ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 655 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13081 - 13100 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13081 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2560 | สธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะทางการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13082 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 10 เมษายน 2562 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 18 เมษายน 2562) | คค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ (สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔ (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา และบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๙ สายวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งเห็นควรให้กรมทางหลวงบูรณาการการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อป้องกันและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13083 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตนำสุราเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตนำสุราเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สุราที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรต้องมีมาตรฐานเป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด จากเดิมที่กำหนดให้สุราที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสุราและหน่วยงานที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้นำสุราเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ควรเป็นหน่วยงานเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13084 | การให้สิทธิพิเศษทางภาษีในกรอบอาเซียนกับการค้าที่มีการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า สำหรับการส่งสินค้าจากประเทศสมาชิกที่เป็นคนกลางไปยังประเทศสมาชิกอื่น (Back - to - Back Certificate of Origin) ควบคู่กับการใช้ใบกำกับราคาสินค้าของประเทศที่สาม (Third Country Invoicing) | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ไทยดำเนินการให้สิทธิพิเศษทางภาษีในกรอบอาเซียนกับการค้าที่มีการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าจากประเทศสมาชิกที่เป็นคนกลางไปยังประเทศสมาชิกอื่น (Back-to-Back Certificate of Origin) ควบคู่กับการใช้ใบกำกับราคาสินค้าของประเทศที่สาม (Third Country Invoicing) ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีในกรอบอาเซียนกับการค้าที่มีการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าจากประเทศสมาชิกที่เป็นคนกลางไปยังประเทศสมาชิกอื่น (Back-to-Back Certificate to Origin) ควบคู่กับการใช้ใบกำกับราคาสินค้าของประเทศที่สาม (Third Country Invoicing) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้กลไกการประชุมคณะอนุกรรมการความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (SC-AROO) ผลักดันให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศดำเนินการติดตามผลการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีในกรอบอาเซียนกับการค้าในรูปแบบดังกล่าว และควรให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางดำเนินงานในการป้องกันการสวมสิทธิโดยการปลอมแปลงถิ่นกำเนิดสินค้าจากประเทศนอกอาเซียนที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งควรมีกรอบแผนงานติดตามรูปแบบการค้าดังกล่าว (Monitoring Framework) และสนับสนุนกรมศุลกากรในการจัดเก็บสถิติการค้าสินค้าที่มีการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าจากประเทศสมาชิกที่เป็นคนกลางไปยังประเทศสมาชิกอื่น ควบคู่กับการใช้ใบกำกับราคาสินค้าของประเทศที่สาม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่การผลิตและสะท้อนผลที่เกิดจากความร่วมมือของอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13085 | การต่ออายุบันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการต่ออายุบันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ไปอีก ๒ ปี คือ ระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยการแลกเปลี่ยนหนังสือ (Exchange of Notes) ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ เพื่อให้รัฐบาลไทยสามารถเข้าร่วมประมูลขายข้าว G to G กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เสนอการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ๒ ปีดังกล่าว และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้เป็นผู้ลงนามในหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้การต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ในครั้งนี้เป็นรูปแบบเดียวกับการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ล่าสุดที่ได้หมดอายุเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณการซื้อขายข้าวระหว่างกันไม่เกิน ๑ ล้านตันต่อปี โดยมีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของตลาด สถานการณ์การผลิตและปริมาณข้าวของแต่ละประเทศ และราคาตลาดระหว่างประเทศที่มีการซื้อขายจริงในขณะนั้น ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เนื่องจากการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายฟิลิปปินส์มิได้มอบหนังสืออำนาจเต็มของฝ่ายฟิลิปปินส์ และแจ้งในภายหลังว่า ในกรณีนี้ ฟิลิปปินส์ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือมอบอำนาจเต็ม ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงควรหารือกับฝ่ายฟิลิปปินส์ว่า ในครั้งนี้มีความจำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็มหรือไม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13086 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อนำไปชำระให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลฎีกา (กรณีต้นกล้ายางชำถุง) | กษ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๓,๐๗๐,๒๘๑.๗๑ บาท เพื่อนำไปชำระให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลฎีกา (กรณีต้นกล้ายางชำถุง) ให้ครบถ้วนโดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตรรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อสอบสวนหาผู้รับผิดกรณีเกิดความเสียหายแก่ทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว และเพื่อให้การดำเนินโครงการด้านการเกษตรในระยะต่อไปเป็นไปด้วยความรอบคอบและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดความเสี่ยงและแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการส่งเสริมด้านการเกษตรตั้งแต่ในขั้นตอนการจัดเตรียมโครงการ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่เคยเกิดขึ้นและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต และการกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดหาปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะหากต้องจัดหาในจำนวนมาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ยึดประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13087 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 | กษ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี ๒๕๖๑/๖๒ ในส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังฤดูกาลทำนา (พืชไร่ และพืชผัก) จำนวน ๔.