ่มขึ้นมากเกินไป รวมทั้งควรระบุอัตราค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ค่าใช้จ่ายในการขอขึ้นทะเบียน อัตราค่าตอบแทนในการประเมินเอกสารวิชาการ อัตราค่าการตรวจสถานที่เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต เป็นต้น และ (๒) ประเด็นกระบวนการพิจารณาอนุญาต ควรมีการให้นิยามของผู้เชี่ยวชาญที่จะทำหน้าที่พิจารณาอนุญาต คุณลักษณะในการสรรหาหรือคัดเลือก หลักเกณฑ์การขึ้นบัญชี และระยะเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความชัดเจนโปร่งใสในการดำเนินการ ควรมีมาตรการการรักษาความลับขององค์ความรู้และเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ โดยอาจพิจารณาร่างสัญญาว่า ห้ามเปิดเผย/นำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และควรพิจารณากำหนดนิยามของกฎหมายให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติทั้งของเครื่องสำอางและยา โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการเจริญเติบโตในท้องตลาด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13040 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐคูเวต | กต | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐคูเวต (Agreement on Establishing Joint Commission for Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the State of Kuwait) เพื่อรองรับการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ไทย-คูเวต ในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วม (๒) หน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมาธิการร่วม (๓) กรอบความร่วมมือต่าง ๆ (๔) รายละเอียดการจัดประชุม และ (๕) กลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินการ โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้กำหนดวันที่จะลงนามในความตกลงฯ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทน เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ (ตามนัยข้อ ๖ วรรค ๑ ของร่างความตกลงฯ ที่ระบุให้การมีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับสุดท้ายจากภาคีฝ่ายหนึ่งผ่านช่องทางการทูตว่า ได้ดำเนินการกระบวนการตามรัฐธรรมนูญที่จำเป็นเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับเสร็จสิ้นแล้ว) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
.....