ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 639 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12761 - 12780 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12761 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ (ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12762 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ควรมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา ๓๓ หมวด ๒ การควบคุมบริษัทแห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความพิการเพื่อให้ผู้พิการได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมในการทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัท และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ควรมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา ๓๑ หมวด ๒ การควบคุมบริษัทแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความพิการเพื่อให้ผู้พิการได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมในการทำสัญญาประกันวินาศภัยกับบริษัท โดยกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า ข้อสังเกตดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับการพัฒนาธุรกิจประกันภัยให้มีความก้าวหน้าและครอบคลุมการคุ้มครองประชาชนที่มีความพิการได้เพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้การแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายเป็นไปอย่างรอบคอบจะได้นำประเด็นตามข้อสังเกตดังกล่าวไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12763 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... | สว | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. .... โดยข้อสังเกตในการขยายระยะเวลาการเปิดทำการศาลยุติธรรมในวันหยุด ปัจจุบันศาลยุติธรรมได้ดำเนินการเปิดทำการศาลในวันหยุดอยู่แล้ว สำหรับข้อสังเกตที่ให้จัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตำรวจศาลเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดทำแผนการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตำรวจศาลแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการออกระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมเพื่อกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่นของเจ้าพนักงานตำรวจศาล สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการยกร่างระเบียบดังกล่าว โดยได้เทียบเคียงมาจากกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วยแล้ว และข้อสังเกตที่ให้ดำเนินการจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางของหมายจับที่ออกไว้ต่างศาลกัน ปัจจุบันสำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินโครงการเชื่อมโยงระบบงานฐานข้อมูลหมายจับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (AWIS) กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ นอกจากนี้ ข้อสังเกตการสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเพิ่มบุคลากร งบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างพิจารณาศึกษาแนวทางความเหมาะสมเพื่อดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12764 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จำนวน 4 ฉบับ | มท | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการมอบหมายให้ส่วนราชการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำความตกลงมอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการรับชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทนได้ และกำหนดอัตราส่วนลดหรือค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บภาษีที่ส่วนราชการรับชำระไว้แทน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ ที่ให้จัดเก็บภาษีตามมาตรา ๓๗ (๔) แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงการผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนงวดและจำนวนเงินภาษีขั้นต่ำที่มีสิทธิผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการในการผ่อนชำระภาษี ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ โดยกรณีที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์ตามควรแก่สภาพนั้น ควรพิจารณากำหนดระยะเวลาของการไม่ใช้ประโยชน์ในปีที่ผ่านมาไว้ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12765 | การทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็น 24 ชั่วโมง (ระยะเวลาทดลอง 3 เดือน) | นร08 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา เป็น ๒๔ ชั่วโมง โดยให้เริ่มต้นในวันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒-๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ (ระยะเวลาทดลอง ๓ เดือน) โดยให้กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ การทดลองขยายเวลาทำการด่านฯ จะครอบคลุมเฉพาะการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เท่านั้น โดยไม่รวมผู้โดยสาร รวมทั้งกำหนดประเภทรถ คือ รถบรรทุกขนาดใหญ่ (Lorry) และประเภทรถพ่วง (Trailer) ไม่รวมรถกระบะหรือรถน้ำหนักเบา (Pick-up/Light weight) โดยจำกัดจำนวนคนบนรถเพียง ๒ คน ได้แก่ คนขับรถ ๑ คน และผู้ช่วยคนขับรถ ๑ คน เท่านั้น ๑.๓ ให้คณะทำงานประเมินผลการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา ๒๔ ชั่วโมง ที่จัดตั้งโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับการประเมินผลการทดลองร่วมกับคณะทำงานประเมินผลฯ ฝ่ายมาเลเซีย ๑.๔ ให้จังหวัดสงขลาเตรียมการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยสอดคล้องกับกระบวนการภายในที่เกี่ยวกับการทดลองขยายเวลาด่านฯ ๒. ในส่วนของระยะเวลาการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ให้เลื่อนเวลาการเริ่มทดลองขยายเวลาทำการด่านฯ จากเดิมวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) เมื่อครบระยะเวลาทดลอง ๓ เดือน และมีการประเมินผลแล้ว ควรขยายเวลาทดลองเพิ่มอีก ๓ เดือน เพื่อเปรียบเทียบผลการขยายเวลาให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับร่วมกันทั้ง ๒ ประเทศ และ (๒) การขอให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการทดลองเปิดทำการได้นั้น ควรยังไม่เป็นการแก้ไขระเบียบอย่างถาวร แต่เป็นการออกประกาศเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ และสามารถประกาศยกเลิกเสียได้ หากเมื่อได้ประเมินผลดำเนินการหลังระยะเวลาทดลองแล้ว พบว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12766 | การรับรองร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. 