๘๗ ล้านไร่ ช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริงในอัตราไร่ละ ๖๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๕ ไร่ โดยใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒,๙๒๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การสนับสนุนปัจจัยการผลิตไร่ละ ๖๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๕ ไร่ เป็นการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางในลักษณะงบดำเนินงาน ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบความเหมาะสมของอัตราค่าใช้จ่ายจากกระทรวงการคลังก่อน ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าธรรมเนียมโอนเงิน ในกรอบวงเงิน ๒,๒๗๒,๙๐๐ บาท เห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริงหรือให้เป็นตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายบริหารโครงการฯ ได้แก่ ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการยืนยันสิทธิ์และออกใบรับรอง และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ/รับรองพื้นที่ให้ผลผลิต เป็นต้น ในกรอบวงเงิน ๘,๑๕๔,๖๐๐ บาท ให้กรมส่งเสริมการเกษตรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จากผลผลิต/โครงการ/กิจกรรมหรือรายการ ที่คาดว่ามีงบประมาณเหลือจ่าย หรือจากรายการที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริหารโครงการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ได้แก่ การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด การพิจารณาถึงหลักการในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรโดยมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีความสมดุลของผลผลิตและความต้องการที่จะนำไปสู่การสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ทั้งในด้านรายได้และคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน การติดตามตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรอย่างละเอียด โดยต้องเป็นเกษตรกรที่ปลูกพืชจริงตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น การดำเนินการศึกษาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้ครบถ้วนรอบด้าน การสำรวจปริมาณความต้องการของเกษตรกรก่อนดำเนินโครงการฯ และการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับโครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง หรือโครงการอื่นของภาครัฐที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การดำเนินโครงการด้านการเกษตรในระยะต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการจัดการด้านเกษตรกรรมให้สอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area Based) และแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) โดยส่งเสริมให้เกษตรกรร่วมกันดำเนินการในลักษณะกลุ่มพื้นที่เฉพาะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13088 | การนำที่ดินขององค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลมาใช้ในโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนโครงการสาย ข7 อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี | มท | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ครั้งที่ ๔๗-๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ให้นำที่ดินขององค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือตามกฎหมายเฉพาะ (พื้นที่การประปาส่วนภูมิภาค ในบริเวณสถานีจ่ายน้ำวัดภูเขาแก้ว) มาใช้ในโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนโครงการสาย ข๗ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมกับจัดระเบียบแปลงที่ดินใหม่ โดยมีพื้นที่ดำเนินโครงการรวม ๙๖ ไร่ ๑ งาน ๖๑.๘๐ ตารางวา เจ้าของที่ดิน ๑๒ ราย รวมถึงที่ดินขององค์การของรัฐบาลซึ่งเป็นที่ตั้งของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) (สถานีจ่ายน้ำวัดภูเขาแก้ว) อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ประมาณ ๒๙ ไร่ ๒ งาน ๘๒ ตารางวา และภายหลังการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินฯ แล้ว ที่ดินของรัฐในความดูแลของ กปภ.จะมีขนาดพื้นที่เท่าเดิม ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๕๖ มาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๔๗ (สำหรับพื้นที่สาธารณะและพื้นที่จัดหาประโยชน์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๐๖ และ ๐.๕๘ ตามลำดับ และพื้นที่เอกชนลดลงร้อยละ ๗.๕๔)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13089 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ปรินดา จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดเพชรบุรี | อก | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตามคำขอประทานบัตรที่ ๓-๔/๒๕๕๓ ของบริษัท ปรินดา จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้บริษัทฯ มีการวางแผนการทำเหมืองแร่เช่นเดียวกันกับประทานบัตร และ/หรือคำขอประทานบัตรที่อยู่ในพื้นที่ติดต่อกัน และพื้นที่เป็นแหล่งแร่หินอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรแร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การจัดการด้านความปลอดภัยตามเทคโนโลยีการทำเหมืองแร่ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ที่สิ้นสุดการใช้ประโยชน์เพื่อการทำเหมืองแร่แล้ว และในอนาคตควรมีการพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวมอย่างเร่งด่วน รวมทั้งวางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวมทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ การประเมินคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละพื้นที่ การประเมินสถานการณ์และพิจารณาขีดจำกัด และความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อการทำเหมืองในภาพรวมให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน และกำหนดเขตแหล่งแร่อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ตามแนวทางของแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กำกับให้บริษัทฯ ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13090 | การดำเนินโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วน (Quick Win) | ยธ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วน (Quick Win) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และประชาชนทั่วไปเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยมีแผนดำเนินโครงการฯ เช่น จัดทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ๑๕๐ สถานี ในช่วงเดือนเมษายน-กันยายน ๒๕๖๒ และจัดทนายความอาสาตอบปัญหากฎหมายทางเว็บไซต์ที่ทำการสภาทนายความ เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ที่ต้องดำเนินการในปี ๒๕๖๒ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน โดยคำนึงถึงลำดับความจำเป็นเร่งด่วนภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และประโยชน์ที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควร (๑) จัดให้มีการฝึกอบรมหรือมีกระบวนการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการให้แก่ทนายอาสาก่อนที่จะเริ่มทำหน้าที่ตามโครงการดังกล่าว รวมทั้งมีมาตรการป้องกันและมาตรการในการกำกับดูแลและลงโทษ หากปรากฏกรณีทนายความอาสาที่ทำหน้าที่บริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายดังกล่าวมีการเรียกรับผลประโยชน์หรือค่าบริการให้คำปรึกษาหรือค่าว่าความ หรือไปรับทำหน้าที่เป็นทนายความว่าต่าง แก้ต่างคดีในคดีที่ให้คำปรึกษาดังกล่าวเสียเอง (๒) โครงการดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวชี้วัดหรือรายละเอียดเกี่ยวกับการประเมินผลความสำเร็จ (Evaluation) ของโครงการว่าจะวัดผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการอย่างไร หรือการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการใช้จ่ายที่คุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่ (๓) กำหนดแนวทางปฏิบัติหรือระเบียบที่จะให้ถือเอาบันทึกข้อเท็จจริง บันทีกปากคำ พยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ และรายละเอียดแห่งคดีที่ขอรับคำปรึกษา ที่ทนายความอาสาได้จัดทำขึ้นเป็นส่วนหนี่งของจำนวนการสอบสวนด้วย และ (๔) จัดให้มีการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ ผู้ได้รับผลกระทบ ผู้มีส่วนได้เสีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13091 | มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2562 - 2565) | นร10 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ตามมติ คปร. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยมาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๒ มาตรการหลัก ได้แก่ (๑) มาตรการพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย ๓ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์การบริหารจัดการกำลังคนเพื่อรองรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ กลยุทธ์การพัฒนาระบบการวางแผนและติดตามประเมินผลการใช้กำลังคน และกลยุทธ์การพัฒนาข้อสนเทศเพื่อการบริหารจัดการกำลังคน และ (๒) มาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ ประกอบด้วย การจัดสรรอัตราข้าราชการที่ว่างจากผลการเกษียณอายุ การขอจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และการบริหารอัตราข้าราชการระหว่างปีงบประมาณ ๑.๒ รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินการตามมาตรการบริหารจัดการอัตรากำลังปกติ ซึ่งเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการ การดำเนินการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น และการยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำ (๒) ผลการดำเนินการตามมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ สรุปผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการวางแผนและบริหารกำลังคนของส่วนราชการ (๓) สรุปความคิดเห็นของส่วนราชการ และ (๔) ข้อเสนอแนะสำหรับการกำหนดทิศทางนโยบายการบริหารกำลังคนภาครัฐในระยะต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการทบทวนกรอบอัตรากำลังคนภาครัฐของแต่ละกระทรวงให้เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับมาตรการพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์ ในส่วนของกลยุทธ์การพัฒนาข้อสนเทศเพื่อการบริหารจัดการกำลังคน ควรกำหนดตัวชี้วัดให้ครอบคลุมประเด็นความครบถ้วน และถูกต้องด้วย เพื่อให้ส่วนราชการสามารถมีระบบข้อสนเทศเพื่อการบริหารจัดการกำลังคนที่ถูกต้องเหมาะสม ทันสมัย และเป็นมาตรฐานเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังรองรับข้าราชการรุ่นใหม่ โดยมุ่งเน้นการบรรจุข้าราชการที่จบการศึกษาในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการกำหนดค่าตอบแทนพิเศษเพื่อดึงดูดข้าราชการรุ่นใหม่ดังกล่าวให้เข้ามาสู่ระบบราชการเพิ่มมากขึ้นด้วย ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการตามมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๕. ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการบริหารจัดการกำลังคนให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ประเด็นปฏิรูปที่ ๔ ที่กำหนดให้กำลังคนภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมและมีสมรรถนะสูง พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13092 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ตำแหน่งนายแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร) | นร10 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ตำแหน่งนายแพทย์ และทันตแพทย์) จำนวน ๑,๓๕๘ อัตรา สำหรับตำแหน่งเภสัชกร เนื่องจากจำนวนเภสัชกรที่มีอยู่ในปัจจุบันมีจำนวนใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จึงไม่ถือเป็นตำแหน่งที่มีความขาดแคลน ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คปร. ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการวิเคราะห์พร้อมจัดทำข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการเป็นนักศึกษาคู่สัญญาของนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการบรรจุนักศึกษาคู่สัญญาที่มุ่งเน้นการกระจายบุคลากรไปยังพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลนบุคลากร รวมถึงการกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจในการธำรงรักษาบุคลากรให้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นสำหรับการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปี ๒๕๖๒ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ในแผนงานบุคลากรภาครัฐตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับการบรรจุอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของการขอกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้อัตราว่างที่มีอยู่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมาดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรก และควรกำหนดอัตราส่วนบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขต่อจำนวนประชากรที่เหมาะสม