ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 637 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12721 - 12740 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12721 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2562 และการจัดทำรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูง ในประเทศคู่ค้า (Notorious Markets) | พณ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) ประจำปี ๒๕๖๒ และการจัดทำรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้า (Notorious Markets) โดยเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) ได้จัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย โดยปรับสถานะจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) มาอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) และเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ USTR ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าฯ ประจำปี ๒๕๖๒ โดยประเทศไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชี WL สำหรับรายงาน Notorious Markets เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๑ USTR ได้ประกาศรายชื่อ Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๐ ไม่ปรากฏชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็น Notorious Markets แต่รายงาน Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๑ ได้มีการระบุช่อตลาดในประเทศไทย ๒ แห่ง เป็นการละเมิดในท้องตลาด ๑ แห่ง คือ ย่านพัฒน์พงษ์ และตลาดออนไลน์ ๑ แห่ง คือ www.shopee.co.th ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานพิจารณากลั่นกรองการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานด้วยความรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ๒.๓ ในส่วนของรายงาน Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๑ ที่ได้มีการระบุชื่อตลาดในประเทศไทย ๒ แห่ง คือ ย่านพัฒน์พงษ์ และ www.shopee.co.th ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในตลาดดังกล่าวต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ของหน่วยงานภาครัฐที่มีความรัดกุมและได้มาตรฐานเดียวกัน การผลักดันให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังและมีความต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ภาคเอกชนและประชาชน การแสดงออกถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว การจัดทำรายงาน Notorious Markets ควรมีการติดตามและสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและดำเนินการตรวจสอบตลาดและช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12722 | รายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2561 | กสทช | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ประจำปี ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานสำคัญของ กสทช. ในปี ๒๕๖๑ (๒) แผนการดำเนินงานและงบประมาณรายจ่าย ประจำปี ๒๕๖๒ (๓) งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี รายงานการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. (๔) ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบกิจการ (๕) คุณภาพและอัตราค่าบริการโทรคมนาคมประเภทต่าง ๆ (๖) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค ในกรณีกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (๗) ประสิทธิภาพของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และ (๘) รายงานสภาพตลาดและการแข่งขัน โดยในส่วนของรายงานการตรวจสอบภายในของ กสทช. คณะกรรมการตรวจสอบภายในมีความเห็นว่า สำนักงาน กสทช. ควรพิจารณาทบทวน พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาและบูรณาการระบบการบริหารที่เป็นอยู่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดยนำเอาระบบ Automation และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาเสริมสร้างความมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพขององค์กร ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12723 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ 22 | กต | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป [ASEAN-The European Union (EU) Ministerial Meeting : AEMM] ครั้งที่ ๒๒ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ และผลการหารือทวิภาคีในช่วงการประชุมฯ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการติดตามประเด็นความร่วมมืออาเซียน-EU เช่น การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์การนำเสนอแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทยและประเด็นที่ไทยต้องการผลักดันให้เป็นรูปธรรม การรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-EU และความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน-EU เป็นต้น สำหรับการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฮังการี บัลแกเรีย โปแลนด์ ลักเซมเบิร์ก และมอลตา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกรีซ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนของประเทศดังกล่าวมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ในการสนับสนุนบทบาทที่ชัดเจนมากขึ้นของอาเซียนที่จะดำเนินความพยายามร่วมกันผ่านศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติในรัฐยะไข่ เป็นต้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการประชุมฯ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการให้ประเทศสมาชิกอาเซียนควรพิจารณาท่าทีร่วมกันสำหรับการเจรจาหารือกับสหภาพยุโรปเรื่องข้อกีดกันทางการค้าผลผลิตทางการเกษตร โดยมุ่งสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ซึ่งปาล์มน้ำมันนับเป็นพืชเกษตรที่เป็นรายได้หลักและสร้างรายได้ให้กับอาเซียนหลายประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12724 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสามารถช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและขึ้นทะเบียนหนี้ในการชำระหนี้แทนสำหรับหนี้ที่มีบุคคลเป็นผู้ค้ำประกันได้ ซึ่งแต่เดิมช่วยเหลือชำระหนี้แทนเฉพาะหนี้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเท่านั้น รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งสำนักงานสาขา ตลอดจนแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขให้มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันต้องครอบคลุมความเสี่ยงของหนี้ในสัญญาที่ใช้บุคคลค้ำประกันด้วย การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งการจัดการหนี้เกษตรกรที่มีวัตถุประสงค์การกู้ยืมเพื่อเกษตรกรรม การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ให้ครอบคลุมถึงหนี้บุคคลค้ำประกัน การสนับสนุนเกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอ การเร่งปรับปรุงระบบด้านการบัญชี การเงิน และควบคุมกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานการเงิน รวมทั้งการพิจารณาดำเนินการจัดการหนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ของเกษตรกรเฉพาะกรณีที่เกิดผลกระทบและมีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12725 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | วธ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates : UAE) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการพัฒนาความรู้ของ UAE ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การปรับเปลี่ยนร่างความตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) โดยฝ่ายไทยได้แจ้งขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาร่าง MOU ฉบับใหม่ของฝ่ายไทยให้ UAE ทราบ ซึ่ง UAE ได้ตอบรับที่จะเดินทางมาลงนาม MOU ที่ไทยด้วยแล้ว (๒) การหารือถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนานาประเทศ โดยการนำมิติศิลปะและวัฒนธรรมมาใช้เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรี ตลอดจนการเผยแพร่และส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม และ (๓) การหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ การแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ และประสบการณ์การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงอาบูดาบี (The Louvre Abu Dhabi) เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไทย ประจำปี ๒๕๖๒ (Thai Festival 2019) ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี โดยมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยและการจัดนิทรรศการโดยใช้ผ้าไทยเป็นแนวคิดหลัก เพื่อสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตและความเป็นเลิศในศิลปวัฒนธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12726 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 | มท | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการ “คืนคลองสวยทั่วไทย สุขใจเที่ยวท้องถิ่น” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีคูคลองที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคลองต้นแบบระดับจังหวัด จำนวน ๑๐๔ แห่ง เช่น คลองบางกล่ำ จังหวัดสงขลา คลองแม่มอก จังหวัดสุโขทัย และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จังหวัดปทุมธานี เป็นต้น ๒. โครงการ “ห้องน้ำท้องถิ่นสะอาดและปลอดภัย” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พัฒนา/ปรับปรุงแล้ว จำนวน ๓๓,๒๗๖ แห่ง จากจำนวน ๔๐,๙๙๑ แห่ง เช่น ห้องน้ำศูนย์บริการร่วมแบบเบ็ดเสร็จเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ห้องน้ำสวนสาธารณะเกาะลำพู จังหวัดสุราษฎร์ธานี และห้องน้ำภายในสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวังโมกข์ จังหวัดพิจิตร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12727 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 วันที่ 30 กันยายน 2560 และวันที่ 30 กันยายน 2561(ขอส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559) | ปช | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12728 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 5 | กค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting AFMM) ครั้งที่ ๒๓ การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Finance Ministers’ Retreat) การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และการประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ ระหว่างวันที่ ๒-๕ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมดังกล่าว ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดความคืบหน้าของความร่วมมือทางการเงินของอาเซียน และส่งเสริมการรวมตัวของภาคการเงิน (Financial Integration) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) โดยในส่วนของกระทรวงการคลังประสบความสำเร็จนการผลักดันประเด็นที่ช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนและความร่วมมือด้านการเงินการคลัง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลสดในการแลกเปลี่ยนใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอาเซียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ATIGA e-Form D) ผ่านระบบ ASEAN Single Window (ASW) ได้ภายในปี ๒๕๖๒ การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน การส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อชำระสินค้าและบริการ และการส่งเสริมการเงินที่ยั่งยืน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12729 | รายงานประจำปี 2561 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | อื่นๆ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประจำปี ๒๕๖๑ และผลการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ ทั้งนี้ ให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เร่งรัดการดำเนินการจัดทำรายงานประจำปีในปีต่อ ๆ ไป เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์กำหนดไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12730 | การให้สัตยาบันต่อความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses: ACCAHZ) | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) ๒. ให้ยุติการเสนอความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) และร่างพระราชบัญญัติเพื่อกำหนดสถานะทางกฎหมายและคุ้มครองการดำเนินงานศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ๓. เห็นชอบการให้สัตยาบันต่อความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารความตกลงดังกล่าว และดำเนินการยื่นต่อเลขาธิการอาเซียนต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อรองรับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันให้แก่ศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน และแบบความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (Template of Host Country Agreement) สำหรับการจัดตั้งสำนักงาน ACCAHZ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ก่อนที่จะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนดานสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนในประเทศไทย ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การจ่ายค่าบำรุง ACCAHZ และการสนับสนุนในการเป็นประเทศเจ้าบ้าน ซึ่งจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ เข้าข่ายลักษณะของกิจกรรม มาตรการหรือโครงการ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี ๒๕๖๒ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ขอให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12731 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ 25 | พณ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานการประชุมฯ โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยผลักดันให้อาเซียนร่วมกันดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในปี ๒๕๖๒ (Priority Economic Deliverables) ประกอบด้วย ๓ ด้าน ๑๓ ประเด็น ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของอาเซียนสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ การส่งเสริมความเชื่อมโยง และการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รวมทั้งที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าอาเซียนจะต้องมีบทบาทเชิงรุกเรื่องการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) โดยเห็นชอบใน ๓ ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งระบบการค้าพหุภาคี ความจำเป็นในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ทางการค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน และความเร่งด่วนในการปรับปรุงกลไกระงับข้อพิพาทของ WTO นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการลงนามความตกลงอาเซียน ๒ ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) ที่จะนำมาใช้แทนกรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนฉบับปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ โดยครอบคลุมหลักการเรื่องต่าง ๆ เช่น การเสริมสร้างการจัดทำกฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเสริมสร้างความโปร่งใส การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในอาเซียน และการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างกัน เป็นต้น และพิธีสารฉบับที่ ๔ เพื่อแก้ไขความตกลงการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) เพื่อปรับปรุงความตกลงฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการห้ามรัฐกำหนดเงื่อนไขให้นักลงทุนปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12732 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจ่ายค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนเพื่อการจัดหาที่ดินสำหรับงานต่อเติมความยาวทางวิ่ง ท่าอากาศยานแม่สอด ของกรมท่าอากาศยาน | คค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๐๔,๕๑๔,๔๔๓.๗๔ บาท สำหรับจ่ายค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนเพื่อการจัดหาที่ดินสำหรับงานต่อเติมความยาวทางวิ่ง ท่าอากาศยานแม่สอด ของกรมท่าอากาศยาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12733 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2561 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต ซึ่งผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ เป็นปีที่ รฟม. มีโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อยู่ระหว่างการประกวดราคา และอยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ในช่วงเวลาของปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ที่เหลือประมาณ ๖ เดือน ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ รฟม. ดำเนินการ ดังนี้
๑. เร่งดำเนินการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วให้ได้ผู้รับจ้างและเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้โดยเร็ว รวมทั้งเร่งนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ (งานระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถ) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาด้วย ๒. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ให้ รฟม. เร่งดำเนินการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีสะพานพระนั่งเกล้ากับท่าเรือพระนั่งเกล้าให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมตามมาตรฐาน EMV (Europay, Mastercard และ Visa) ขอให้ดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ด้วย ๔. เร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองภูมิภาค ในพื้นที่ ๓ จังหวัด โดย ๔.๑ จังหวัดภูเก็ต ให้ รฟม. ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เป็นไปตามแผน ๔.๒ จังหวัดเชียงใหม่ ให้ รฟม. เร่งดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔.๓ จังหวัดนครราชสีมา ให้ รฟม. เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12734 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนเมษายน 2562 | นร11 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12735 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2561 | นร53 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (GDP SME) ปี ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๖,๕๕๑,๗๑๘ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๒.๔ ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ (GDP) และขยายตัวร้อยละ ๕.๑ โดยวิสาหกิจขนาดย่อม (SE) ขยายตัวร้อยละ ๕.๖ คิดเป็นร้อยละ ๓๐ ของ GDP SME สูงกว่าวิสาหกิจขนาดกลาง (ME) ที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๙ คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๔ ของ GDP SME ส่วนสถานการณ์ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ GDP SME มีมูลค่า ๗,๐๔๖,๔๔๘ ล้านบาท ขยายตัวได้ร้อยละ ๕.๒ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๓.๒ ของ GDP รวมทั้งประเทศ ๒. การค้าระหว่างประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๐ การส่งออกของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีมูลค่า ๑,๙๙๐,๔๑๙.๗๑ ล้านบาท โดยหดตัวจากปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๙.๑๔ ส่วนปี ๒๕๖๑ การส่งออกของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีมูลค่า ๒,๒๙๘,๑๘๑.๔ ล้านบาท หดตัวจากปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๐.๖๘ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๒๘.๔๐ ของการส่งออกรวมทั้งประเทศ ๓. การจ้างงานในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ จำนวน ๑๒,๑๕๕,๖๔๗ คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๘๒.๒๒ ของการจ้างงานทั้งประเทศ จำแนกตามการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลมีการจ้างงาน จำนวน ๗,๑๓๙,๓๔๗ คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๘.๗๓ และการจ้างงานส่วนบุคคลและอื่น ๆ จำนวน ๕,๐๑๖,๓๐๐ คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๑.๒๗ ของการจ้างงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งประเทศ ๔. การจัดตั้งและยกเลิกกิจการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในปี ๒๕๖๑ พบว่ามีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนิติบุคคลที่จัดตั้งกิจการใหม่ จำนวน ๗๒,๑๐๙ ราย ลดลงจากปีก่อน ๑,๗๒๑ ราย หดตัวร้อยละ ๒.