ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 660 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13181 - 13200 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13181 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขปรับปรุงเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่าควรมีการกำหนดกลไกในการพิจารณาให้เอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติที่เดิมอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ แต่ไม่อยู่ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... โดยให้มีผู้แทนจากหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่ชัดเจนและโปร่งใสในการคัดเลือกเอกชน และควรกำหนดกลไกการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินการอย่างเหมาะสมและเพียงพอด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13182 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การกำหนดให้ทุนหมุนเวียนนำเงินที่ฝากกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ | กค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การกำหนดให้ทุนหมุนเวียนนำเงินที่ฝากกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ให้สามารถนำจำนวนเงินของทุนหมุนเวียนที่ฝากไว้กับกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ได้ภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้กรมบัญชีกลางเตรียมความพร้อมด้านระบบฐานข้อมูลที่สะท้อนรายรับและรายจ่ายของทุนหมุนเวียนที่ต้องทันกาล รวมทั้งข้อมูลภาระผูกพันของทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้จ่ายตามเงื่อนเวลา เพื่อนำมาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13183 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน (ฉบับที่ ..)) | คค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีทุนหมุนเวียนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจและธนาคารที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้ และแก้ไขถ้อยคำที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภายในเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13184 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๕ ก วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมอาชีพและการฝึกทักษะใหม่ ๆ กำหนดกระบวนการตรวจสอบและการคัดกรองผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยโดยการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลการเงินต่าง ๆ เช่น การมีบัตรเครดิต จำนวนสินเชื่อ จำนวนเงินฝาก ฯลฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน การจัดทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐฯ รวมทั้งเห็นควรให้กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณายกร่างระเบียบคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมว่าด้วยการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมเพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท พ.ศ. .... เพื่อป้องกันปัญหาการให้ความช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13185 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนามาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13186 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิ่นสาย สุรัสวดี) | กค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิ่นสาย สุรัสวดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13187 | รายงานผลการประชุมทวิภาคีไทย - ลาว เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 17 | ยธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน และ พลตรี สมหวัง ทำมะสิด รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นประธานร่วม ซึ่งผลการประชุมฯ ทั้งสองฝ่ายตกลงให้การรับรองแผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย-สปป.ลาว เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินงาน ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด ๖ ประเทศ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) และเห็นชอบให้มีการสานต่อการดำเนินการลาดตระเวนทางน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้ว จังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์ และจังหวัดนครพนมกับแขวงคำม่วน โดยฝ่ายไทยให้การสนับสนุนเรือลาดตระเวนให้ฝ่าย สปป.ลาว จำนวน ๑ ลำ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ สปป.ลาว จะส่งผลการวิเคราะห์ยาเสพติด ภาพถ่าย และลักษณะการบรรจุหีบห่อของยาเสพติดที่จับกุมได้ใน สปป.ลาว ให้แก่ฝ่ายไทย รวมถึงให้มีการร่วมกันศึกษาและจัดทำข้อมูลด้านคุณลักษณะ สายพันธุ์ และการบรรจุหีบห่อของกัญชา ส่วนฝ่ายไทยจะสนับสนุนการดำเนินงานด้านยาเสพติดแก่ สปป.ลาว ภายใต้โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ (Letter of Agreement : LoA) ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเสริมสร้างการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13188 | ขอความเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ 1 (ระยะเร่งด่วน) การชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี 2558 | กษ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ ๑ (ระยะเร่งด่วน) การชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี ๒๕๕๘ เพื่อเป็นเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๓๐๕ ลำ กรอบวงเงิน ๗๖๔,๔๕๔,๑๐๐ บาท โดยเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๓๐๕ ลำดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อเป็นเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๒๕๒ ลำ ภายในกรอบวงเงิน ๔๖๙,๖๐๓,๙๐๐ บาท โดยอัตราค่าใช้จ่ายในการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว เป็นลักษณะงบดำเนินการให้เป็นไปตามการพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลัง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ สำหรับค่าชดเชยเรือประมงส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๓ ลำ ภายในวงเงิน ๒๙๔,๘๕๐,๒๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตาม และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้การนำเรือประมงออกนอกระบบดังกล่าวบรรลุผลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและติดตามสถานการณ์ทรัพยากรประมงและการทำประมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดปริมาณผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ (Maximum Sustainable Yield : MSY) และออกใบอนุญาตการทำประมงที่เหมาะสม พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมด้านอาชีพ รายได้ องค์ความรู้ และเงินทุนให้กับชาวประมงและผู้ประกอบการประมงที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงอาชีพไปสู่อาชีพที่มั่นคงอื่น ๆ หรือปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ประมงทั้งในและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรักษาทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ และสมดุลต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13189 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ซึ่งการประชุมฯ มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น (๑) การอภิปรายร่วมภายใต้หัวข้อ “ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก” โดยที่ประชุมฯ เห็นพ้องกันว่าจะต้องขยายความร่วมมือผ่านการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพในภาคส่วนที่สำคัญ อาทิ ด้านพลังงานและเหมืองแร่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านสุขอนามัย และ (๒) การรับรองปฏิญญาชาร์ม เอล เชค ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมรับรองปฏิญญาฯ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามข้อมติจากการประชุมฯ เช่น การร่วมกันดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การดำเนินงานเรื่องผลกระทบจากขยะและน้ำเสียอันเกิดจากกิจกรรมบนบกในมหาสมุทร และการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมต่อความหลากหลายทางชีวภาพและสุขอนามัยของมนุษย์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มอบหมายกระทรวงศึกษาธิการร่วมดำเนินการกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนแผนแม่บทบูรณาการการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ เพิ่มอีกหน่วยงานหนึ่ง และเพิ่มองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมเสริมความรู้ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13190 | บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ ๑ (ท้องที่ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก และตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี) เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน ๑๕ แปลง ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ (พื้นที่ประทานบัตร ๑๕ แปลง รวมเนื้อที่ ๓,๓๑๑ ไร่ ๒ งาน ๖๗ ตารางวา โดยอยู่ในเขตกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันออก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ชั้นที่ ๑ เอ รวมเนื้อที่ ๓,๒๒๓ ไร่ ๒ งาน ๓๕ ตารางวา) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้ผู้รับอนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องและมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [หนังสือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ทส (กก.วล) ๑๐๐๕/ว ๑๑๓๙๙ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗] รวมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [เรื่อง แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ] โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และสามารถจัดการปัญหาความทับซ้อนในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ดังกล่าวได้ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกันและจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนอันเกิดจากการประกอบกิจการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13191 | (ร่าง) แนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary - satellite orbit : GSO) ตามมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และ (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ | ดศ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-satellite orbit : GSO) ตามมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางดำเนินการในกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-satellite orbit : GSO) เพื่อการรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และรักษาสิทธิข่ายงานดาวเทียมที่ได้รับการจดทะเบียน (Notification) กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ให้มีสิทธิใช้งานโดยสมบูรณ์ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการดาวเทียมของไทยให้สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมของประเทศให้เกิดประสิทธิผล ๑.๒ (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตการใช้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศในเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมสื่อสาร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจดาวเทียมสื่อสารให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรให้มีแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคนอย่างเป็นระบบ ควรให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศอย่างเหมาะสม และการให้สิทธิดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ รวมทั้งควรมีการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13192 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมกราคม 2562 | นร02 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ ในประเด็นดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ การมอบเอกสารที่ดินทำกินตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน รวมไปถึงการเยี่ยมชมการดำเนินงานพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๑๕๖ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๘,๘๑๒,๒๑๙ คน จำนวนการกดไลท์ ๗๙๕ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๔๕ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๒๑ ครั้ง ๒. พายุปาบึก เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๓,๗๕๙ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๕๐๖,๘๐๙ คน จำนวนการกดไลท์ ๕๔,๒๓๔ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๐,๒๖๔ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๑,๔๐๓ ครั้ง ๓. เทศกาลปีใหม่ ปี ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยด้านการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ และการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๙๒๐ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๔๕๑,๐๖๘ คน จำนวนการกดไลท์ ๔๔,๒๓๐ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๓,๓๑๔ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๖๕๐ ครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13193 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 10 