และให้มีการกระจายบุคลากรทางการแพทย์อย่างเป็นธรรมในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การบริการสาธารณสุขในภาพรวมของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในทุกพื้นที่โดยเท่าเทียมกัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13093 | การประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยกระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ได้บูรณาการร่วมกับทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนงาน/โครงการ และได้จัดทำโครงการประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งมีผลการประเมินใน ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบูรณาการการขับเคลื่อนงาน/โครงการต่าง ๆ (๒) การมีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามโครงการฯ ของประชาชน (๓) ระดับความรู้ ความเข้าใจของประชาชนในหลักการหรือแนวคิดของโครงการฯ ใน ๑๐ เรื่อง และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ (๔) ความสำเร็จของการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการฯ (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) (๕) ความสำเร็จของโครงการอื่น ๆ ภายใต้โครงการฯ (๖) ความสำเร็จของนโยบาย (Policy Success) (๗) การถอดบทเรียน และแบบอย่างในการปฏิบัติที่ดี (Good/Best Practices) ของทีมขับเคลื่อนฯ และ (๘) ข้อเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการขับเคลื่อนการดำเนินการพัฒนาประเทศตามโครงการฯ ของทีมขับเคลื่อนฯ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13094 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการก่อสร้างอาคารจอดรถของกองทัพภาคที่ 1 | กห | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองทัพบกดำเนินการก่อสร้างอาคารจอดรถของกองทัพภาคที่ ๑ วงเงิน ๑๒๓,๓๘๔,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ และยกเว้นไม่นำข้อกำหนดในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ประเด็นการก่อสร้างอาคารสูงเกินข้อกำหนดมาใช้กับการก่อสร้างอาคารจอดรถของกองทัพภาคที่ ๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๒๔,๖๗๖,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๘,๗๐๗,๒๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13095 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณในการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก พ.ศ. 2563 - 2565 | พณ | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๕๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคาร และประมาณการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงของอาคารและพื้นที่ใช้สอย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึงความประหยัดและคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ และให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณ และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓) ทั้งนี้ ให้จัดส่งรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการทางนิติกรรมและรับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ขอให้แจ้งกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนรัฐบาลไทยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานของส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบปฏิบัติราชการในประเทศที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่เป็นผู้ทำนิติกรรมและรับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๐ ที่กำหนด ตลอดจนดำเนินการขึ้นทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศให้ถูกต้อง ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13096 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย | ทส | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Statement of ASEAN Ministers Responsible for CITES and Wildlife Enforcement on Illegal Wildlife Trade) และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ และร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและมุ่งเน้นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมายอย่างมีแบบแผนและมีทิศทางที่แน่นอน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13097 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร09 | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... เป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทในการบริหารและการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแนวทางการบริหารและการจัดการศึกษาในอนาคต โดยมีความเชื่อมโยงกับร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนที่จะต้องตราเป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วไปปรับปรุงเป็นกฎหมายระดับพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13098 | การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2562 | รง | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก ตามมาตรา ๓๙ วรรคสอง สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานหรือที่ได้รับอนุญาตทำงานในเรือประมงและมีหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมงหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานหรือที่ได้รับอนุญาตทำงานในเรือประมงและมีหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมงหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกลับประเทศต้นทางเพื่อไปร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินการ และเร่งทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ทุกพื้นที่ รวมถึงอำนวยความสะดวกตามอำนาจหน้าที่ให้กับแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางในการร่วมงานประเพณีสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำกับดูแลมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อลดการกล่าวหาการเรียกรับหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการการจัดเก็บข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกของแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงานต่อแรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13099 | ขอรับจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม) | กค | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๓๗,๙๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม สำหรับดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบการเพิ่มกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือเข้าร่วมมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาภายใต้มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13100 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางฤชุกร สิริโยธิน) | ทส | 19/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....