2562 ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 | วธ | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ASEAN Leader’s Statement on the ASEAN Cultural Year 2019) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ที่ประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญในการแสดงความเห็นชอบการประกาศปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ และกิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน เคารพในความหลากหลายและเพิ่มพูนความรู้สึกถึงอัตลักษณ์ของอาเซียน รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียนในระดับนานาชาติ ในฐานะแรงผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยกำหนดนำเสนอวัฒนธรรมอาเซียนในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมให้ประเทศคู่เจรจา (dialogue partners) และภาคีภายนอก (external parties) เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมภายใต้ปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจนสนับสนุนการทำงานของศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ณ กรุงเทพมหานคร ให้ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือกับศูนย์อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในประเทศสมาชิกอาเซียน และเสริมสร้างความร่วมมือกับศูนย์วัฒนธรรมในประเทศคู่เจรจา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและประธานการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ผู้นำฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12767 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 21 | พม | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะผู้แทนประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนในการเยือนติมอร์-เลสเต เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง และร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีอาเซียนสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ซึ่งจะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่และวัตถุประสงค์ของคณะผู้แทนประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนในการเยือนติมอร์-เลสเต เพื่อประเมินความพร้อมของติมอร์-เลสเต ในการเป็นสมาชิกอาเซียนจากมุมของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนโดยการรับข้อมูลโดยตรงและการสังเกตการณ์ การกำหนดรูปแบบ และการดำเนินการของคณะผู้แทนฯ การกำหนดผลลัพธ์ของการเยือน และกลไกการรายงานของคณะผู้แทน ต่อคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทย และแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” โดยยืนยันถึงความพร้อมให้การสนับสนุนประเด็นสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนที่ประเทศไทยจะผลักดัน การสนับสนุนประเทศไทยในการจัดตั้งศูนย์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน การมุ่งหวังที่จะให้การรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน การยืนยันเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียมและมีส่วนร่วมในประชาคมอาเซียน และการรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนแม่บทประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12768 | ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์สมาคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อผู้สูงอายุที่มีศักยภาพและนวัตกรรม | สธ | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์สมาคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อผู้สูงอายุที่มีศักยภาพและนวัตกรรม ซึ่งจะมีการลงนามความตกลงฯ ในการประชุม Informal ASEAN Breakfast ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ โดยสาระสำคัญของความตกลงฯ เป็นการจัดตั้งศูนย์สมาคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีฐานะเป็นองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่จะสนับสนุนนโยบายผู้สูงอายุที่มีศักยภาพและการดำเนินการให้เกิดผล เสริมสร้างศักยภาพ และอำนวยความสะดวกในการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศ หรือหุ้นส่วนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุการมีผู้สูงอายุที่มีศักยภาพในอาเซียน โดยให้ศูนย์ฯ มีที่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักรไทย (ประเทศผู้ก่อตั้ง) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรคำนึงถึงองค์ประกอบในการจัดตั้งศูนย์ฯ อาทิ โครงสร้าง ภารกิจ พันธกิจ อัตรากำลัง คุณสมบัติของบุคลากรในการปฏิบัติงาน รวมถึงจำนวนเงินที่บริจาคเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ส่งผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไทยและประชากรอาเซียนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี ศูนย์ฯ ยังไม่สามารถดำเนินการในประเทศไทยได้จนกว่าจะได้มีการจัดทำความตกลงประเทศผู้จัดตั้งระหว่างประเทศไทย ในฐานะประเทศผู้จัดตั้งกับศูนย์ฯ และมีการตราพระราชกฤษฎีการองรับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของศูนย์ฯ แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12769 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก China Development Bank (CDB) และ Japan Bank for International Cooperation (JBIC) | นร63 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก China Development Bank (CDB) และ Japan Bank for International Cooperation (JBIC) และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฯ ในการประชุม Joint Workshop for Japan-China Cooperation in Third Countries ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเนื้อหาของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ประกอบด้วยกรอบความร่วมมือ ๓ ฝ่าย เพื่อผลักดันโครงการลงทุนของญี่ปุ่นและจีนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจะจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลงทุนต่าง ๆ ในพื้นที่ EEC และประสานงานกับหน่วยงานฝ่ายไทยที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ CDB และ JBIC จะเป็นผู้ชักจูงและให้การสนับสนุนด้านการเงินกับภาคเอกชนประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ต้องการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ EEC ตามลำดับ โดยจะให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เป็นอันดับแรก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12770 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุชาติ สินรัตน์) | พณ | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุชาติ สินรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12771 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายสุทธิ สุโกศล ฯลฯ) | รง | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและตำแหน่งที่จะว่างลง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายสุทธิ สุโกศล ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12772 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย (จำนวน 3 คน 1.พลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ฯลฯ) | กค | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย จำนวน ๓ คน แทนผู้ที่ลาออกและผู้ที่จะพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ กรรมการ แทน นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ๑.๒ นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ กรรมการ แทน พลตำรวจเอก รชต เย็นทรวง ๑.๓ นายรัชย์ อัตนวานิช กรรมการ แทน นายยุทธนา หยิมการุณ ๒. กรณีพลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ และ นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามลำดับ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12773 | กำหนดวันหยุดราชการประจำปี | นร05 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ ๓ มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นวันหยุดราชการประจำปี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12774 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ๑.๒ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ๑.๓ นายวิษณุ เครืองาม ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนดังกล่าว จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12775 | การดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (นายสรนิต ศิลธรรม) | นร | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของนายสรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เดิม) ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ ๒๕๖๒ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12776 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และเรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และเรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค) | นร04 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๖/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๗/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้ที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๘/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12777 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน และเรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร04 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๕/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๙/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12778 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านความมั่นคง ดังนี้ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ดูแลและควบคุมการรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าและส่งเสริมการบริโภคน้ำมันปาล์มในครัวเรือนเพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในสต็อก ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ (เรื่อง ขอความเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการปรับสมดุล้ำมันปาล์มในประเทศ) เพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสค้ากำไร กดราคา หรือบิดเบือนกลไกตลาดในการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร ทั้งนี้ โรงสกัดทุกแห่งจะต้องจัดทำและเก็บรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อผลปาล์มอย่างถูกต้องชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12779 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๓๕๑ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๘,๔๒๐ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๑๘ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๗๒ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน จำนวน ๖๙ หน่วยงาน รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ได้แก่ (๑) ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๒) ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วงยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผล หรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดทำรายงานครั้งถัดไป หากกระทรวงการคลังจะได้จัดทำบทวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เช่น มีประเด็นหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายด้านใดที่รัฐบาลพึงระมัดระวังในอนาคต ก็จะเป็นประโยชน์ตามเจตนารมณ์ที่กำหนดตามมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
12780 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย (นายคเณศ ประสาท ธกาล) | กต | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคเณศ ประสาท ธกาล (Mr. Ganesh Prasad Dhakal) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายชคนาถ อธิการี (Mr. Khaga Nath Adhikan) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....