ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 656 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13101 - 13120 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13101 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร ตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 (จำนวน 5 คน 1. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ฯลฯ) | มท | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร สมัยที่ ๗ แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี จำนวน ๕ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ๒. นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ๓. นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร ๔. นายอาทร สินสวัสดิ์ ๕. นายเสถียร เจริญเหรียญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13102 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สภากาชาดไทย) | อื่นๆ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสภากาชาดไทยซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญผู้แทนสภากาชาดไทยมาหารือและพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13103 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2509 | มท | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบและระเบียบการแต่งเครื่องแบบของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และแพทย์ประจำตำบล โดยเพิ่มเครื่องแบบปฏิบัติราชการอีกหนึ่งประเภท คือ เครื่องแบบคอเปิดสีน้ำเงิน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13104 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (จำนวน 10 คน 1. นายดิสทัต โหตระกิตย์ ฯลฯ) | พน | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวม ๑๐ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายดิสทัต โหตระกิตย์ ประธานกรรมการ ๒. นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ กรรมการ ๓. พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา กรรมการ ๔. นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช กรรมการ ๕. นายสุธน บุญประสงค์ กรรมการ ๖. นายพรพจน์ เพ็ญพาส กรรมการ ๗. รองศาสตราจารย์พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการ ๘. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการ ๙. นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต กรรมการ ๑๐. นายพรชัย ฐีระเวช กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13105 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ | กค | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบหลักการของการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เพิ่มวงเงินสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชน จากเดิม ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย เป็น ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ๒. ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนหรือเงินลงหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับวงเงินที่เพิ่มขึ้น โดยกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประสงค์จะให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ที่ ๕ ล้านบาท กรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประสงค์จะต้องการให้สินเชื่อแก่ประชาชนไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านบาท ส่วนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์อยู่เดิมหากประสงค์จะให้สินเชื่อเกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาทต่อราย แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า ๕ ล้านบาท เป็นไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านบาท เพื่อให้สะท้อนถึงความมั่นคงภายในการประกอบธุรกิจที่มีการให้สินเชื่อต่อรายในวงเงินที่สูงขึ้น ๓. ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ จากลูกหนี้รวมกันแล้วเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) จากเดิมไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี เป็น (๑) วงเงินสินเชื่อ ๕๐,๐๐๐ บาทแรก อาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี และ (๒) วงเงินสินเชื่อส่วนที่เกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท อาจเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ รวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๒๘ ต่อปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13106 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่ กนป. เสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบการเพิ่มเป้าหมายเกษตรกรในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน จากเดิม ๑๕๐,๐๐๐ ครัวเรือน เป็น ๒๔๙,๙๑๘ ครัวเรือน (เพิ่มเป้าหมาย ๙๙,๙๑๘ ครัวเรือน) โดยค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการดำเนินงาน ค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และชดเชยต้นทุนเงิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องอันเกิดจากผลของการเพิ่มเป้าหมายดังกล่าว ให้เป็นไปตามลักษณะวิธีการที่ได้ดำเนินการมาแล้วในโครงการดังกล่าว หรือเพิ่มเติมได้ แต่ให้อยู่ภายในกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ (๓,๔๕๗,๗๕๖,๒๕๐ บาท) ๒. ที่ประชุมเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ และขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๒๕ ล้านบาท ออกไป จากเดิมสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบกรอบแนวทางและวิธีการเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มดิบ เพื่อลดสต็อกภายในประเทศ โดยให้ ๓.๑ กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มอัตราการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ เพิ่มจากเดิม ๑,๐๐๐ ตัน/วัน เป็น ๑,๕๐๐ ตัน/วัน เพื่อเร่งดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ ตัน ให้เร็วขึ้น ๓.๒ กฟผ. จัดหาสถานที่รับมอบน้ำมันปาล์มดิบตามมาตรการดังกล่าวที่คลังรับฝากจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดฉะเชิงเทรา และรับมอบน้ำมันปาล์มดิบตามสัญญาส่วนที่เหลือทั้งหมดจัดเก็บที่คลังดังกล่าวโดยเร็ว โดยให้ กฟผ. ชำระเงินค่าน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ผู้ขายหลังจากที่ผู้ขายได้นำน้ำมันปาล์มดิบเข้าจัดเก็บในคลังรับฝากที่ กฟผ. จัดหาเรียบร้อยแล้ว ในราคากิโลกรัมละ ๑๘ บาท หักค่าขนส่งน้ำมันปาล์มดิบจากคลังรับฝากถึงโรงไฟฟ้าบางปะกงที่ผู้ขายน้ำมันปาล์มดิบต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการเก็บสต็อกและการรักษาคุณภาพ ให้กระทรวงพลังงานจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ช่วยบริหารจัดการ Supply Chain ๓.