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยผลการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และการรับรองยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๘ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนความร่วมมือที่สำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนญี่ปุ่นในอนุภูมิภาค รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในภูมิภาคและโลก เช่น สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ปัญหาทะเลจีนใต้ และสถานการณ์ในรัฐยะไข่ เป็นต้น ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization : JETRO) และประธานบริษัท Mitsui & Co. โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการผลักดันการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern EconomIc Corridor : EEC) และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการประชุมฯ และผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับฝ่ายญี่ปุ่น ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13194 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายหม่า เฟิ่งชุน) | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายหม่า เฟิ่งชุน (Mr. Ma Fengchun) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา สืบแทน นายโจว ไห่เฉิง (Mr. Zhou Haicheng) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13195 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น | รง | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้แก่คนต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น รวมถึงผู้ติดตามที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุน และดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหรือทักษะสูงให้เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13196 | การจัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre) | รง | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre) ของทางการเมียนมา ณ จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายเมียนมาสามารถเข้ามาจัดเก็บข้อมูล (เอกสารที่จำเป็นในการจัดทำหนังสือเดินทาง) ของแรงงานเมียนมาที่ต้องการจัดทำหนังสือเดินทาง และพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้แก่แรงงานเมียนมาได้โดยที่ยังไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบของเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13197 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน ๖,๖๔๕.๐๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) (ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงใหม่เพื่อทดแทนโรงซ่อมบำรุงที่สถานีรถไฟธนบุรี วงเงินประมาณ ๘๒๔.๔ ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้รัฐบาลรับภาระการลงทุนค่างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และ รฟท. รับภาระการลงทุนค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลและงานจัดหาตู้รถไฟฟ้า ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณากำหนดชื่อสถานีที่เชื่อมต่อกันของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้เป็นชื่อเดียวกัน เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใช้บริการเกิดความสับสนในการเดินทาง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ เช่น (๑) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรื้อย้ายชุมชนที่บุกรุกและการย้ายผู้เช่าที่ในเขตทางรถไฟ โดยดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด (๒) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจนรองรับกรณีการซ้อนทับกันระหว่างแนวเส้นทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ตลิ่งชัน กับโครงการนี้ ควรกำหนดโครงสร้างราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับระบบตั๋วร่วม ควรศึกษาโครงสร้างต้นทุนในการใช้ทางร่วมกัน (Share Track) ในการเดินรถในช่วงสถานีศาลายาไปถึงสถานีธนบุรี-ศิริราช เพื่อใช้ประกอบการกำหนดค่าใช้ทางของผู้ให้บริการเดินรถทั้ง ๒ เส้นทางดังกล่าว (Access Charge) ควรกำหนดค่าโดยสารที่เหมาะสม ควรจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) และจัดทำแผนการเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ และ (๓) กระทรวงคมนาคม โรงพยาบาลศิริราช รฟท. และ รฟม. ควรร่วมกันออกแบบโครงสร้างอาคารผู้ป่วยในของโรงพยาบาลศิริราช สถานีธนบุรี-ศิริราช ของโครงการฯ และสถานีศิริราช ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างกลมกลืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13198 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้มีการเพิ่มภาษาจีนและอินเดีย ลงในแบบ ตม.๖ เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาด้านภาษาให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียสามารถใช้และกรอกข้อมูลในแบบ ตม.๖ ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และครบถ้วน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการรองรับในอนาคตหากมีคนต่างด้าวสัญชาติอื่น ๆ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนเพิ่มขึ้นและอาจเกิดปัญหาด้านภาษา รวมทั้งควรส่งเสริมการจัดทำแบบ ตม.๖ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดปัญหาความล่าช้าที่เกิดจากการกรอกข้อมูลแบบเดิม อีกทั้งการจัดทำข้อมูลดังกล่าวในระบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถจัดทำได้ในหลายภาษา และสามารถเก็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีฐานข้อมูลคนเข้าเมืองที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13199 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับกองทัพบกในการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (Helicopter) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย | มท | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประกวดราคาโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับกองทัพบกในการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (Helicopter) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย จำนวน ๒ ลำ วงเงิน ๑,๘๖๒,๔๗๕,๙๕๖ บาท ๑.๒ อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าวข้างต้น จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ วงเงิน ๑,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ วงเงิน ๑,๘๖๒,๔๗๕,๙๕๖ บาท ๑.๓ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๐๐,๒๓๙,๔๘๖ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวข้างต้น สำหรับจ่ายเงินล่วงหน้า และค่างานงวดที่ ๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13200 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา) | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
.....