ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 655 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13081 - 13100 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13081 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ | ปช | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแจ้งว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงพบความผิดปกติในการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ซึ่งพบว่า กระบวนการจัดเก็บและการใช้จ่ายเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติมีช่องทางและความเสี่ยงในการทุจริตให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาประโยชน์ได้โดยมิชอบ คณะกรรมการฯ จึงได้ศึกษาสาเหตุของปัญหาดังกล่าวและเสนอข้อเสนอแนะมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะมาตรการดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ (๒) ด้านการพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และ (๓) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับประเด็นด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และด้านการบริหารจัดการ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และให้แจ้งผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13082 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท มานะศิลา 2537 จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและหินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ของบริษัท มานะศิลา ๒๕๓๗ จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี] ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งควรให้ความสำคัญและสนับสนุนการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมืองแร่ รวมถึงสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในอนาคตควรพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวมอย่างเร่งด่วน วางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวม ทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดกำหนดหลักเกณฑ์การจำแนกเขตพื้นที่แหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13083 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และโอนบรรดาอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของส่วนราชการบางส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปเป็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะต้องไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณจากที่มีอยู่เดิม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและความประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารภาครัฐตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และในส่วนของอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินในภาพรวมของประเทศ ควรมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานให้ชัดเจนด้วย เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหา และอุปสรรคได้รับการแก้ไขปรับปรุงได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13084 | ขออนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการเงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการเงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๑๐,๙๓๓,๗๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรพัฒนาระบบการติดตามประเมินผลที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์จากการจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำแนวทางพัฒนาระบบตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้มีประสิทธิภาพตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งควรเป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรเพิ่มประสิทธิภาพระบบ/กลไกการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13085 | แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 11 พ.ศ. 2563 - 2567 | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) ระยะที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ และอนุมัติสนับสนุนงบประมาณให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียตามแผนความร่วมมือฯ เพื่อดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุน AIT จำนวนทั้งสิ้น ๘๕๒.๓๓๗๕ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา ๕ ปีงบประมาณ ปีงบประมาณละ ๑๗๐.๔๖๗๕ ล้านบาท โดยแผนความร่วมมือฯ เป็นแผนงานผลิตบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยให้ทุนการศึกษา จำนวน ๑๖๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาต่อ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย แบ่งเป็น ๒ ประเภททุน คือ (๑) ทุนการศึกษาพระราชทาน (ทุนการศึกษาเต็มจำนวน) สำหรับนักศึกษาสัญชาติภูมิภาคเอเชียเพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๗๕ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย และเตรียมความพร้อมกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และ (๒) ทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทย (ทุนการศึกษาบางส่วน) สำหรับนักศึกษาไทย เพื่อศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม ๙๐ ทุนต่อปี เพื่อศึกษาการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็น และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณตามขั้นตอน ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำหนดกลไกหรือกระบวนการตรวจสอบที่เป็นกลางและโปร่งใสเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและการใช้งบประมาณตามแผนความร่วมมือฯ อย่างสม่ำเสมอ ควรพิจารณาดำเนินแผนงานด้านอื่น อาทิ การเพิ่มศักยภาพทางการศึกษาการพัฒนาหลักสูตร การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ควรพิจารณากำหนดมาตรการรองรับ อาทิ การกำหนดข้อผูกพันในการรับทุน โดยให้ผู้ที่ได้รับทุนบางส่วนต้องปฏิบัติงานในประเทศไทย การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการมีระบบ Matching ผู้สำเร็จการศึกษากับความต้องการกำลังคนในโครงการพัฒนาที่สำคัญของประเทศ การทำโจทย์วิจัยร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชนไทย รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรมีการติดตามและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่สำเร็จการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมในมิติต่าง ๆ อาทิ สาขาความเชี่ยวชาญ ผลงานวิจัย ตำแหน่ง สถานที่ปฏิบัติงาน และควรจัดทำรายงานผลการดำเนินการประจำปีเกี่ยวกับแผนความร่วมมือฯ เพื่อประเมินผลในแต่ละช่วงเวลาทั้งในมิติด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) ให้สำนักงาน ก.พ. ทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13086 | การขออนุมัติโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ โครงการที่ 5 (ปีงบประมาณ 2563 - 2574) | กต | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ โครงการที่ ๕ เป็นระยะเวลา ๑๒ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๔) รวมจำนวน ๕๐ ทุน เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท ในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น ภูมิภาคศึกษา กฎหมายระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยจำแนกเป็น (๑) ทุนสำหรับบุคคลทั่วไป (ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท ประมาณ ๘ ปี) จำนวน ๒๕ ทุน เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ ความรู้ความสามารถสูงให้เข้าสู่ระบบราชการ และ (๒) ทุนสำหรับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ (ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ประมาณ ๓ ปี) จำนวน ๒๕ ทุน เพื่อรองรับบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศ (ข้าราชการสายงานการทูต) ที่จะเกษียณอายุนอกเหนือจากการสรรหานักการทูตโดยวิธีการสอบแข่งขัน และเพื่อพัฒนาศักยภาพของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ ประมาณ ๑๕.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๕๒๓.๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ ให้ครอบคลุมถึงทุนในสาขาวิชาการแปลและการล่ามด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดสรรทุนฯ เห็นควรสนับสนุนโครงการจัดสรรทุนฯ ในส่วนการจัดสรรทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวนรวม ๑๐ ทุน และผูกพันการใช้งบประมาณสำหรับผู้รับทุนตามโครงการจัดสรรทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนการจัดสรรทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามแนวทางดังต่อไปนี้ (๑) ขอรับการจัดสรรทุนดังกล่าวจากสำนักงาน ก.พ. ในส่วนของงบประมาณการจัดสรรทุนของรัฐบาล ในรูปแบบทุน ก.พ. ตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ ก.