๓๓ ในขณะที่นิติบุคคลที่ยกเลิกกิจการในปี ๒๕๖๑ มีจำนวน ๒๑,๗๗๕ ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๔๘๘ ราย ขยายตัวร้อยละ ๒.๒๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12736 | รายงานผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 (ไตรมาสที่ 2) | นร07 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. มอบหมายรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดหน่วยรับงบประมาณในความรับผิดชอบให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของหน่วยงานเป็นสำคัญ รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในโอกาสต่อไป หน่วยรับงบประมาณควรมีการเร่งรัดปรับปรุงแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงาน ๒. เห็นสมควรที่หน่วยรับงบประมาณรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณผ่านระบบฐานข้อมูล แผน/ผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ (BB EvMis) ตามระยะเวลาที่สำนักงบประมาณกำหนดอย่างเคร่งครัด เนื่องจากพบว่ามีบางหน่วยงานมีการรายงานล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ประมวลผลและนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๓. ด้วยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๗ การประเมินผลและการรายงาน หน่วยรับงบประมาณจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ซึ่งเดิมสำนักงบประมาณมีเครื่องมือในการติดตามและประเมินผล ได้แก่ ระบบการวิเคราะห์ระดับความสำเร็จของการดำเนินงานจากการใช้จ่ายงบประมาณ (Performance Assessment Rating Tool : PART) ที่เป็นเครื่องมือของหน่วยงานภาครัฐใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานด้วยตนเอง (Self Assessment) และสำนักงบประมาณจะต้องทำหน้าที่วิเคราะห์ผลการประเมิน (Assessor) ของหน่วยงานภาครัฐในแต่ละปีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระให้กับหน่วยรับงบประมาณ และดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังกล่าว สำนักงบประมาณจึงเห็นสมควรที่จะดำเนินการทบทวนเพื่อยกเลิกระบบการวิเคราะห์ระดับความสำเร็จของการดำเนินงานจากการใช้จ่ายงบประมาณ (PART) ตามขั้นตอนต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางเร่งรัดศึกษาปรับปรุง ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับหน่วยรับงบประมาณเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้อง บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12737 | ขอปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 | นร63 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับปรุงหลักการของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ ๓ ช่วงที่ ๑ โดยเปลี่ยนแปลงการชำระเงินร่วมลงทุนกับเอกชนสุทธิจากไม่เกิน ๕๑๖.๓๖ ล้านบาทต่อปี เป็นไม่เกิน ๗๒๐ ล้านบาทต่อปี ระยะเวลา ๓๐ ปี (เพิ่มขึ้นจากเดิม ๒๐๓.๖๔ ล้านบาทต่อปี หรือ ๖,๑๐๙.๒ ล้านบาท ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปี) และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนของโครงการฯ เร่งดำเนินการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนออีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ กนอ. ใช้กลไกการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอโดยคณะกรรมการคัดเลือกอย่างถึงที่สุด และในกรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกไม่สามารถดำเนินการเจรจาต่อรองให้บรรลุเป้าหมายได้ เห็นควรให้พิจารณาแนวทางเลือกอื่น ๆ ที่จะช่วยลดภาระค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ กนอ. ในภาพรวม อาทิ การระดมทุนจากการออกพันธบัตร เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ กนอ. ได้รับผลตอบแทนทางการเงินจากการดำเนินโครงการฯ ตามที่ประมาณการไว้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินของ กนอ. ในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ ก่อนเสนอผลการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอของโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้ กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควร (๑) ดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามนัยมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้การก่อหนี้ที่ผูกพันการใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือเงินอื่นของหน่วยงานของรัฐ ต้องพิจารณาภาระทางการเงินที่เกิดขึ้นและข้อผูกพันในการชำระเงินตามสัญญาและประโยชน์ที่รัฐจะได้รับด้วย อย่างเคร่งครัด (๒) พิจารณาปรับปรุงแผนการดำเนินงานโครงการฯ แผนทางการเงินให้สอดคล้องกับสถานะการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ กนอ. จะต้องรับภาระในการร่วมลงทุนกับเอกชนในงานส่วนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น และแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่การดำเนินงานด้านการเงินไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ และ (๓) เร่งรัด กำกับ และติดตามการดำเนินงานโครงการฯ ด้วยความรอบคอบ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และกรอบระยะเวลา ขั้นตอน ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12738 | ร่างแถลงการณ์ของการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการบริหาร OECD Development Centre ครั้งที่ 5 | กต | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ (Communique) ซึ่งจะเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับสูงของคณะกรรมการบริหาร Development Centre ครั้งที่ ๕ (5th High-Level Meeting of the Governing Board : HLM) ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และอนุมัติมอบหมายให้นายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12739 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นายธานี ทองภักดี และคณะ) | กต | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และเพื่อดำรงตำแหน่งซึ่ง ก.พ. กำหนดให้เป็นตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามลำดับ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายธานี ทองภักดี ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ๒. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ๔. นายพินเทพ เทวกุล ณ อยุธยา ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ (นักบริหารการทูตระดับสูง) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12740 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายสราวุธ ทรงศิวิไล) | คค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสราวุธ ทรงศิวิไล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่กำหนดขึ้นใหม่ ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ จัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....