๓ มอบหมายบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สนับสนุนมาตรการเร่งรัดการใช้น้ำมันปาล์มดิบและลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินที่มีอยู่ภายในประเทศ โดยรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน เพื่อนำไปผลิตเป็น บี ๑๐๐ บี ๒๐ หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่สามารถระบายออกนอกระบบได้โดยเร็ว และให้ ปตท. รับผิดชอบดำเนินการโดยเร่งด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13107 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 4 | กต | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๔ [The Fourth Mekong-Lancang Cooperation (MLC) Foreign Ministers’ Meeting] ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ แขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยที่ประชุมฯ ได้รับรองแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบ MLC ครั้งที่ ๔ และรับทราบข้อเสนอของจีนในการดำเนินความร่วมมือ MLC ในอนาคต เช่น การจัดตั้งระเบียงการพัฒนาเศรษฐกิจแม่โขง-ล้านช้าง ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงในทุกมิติ การส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพการผลิต โดยอาศัยความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศสมาชิกและการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกได้แสดงท่าทีในประเด็นที่สำคัญเพื่อร่วมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ระยะ ๕ ปี ภายใต้กรอบ MLC โดยในส่วนของไทยได้เน้นย้ำการดำเนินภารกิจที่ต้องยึดตามหลักการพื้นฐานของปฏิญญาซานย่า อีกทั้งไทยได้รับข้อเสนอของจีน เช่น การจัดตั้งระเบียงการพัฒนาเศรษฐกิจแม่โขง-ล้านช้าง ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงในทุกมิติและดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป การส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพการผลิต โดยอาศัยความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศสมาชิกและการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรม เป็นต้น ไปพิจารณาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนต่อไป และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในประเด็นการเร่งรัดการจัดทำแผนความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงระหว่างประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ควรให้หน่วยงานที่ดูแลภาพรวมระดับมหภาคของประเทศและระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานหลัก และควรให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักของไทยในคณะทำงานร่วมด้านศักยภาพการผลิตภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13108 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 7 | กต | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย (Minutes of the Meeting of the Seventh Session of the Joint Russian-Thai Commission on Bilateral Cooperation) ครั้งที่ ๗ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการทบทวนผลการดำเนินงานตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ เมื่อปี ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา และการผลักดันความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต ได้แก่ การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม พลังงาน และสาธารณสุข รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่ไทยและรัสเซียเป็นสมาชิกร่วมกัน และมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้แก่ (๑) ไทยและรัสเซียมีความสนใจที่จะขยายความร่วมมือร่วมกันในมิติต่าง ๆ ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม โดยฝ่ายรัสเซียประสงค์ที่จะให้มีการหารือร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งและเปิดศูนย์วัฒนธรรมรัสเซียในไทย ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาการจัดทำร่างความตกลงดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎระเบียบภายในประเทศและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งสองประเทศในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรใช้ข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล กฎระเบียบ และมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของรัสเซีย ซี่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการประกอบธุรกิจของไทยและการส่งออกสินค้าไปรัสเซีย และ (๓) ประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคงที่ไทยควรเร่งผลักดันคือ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะช่วยเน้นย้ำบทบาทสำคัญของไทย ตลอดจนสร้างโอกาสในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียในระยะยาว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13109 | รายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้ส่วนราชการดำเนินการตามมาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีกล่าวอ้างว่าการก่อสร้างคลังก๊าซแหลมใหญ่และท่าเทียบเรือของคลังก๊าซมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการประกอบอาชีพของชุมชนคลองน้อย จังหวัดสมุทรสงคราม) | สม | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้ส่วนราชการดำเนินการตามมาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีกล่าวอ้างว่าการก่อสร้างคลังก๊าซแหลมใหญ่และท่าเทียบเรือของคลังก๊าซมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการประกอบอาชีพของชุมชนคลองน้อย จังหวัดสมุทรสงคราม) จำนวน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) ประเด็นการดำเนินโครงการขาดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติที่รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ ซึ่งรับรองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๔ (๒) การที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงครามพิจารณาให้บริษัท เอ็นเอสแก๊ส แอลพีจี จำกัด แก้ไขโครงสร้างท่าเทียบเรือ รวมถึงการขุดลอกร่องน้ำใหม่เป็นการใช้ดุลยพินิจไม่รอบด้าน และ (๓) การออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างท่าเทียบเรือ ขนาดไม่เกิน ๕๐๐ ตันกรอส ของบริษัท เอ็นเอสแก๊ส แอลพีจี จำกัด ขัดต่อการประกาศกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ หรือไม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13110 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน พ.