พ. กำหนด (๒) จัดทำข้อเสนอ แนวทาง รายละเอียด กลุ่มเป้าหมาย ประเภทในการจัดสรรทุนฯ ประจำปีงบประมาณไปให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กำหนด (๓) การสรรหาและเลือกสรรบุคคลเพื่อรับทุนและการดูแลจัดการการศึกษาผู้รับทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด และ (๔) ให้กระทรวงการต่างประเทศในฐานะส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำสัญญารับทุน การติดตามการใช้ศักยภาพผู้รับทุน ตลอดจนการดำเนินการกรณีผู้รับทุนผิดสัญญาการรับทุนด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมา รวมทั้งควรมีการติดตามและจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้านในมิติต่าง ๆ อาทิ สาขาวิชา ความเชี่ยวชาญ ผลงานวิจัย รวมถึงติดตามการใช้ศักยภาพของนักเรียนทุนรัฐบาลภายหลังสำเร็จการศึกษา ตลอดจนความก้าวหน้าในอาชีพของนักเรียนทุนรัฐบาลตามแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดไว้ เพื่อเป็นคลังข้อมูลผู้มีศักยภาพหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13087 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน | นร10 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่กระทรวงพลังงาน จำนวน ๗๘ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้อัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวให้เป็นไปตามภารกิจที่กำหนด และควรประเมินผลการปฏิบัติงานของสำนักงานพลังงานจังหวัดว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้หรือไม่ เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงานและพัฒนาบุคลากรให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13088 | การขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด ผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2522/17 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช และสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2524/19 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 | พน | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ บริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด และคณะ ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับ (๑) สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และ (๒) สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๗๔ โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ และสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและประเมินผลการผลิตปิโตรเลียมของผู้รับสัมปทานอย่างใกล้ชิดเพื่อกำกับการผลิตปิโตรเลียมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานจะต้องดำเนินการตามข้อผูกพันในสัมปทานที่กำหนดว่า ผู้รับสัมปทานจะเจาะหลุมสำรวจหรือหลุมประเมินผลหรือหลุมผลิต จำนวน ๒ หลุม ในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการบริหารพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมภายใต้สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๒๒/๑๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช และสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๔/๑๙ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU1 ภายหลังสิ้นสุดสัมปทานให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13089 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกบุคคล ควรคำนึงถึงความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา เพื่อเป็นการส่งเสริมการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13090 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานน่านเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานน่านเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ถึง ขึ้นไปด้านเหนือน้ำตามลำน้ำแฮต ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำน้ำแพง ตำบลนาน้อย อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ถึง ขึ้นไปด้านเหนือน้ำตามลำน้ำแหง ตำบลบัวใหญ่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13091 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลและการกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร08 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคลและการกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดแบบเอกสารที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะ
กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13092 | ร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชนสำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนสำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การเข้าพื้นที่โครงการเพื่อเตรียมการก่อนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การแก้ไขข้อความในส่วนของบันทึกหลักการและเหตุผลจากคำว่า “รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” เป็น “รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” และการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กรมธุรกิจพลังงานควรเปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำไปปรับปรุงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13093 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสดศรี พงศ์อุทัย) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายพล ธีรคุปต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. นางสดศรี พงศ์อุทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13094 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๔๗,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF 3) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. FIDF 3) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๓ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะยาวเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ อายุ ๓ ปี จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนด ๒. ดำเนินการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นโดยการออก PN เพื่อทดแทนวงเงินที่ ๑ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (FIDF 3) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ (LB28DA) อายุ ๙.๗๗ ปี ประมูลในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๒.๕๑๔๑ ต่อปี และจะออกพันธบัตรรัฐบาล รุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทดแทนวงเงินที่ ๒ ซึ่งกระทรวงการคลังจะรายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลให้ทราบในโอกาสต่อไป ๓. ดำเนินการจัดส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13095 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2561 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561) | ผผ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ เช่น การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือพิจารณาเห็นสมควร (เช่น การเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน) การเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การพิจารณาคำร้องของบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรงและได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณากรณีกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน และรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13096 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพล ธีรคุปต์) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายพล ธีรคุปต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๒. นางสดศรี พงศ์อุทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13097 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานประดาน้ำ พ.ศ. .... | รง | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานประดาน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานประดาน้ำ เพื่อให้นายจ้างใช้เป็นเกณฑ์ในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับงานประดาน้ำให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13098 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมีนาคม 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ต่อคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ เรื่อง โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำ จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๓๙ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13099 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | สว | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและกลไกในการพิจารณาให้เอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ โดยกระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และเห็นควรให้มีการกำหนดแนวทางและกลไกในการดำเนินงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้เพิ่มเติม เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปประกอบการพิจารณาสำหรับการจัดทำหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการให้เอกชนใช้ทรัพย์สินของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13100 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร) | ศธ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑) ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
.....