ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 654 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13061 - 13080 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13061 | การแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวงชุดใหม่ (จำนวน 14 คน 1. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ฯลฯ) | กษ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิฝนหลวงชุดใหม่ แทนคณะกรรมการชุดเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งไว้เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีองค์ประกอบ รวม ๑๔ คน ส่วนอำนาจหน้าที่ให้คงเดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก ประธานกรรมการ ๒. นายจรัลธาดา กรรณสูต รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๔. เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน กรรมการ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๕. ผู้บัญชาการทหารอากาศ กรรมการ ๖. เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ กรรมการ ๗. อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการ ๘. อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการ ๙. อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรรมการ ๑๐. ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรรมการ ๑๑. นายรอยล จิตรดอน กรรมการ ๑๒. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการ ๑๓. อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรรมการและเลขานุการ ๑๔. นายวัฒนา สุกาญจนาเศรษฐ์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13062 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 (นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล) | วธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย สาขาทัศนศิลป์ในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13063 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 | มท | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย หัวข้อในการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ช่วงเวลาการดำเนินการ “ระหว่างวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒-๑๗ เมษายน ๒๕๖๒” และมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ (๑) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน (๒) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม (๓) มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ (๔) มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ (๕) มาตรการความปลอดภัยทางน้ำ (๖) มาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และ (๗) มาตรการบริหารจัดการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13064 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มียุ้งฉางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรเป็นของตนเองได้รวมกลุ่มกันและจัดให้มียุ้งฉางกลางหรือสถานที่จัดเก็บพืชผลทางการเกษตรร่วมกันหรือขอรับการสนับสนุน/ช่วยเหลือด้านต่าง ๆ จากภาครัฐ ทั้งนี้ ให้นำกรณีการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการธนาคารข้าวมาเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีที่ภาครัฐดำเนินมาตรการที่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชชนิดต่าง ๆ แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงเกษตรกรรายย่อย เกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เพาะปลูก รวมทั้งเกษตรกรที่บุกรุกพื้นที่ของทางราชการ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเร่งประสานงานและบูรณาการการบริหารจัดการน้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำในฤดูแล้ง โดยเร่งดำเนินการบูรณะฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก รวมทั้งให้ควบคุมดูแลการบริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยด่วนเพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๒ เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพิ่มแหล่งน้ำในเขตชุมชนให้มากขึ้น เช่น การขุดเจาะน้ำบาดาล ระบบประปาหมู่บ้าน ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเกี่ยวกับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจสังคม และเทคโนโลยีในอนาคต โดยกำหนดสัดส่วนการบรรจุอัตรากำลังสำหรับบุคคลที่มีศักยภาพดังกล่าวกับระบบการสรรหาปกติให้มีความเหมาะสม ตลอดจนกำหนดมาตรการจูงใจ ทั้งด้านค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในสายอาชีพสำหรับบุคคลที่จะเข้ามาสู่ระบบการสรรหาและเลือกสรรดังกล่าว รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อให้ผู้เกษียณอายุราชการที่มีศักยภาพสามารถปฏิบัติงานในสาขาที่ยังมีความต้องการผู้มีทักษะหรือความสามารถเฉพาะด้านอีกทางหนึ่งด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจสำหรับสถาบันการศึกษาในการผลิตนักศึกษาให้รองรับกับความต้องการบุคลากรในแต่ละสาขาให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย ๒.๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางรับไปประสานงานกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อรวบรวมผลงานสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการตามแนวพระราโชบายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือโครงการที่ส่วนราชการดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น การปรับปรุงสภาพลำน้ำ คูคลอง การปรับภูมิทัศน์ของสายทางต่าง ๆ รวมทั้งการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของประชาชนริมฝั่งคลองต่าง ๆ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13065 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลัง พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานการดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายการเงินการคลังสอดคล้องกับสภาพการณ์และโครงสร้างปัจจุบันของส่วนราชการ และเพื่อให้การดำเนินคดีตามกฎหมายการเงินการคลังเป็นไปอย่างรัดกุม รวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13066 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านพรมแดนบ้านเขาดินของด่านศุลกากรอรัญประเทศ) | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เป็นด่านพรมแดนบ้านเขาดินของด่านศุลกากรอรัญประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13067 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 ณ เมืองเสียมราฐราชอาณาจักรกัมพูชา | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๑-๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมในฐานะประธานการประชุมและปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยร่วมการประชุมดังกล่าว โดยที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง RCEP ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และได้ให้ความเห็นชอบแผนการทำงานในปี ๒๕๖๒ (RCEP Work Plan for 2019) ที่ระบุเป้าหมายผลสำเร็จของการประชุมแต่ละรอบ โดยรัฐมนตรีทุกประเทศยืนยันที่จะให้มีการสรุปผลการเจรจาทั้งหมดภายในปี ๒๕๖๒ และได้มอบแนวทางผลักดันการเจรจาเปิดตลาด โดยขอให้เพิ่มความเข้มข้นในการหารือสองฝ่ายทั้งในและระหว่างรอบการประชุมเพื่อหาข้อสรุปที่พึงพอใจร่วมกันโดยเร็ว รวมทั้งได้มีการลงนามพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement : AJCEP) เพื่อผนวกบทการค้าบริการ บทการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และบทการลงทุนกับความตกลง AJCEP ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13068 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2561 | นร11 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสี่และภาพรวมปี ๒๕๖๑ การจ้างงานขยายตัวดีขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานลดลง รายได้และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การเจ็บป่วยยังต้องเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี ๒๕๖๒ ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ ลดลง คดียาเสพติดเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่ตามมา การเกิดอุบัติเหตุลดลง แต่ในภาพรวมตลอดปี ๒๕๖๑ การเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานในอนาคต และการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นอย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13069 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2561 | สธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ที่ผ่านการเห็นชอบโดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยรายงานดังกล่าวครอบคลุมสาระสำคัญรวม ๘ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านความครอบคลุมค่าใช้จ่าย (๒) ด้านความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๓) หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๔) ด้านความครอบคลุมการใช้บริการสุขภาพ (๕) คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข (๖) การคุ้มครองสิทธิ (๗) การมีส่วนร่วมพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ (๘) ความท้าทายในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13070 | การแต่งตั้งคณะกรรมการ PISA แห่งชาติ [โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA)] | ศธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ PISA แห่งชาติ [โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA)] รวม ๑๕ คน โดยมีนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองประธานกรรมการ และผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อให้มีคณะกรรมการดำเนินงานด้านนโยบายในการกำหนดทิศทางและการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาการศึกษาของประเทศ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษาของประเทศในทุกภาคส่วนได้ประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจังและสร้างเครือข่ายการดำเนินงานแบบบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของชาติ รวมทั้งเพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการดำเนินงานสำหรับการเข้าร่วมโปรแกรม PISA ในรอบการประเมิน PISA 2021 ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกร่วมขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) แล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้จ่ายในการประชุม และค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการ เห็นควรให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13071 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ... | กษ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ เพื่อให้มีการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืนตามที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการการประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มหลักเกณฑ์ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตมีหลักฐานที่เกี่ยวกับการจัดระบบความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทำงานของคนประจำเรือไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางในการป้องกันการมุ่งแสวงหาประโยชน์จากช่องทางการโอนสิทธิปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับจัดสรรให้กับผู้ประกอบการรายอื่น โดยมีกระบวนการติดตามตรวจสอบ จัดทำประวัติสถิติการจับสัตว์น้ำของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการตรวจสอบผลการทำประมงที่แท้จริงและใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรปริมาณการจับสัตว์น้ำให้กับผู้ประกอบการประมงในแต่ละรอบการอนุญาต รวมทั้งการจัดทำคู่มือการดำเนินการที่รัดกุมและชัดเจนในการป้องกันกรณีดังกล่าว และการบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13072 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งให้ปลัดกระทรวงกลาโหมทราบตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยเฉพาะยานพาหนะและยุทธภัณฑ์ประจำยานพาหนะที่ใช้เพื่อการรบของต่างประเทศซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยทางราชการ ควรมีความสอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยมีในสนธิสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการห้ามทดลองและไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ สนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13073 | รายงานผลการประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 4 และการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยว ครั้งที่ 2 ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว | กก | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ ๔ และการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยว ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการจัดประชุมภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ ๑๖-๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองกำปอด ราชอาณาจักรกัมพูชา และมีประเด็นที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาจะต้องดำเนินการร่วมกัน ได้แก่ (๑) การอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการข้ามพรมแดน ไทย-กัมพูชา (๒) การตลาดร่วมกันและการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “สองราชอาณาจักร หนึ่งจุดหมายปลายทาง” (๓) การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านการท่องเที่ยว (๔) การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ และ (๕) การลงทุนด้านการท่องเที่ยว และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามผลการประชุมฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ผลการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาการเดินเรือตามแนวชายฝั่งระหว่างไทย-กัมพูชา-เวียดนาม เพื่อให้มีการเดินเรือขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างกันโดยใช้ประโยชน์จากท่าเรือขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงการส่งเสริมการเชื่อมโยงทางอากาศระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งสายการบินที่กำหนดของทั้งสองฝ่ายสามารถทำการบินไปยังจุดต่าง ๆ ระหว่างกันได้ โดยการขยายเส้นทางการบินไปยังจุดบินต่าง ๆ ควรคำนึงถึงความต้องการของตลาด ความพร้อมของสายการบิน และความคุ้มค่าในการเปิดให้บริการ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศอันดับแรก โดยเฉพาะด้านความมั่นคงและการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรเร่งศึกษาแนวทางการจัดทำ ASV ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดเพื่อให้ได้กลไกการดำเนินการที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13074 | ขอความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์ | วท | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์ (International Convention for the Suppression of Acts of Nuclear Terrorism) โดยไม่รับกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการและการเสนอเรื่องสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ เป็นการกำหนดพันธกรณีที่รัฐภาคีจะต้องดำเนินการตามหลักการของกฎบัตร UN เกี่ยวกับการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น การระบุเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน โดยใช้วัสดุกัมมันตรังสีหรือวัสดุนิวเคลียร์ และการก่อวินาศกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และโรงงานหรือยานพาหนะที่มีวัสดุกัมมันตรังสีหรือวัสดุนิวเคลียร์ เป็นต้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ๓. มอบหมายให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นหน่วยประสานงานหลักระดับชาติในการดำเนินการตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ภายหลังจากที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13075 | รายงานผลการจัดศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) | รง | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดตั้งศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตั้งอยู่ ณ จังหวัดชลบุรี มีภารกิจในการบริหารจัดการข้อมูลแรงงานในพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ในการวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังแรงงาน โดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ และได้แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนภารกิจ บริหารจัดการ วางแผน กำหนดกรอบแนวทางการบริหารจัดการ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินงานของศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ประกอบด้วย แผนระยะสั้น (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒) แผนระยะกลาง (๑-๕ ปี) และแผนระยะยาว (๖-๑๐ ปี) ๒. การแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-HDC) เพื่อขับเคลื่อนภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของบุคลากรทั้งด้านความสามารถ ทักษะ และองค์ความรู้ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยคณะทำงานฯ อยู่ระหว่างจัดทำฐานข้อมูลกำลังแรงงาน ๓. ฐานข้อมูลกำลังแรงงานในเบื้องต้น กระทรวงแรงงานได้รวบรวมข้อมูลกำลังแรงงานจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยข้อมูลกำลังแรงงานที่มีอยู่ ความต้องการแรงงานในปี ๒๕๖๒ และกำลังแรงงานใหม่ในปี ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13076 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 25 (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๕ (The 25th Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีอุปทูต ณ กรุงฮานอย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และกำหนดแนวทางความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา หุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รายรับ ๑๕.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิกและอื่น ๆ) และรายจ่าย ๑๕.๘๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินกิจกรรมหลัก เช่น การศึกษาวิจัย การจัดทำกลยุทธ์ และการจัดทำแนวปฏิบัติการดำเนินงาน เป็นต้น และขอให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงปรับปรุงขอบเขตกิจกรรมโครงการตามความเห็นของประเทศสมาชิก เช่น การพัฒนาศูนย์บริหารจัดการและบรรเทาน้ำท่วม การริเริ่มกิจกรรมพยากรณ์น้ำท่วมในแม่น้ำสาขา การจัดทำคำแนะนำสำหรับการออกแบบระบบชลประทานที่เป็นมิตรต่อการประมง และการพัฒนานักวิชาการรุ่นเยาว์ของประเทศสมาชิก เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามปฏิญญาเสียมราฐ ๒๕๖๑ ที่สำคัญ เช่น การระบุโอกาสในการพัฒนาและความท้าทายของลุ่มแม่น้ำโขงผ่านการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำและโครงการร่วมระหว่างประเทศสมาชิก การเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและองค์กรความร่วมมือในภูมิภาค และการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรภาคเอกชน เป็นต้น รวมทั้งรับทราบสาระสำคัญและข้อเสนอจากการจัดทำกลยุทธ์การพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ได้แก่ การวางแผนร่วมและโครงข่ายเชื่อมโยงด้านพลังงานจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้น และการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำควรดำเนินการควบคู่กับพลังงานแหล่งอื่น ๆ ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการพัฒนาและบริหารโครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13077 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 10/2561 คดีหมายเลขแดงที่ ฟร. 1/2562 ระหว่าง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ฟ้องคณะรัฐมนตรี ที่ 2 กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกโดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง | นร05 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. ๑๐/๒๕๖๑ คดีหมายเลขแดง ที่ ฟร. ๑/๒๕๖๒ ระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรีที่ ๒ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13078 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 49 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน - 31 ธันวาคม 2561) | นร04 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การแก้ไขความเดือดร้อนในพื้นที่เกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำกิน สาธารณูปโภค สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13079 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ดังนี้
๑. การบริหารจัดการสินค้ามะพร้าวผลแห้งภายใต้กรอบความตกลงของเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ปี ๒๕๖๒ ที่ประชุมเห็นชอบให้ชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลแห้งภายใต้กรอบ AFTA ปี ๒๕๖๒ โดยขอให้ผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตมะพร้าวผลแห้งภายในประเทศก่อน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๒. แนวทางการดำเนินงานตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๒ ที่ประชุมเห็นชอบให้การป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวผลแห้งผิดกฎหมายอยู่ในการกำกับดูแลของคณะทำงานการแก้ไขปัญหาการนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ภายใต้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13080 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R - Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนด ซึ่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF 3) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-BRill ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๑ เดือน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ เบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๗๕๐๐๐ ต่อปี ๒. การกู้เงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออก R-Bill รุ่นอายุ ๑๘๒ วัน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๗๖๗๙๒ ต่อปี ๓. การออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินโดยการออก R-Bill จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
.....