ศ. .... | พณ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาการใช้บังคับมาตรการตามร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ให้สอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13111 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า กรมป่าไม้ต้องจัดทำคู่มือฉบับประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามหลักการและกระบวนการหรือขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงนโยบายรัฐบาลที่ให้มีการนำไม้ไปเป็นหลักประกันทางธุรกิจตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ พร้อมทั้งมอบหมายภารกิจการรับรองไม้โดยเฉพาะไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีให้แก่สถาบันหรือองค์กรอื่นดำเนินการแทนในระยะแรก ตลอดจนจัดทำฐานข้อมูลชนิดพันธุ์ไม้ จำนวนหรือปริมาณไม้ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบในอนาคต ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13112 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... | สว | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำในเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีข้อสังเกตว่าควรมีการออกประกาศตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร การปลูกสมุนไพรแบบครบวงจร การยกเว้นการขอใบอนุญาตให้กับปราชญ์ชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดทำฐานข้อมูลแหล่งสมุนไพรธรรมชาติ การพิจารณาแต่งตั้งผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร เพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้สมุนไพรให้แก่ประชาชน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13113 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 10 ฉบับ | กษ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน ๑๐ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายบ้านเลิศอรุณ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานลำตะคอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานลำตะคอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของเขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำน้ำมูล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ซ้าย ของคลองนครหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางเลน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13114 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... | สว | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีข้อสังเกตว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรขยายเวลาเปิดทำการศาลยุติธรรมในวันหยุดเพื่อแก้ไขปัญหาการนำตัวผู้ถูกจับที่ถูกจับนอกเวลาทำการมาส่งศาล ควรจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตำรวจศาลเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และควรจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางของหมายจับที่ออกโดยศาล รวมทั้งในการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเจ้าพนักงานตำรวจศาลควรจะต้องกำหนดไม่ต่ำกว่าคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของข้าราชการตำรวจ นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรกำหนดให้มีหน่วยงานเพื่อดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการเฉพาะ โดยรัฐบาลควรสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเพิ่มบุคลากร งบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13115 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งออกของไทยและอัตราการขยายตัวการส่งออกของไทยเปรียบเทียบกับสมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียน ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การส่งออกของไทยและอัตราการขยายตัวการส่งออกของไทยเปรียบเทียบกับสมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว สรุปผลการพิจารณาว่า ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะไปแล้วบางส่วน เช่น การรักษาสถานะการเป็นผู้นำของไทยในการส่งออกกลุ่มสินค้าทั้ง ๔ ประเภท (ข้าว น้ำตาล ยางพารา อัญมณีและเครื่องประดับ) ให้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน และได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งการจับคู่ธุรกิจ การจัดคณะผู้ประกอบการเดินทางไปเจาะตลาดต่างประเทศ รวมทั้งภาครัฐได้มีกลไกบูรณาการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กรอบความร่วมมือ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค” จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มอาเซียน และจะช่วยพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งภายในภูมิภาค พร้อมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกในปี ๒๕๖๒ โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิตอย่างชัดเจน และกำหนดนโยบายเร่งรัดการสร้างตลาด เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13116 | ขอถอนร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้ MR. SYED SAMI ULLAH MOOSVI สัญชาติอินเดียเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ | มท | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้ MR. SYED SAMI ULLAH MOOSVI สัญชาติอินเดีย เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13117 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | คค | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ตามโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปดำเนินการสำรวจที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และควรให้กรมการขนส่งทางบกประสานการรถไฟแห่งประเทศไทยในส่วนของการกำหนดแผนดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งทางถนนสู่ระบบรางได้อย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ รวมทั้งก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าได้ตามเป้าหมายที่ประมาณการไว้ นอกจากนี้ การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้จะต้องเป็นการเวนคืนเพื่อประโยชน์ในการสร้างศูนย์การขนส่งชายแดน ตามโครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม อันเป็นการดำเนินการเพื่อกิจการสาธารณูปโภคหรือเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยไม่อาจดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13118 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... | สว | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ในอนาคตหากมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ จะกำหนดให้มีสำนักงานสภาสถาบันต่อไป และเห็นควรนำคำว่า “สถาบันอื่น ๆ” ไปกำหนดความหมายไว้ในข้อบังคับของสถาบัน รวมทั้งต่อไปหากมีกฎหมายกลางที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลและตำแหน่งทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษาไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จะปรับปรุงการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายกลางดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13119 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกาญจนา จันทร์ไทย) | สธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกาญจนา จันทร์ไทย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพทรงคุณวุฒิ (ด้านการพยาบาล) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13120 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 103) พ.ศ. 2537 พ.ศ. .... | พณ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๐๓) พ.ศ. ๒๕๓๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๐๓) พ.ศ. ๒๕๓๗ ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๗ ที่กำหนดให้ปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์จากปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองเป็นสินค้าควบคุมที่ต้องมีหนังสือรับรองจากกรมประมงไปแสดงประกอบพิธีการนำเข้าต่อกรมศุลกากร เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงมีมาตรการควบคุมตรวจสอบการนำเข้าสินค้าดังกล่าวภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นการเฉพาะแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....