ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 633 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12641 - 12660 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12641 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปี พ.ศ. 2561 | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๓๑ โครงการ จากทั้งหมด ๖๙ โครงการ และโครงการที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ แต่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จก่อนกำหนด จำนวน ๙ โครงการ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งแล้วเสร็จก่อนกำหนดถึง ๒ ปี รวมทั้งมีโครงการที่ดำเนินการได้เกินร้อยละ ๗๐ ของเป้าหมายถึง ๗ โครงการ อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการที่มีผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ได้แก่ โครงการในกลยุทธ์การลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะต้องมีการปรับแนวทางการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และโครงการการอบรมโปรแกรมบัญชีสถาบันการเงินชุมชนที่อาจจะต้องปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยหลังจากนี้กระทรวงการคลังจะประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการและใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำนโยบายในระยะต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12642 | รายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) ประจำปี 2561 | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐/๒๕๖๔) ประจำปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงกาคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ ณ สิ้นไตรมาสที่ ๔/๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) แผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ เช่น การพัฒนาระบบ (platform) เพื่อรองรับการซื้อขายสำหรับนักลงทุนประเภทพิเศษ การพัฒนาระบบการชำระเงินสำหรับตลาดทุน เป็นต้น (๒) แผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จตามตัวชี้วัดแต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการดำเนินการส่วนใหญ่อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย เช่น การจัดทำกลไกคะแนนบัตรเครดิต (credit scoring) ให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การแก้ไขหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการตั้ง Thailand Future Fund เป็นต้น (๓) แผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น การส่งเสริมการแข่งขันและการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยเทคโนโลยี การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อใช้วิเคราะห์การลงทุนในตลาดทุน เป็นต้น (๔) แผนงานที่ล่าช้ากว่ากำหนด เช่น การสนับสนุนให้ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน การปรับกติการองรับรูปแบบการทำธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีแทนคน เป็นต้น และ (๕) แผนงานที่ไม่เป็นไปตามแผน คือ การเปิดให้บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ออกหลักทรัพย์สามารถนำหลักทรัพย์มายื่นขอจดทะเบียนเพื่อทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ๒. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ ในระยะครึ่งแผน ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ เตรียมเก็บข้อมูลเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ ผ่านตัวชี้วัดผลการดำเนินการทั้งในระดับวิสัยทัศน์และระดับเป้าหมายหลัก ๔ ด้าน ในระยะครึ่งแผน (สิ้นปี ๒๕๖๒) เปรียบเทียบกับเป้าหมายในปี ๒๕๖๔ ซึ่งจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12643 | การดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุข | คค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมทางยกระดับอุตราภิมุข ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมทางหลวงและบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการเข้าร่วมดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุขแล้ว เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการทางหลวงสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอน ดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ได้ประชุมเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ รับทราบการดำเนินการของกรมทางหลวง และให้กรมทางหลวงติดตามการดำเนินการในเรื่องการชำระเงิน รวมทั้งเมื่อได้รับอนุมัติงบประมาณและเบิกจ่ายเงินชดเชยแล้ว ให้รายงานกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. กระทรวงคมนาคมได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในการคมนาคมบนทางยกระดับอุตราภิมุข เป็นเงินจำนวน ๑๔,๕๐๔,๐๐๐ บาท และกรมทางหลวงได้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยชำระให้กับบริษัท ทางยกระดับดอนเมืองฯ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๑๔,๕๐๓,๐๕๕ บาท เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12644 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 51 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561 - 28 กุมภาพันธ์ 2562) และครั้งที่ 52 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561 - 31 มีนาคม 2562) (ครั้งที่ 51) | นร04 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๕๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) และครั้งที่ ๕๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒) ประกอบด้วย (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การแก้ไขความเดือดร้อนในพื้นที่เรื่องที่ดินทำกิน สาธารณูปโภค สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน จำแนกสาระสำคัญเป็นด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12645 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม - เมษายน 2562 (มีนาคม 2562) | นร | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการประกันภัยข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการประกันภัยข้าวนาปี และการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต ๒๕๖๒ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ (เพิ่มเติม) ๒. ภัยแล้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒ ๓. โครงการระบบรถไฟชานเมือง เน้นการประชาสัมพันธ์ในการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง (ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา) และสายสีแดงเข้ม (ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) และโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงอ่อน (ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๔. ประเพณีสงกรานต์ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นแนวทางการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) ๕. การเลือกตั้ง เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ๖. ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12646 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ในปี 2561 และปี 2562 (ไตรมาส 1) | ศธ | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ในปี ๒๕๖๑ และปี ๒๕๖๒ (ไตรมาส ๑) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ คณะกรรมการฯ ได้ผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับกรอบคุณวุฒิการศึกษาและมาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติแล้ว ๒. การจัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิ คณะกรรมการฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนในสาขาอาชีพที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนาประเทศตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาความร่วมมือกับกลุ่มอุตสาหกรรมอันจะนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพ โดยคัดเลือกจากสาขาอาชีพที่เป็นความต้องการของตลาดแรงงานในการรองรับการก้าวเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๓. การเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน คณะกรรมการฯ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นประเทศนำร่องในโครงการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ระยะที่ ๔ (Referencing National Qualifications Frameworks to the ASEAN Qualification Reference Framework-Phrase IV) และดำเนินการเทียบเคียงตามเกณฑ์ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนกำหนดขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบกลางในการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12647 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (กรณีการกำหนดเขตพื้นที่ในการทำกิน การอยู่อาศัย และการดำเนินวิถีชีวิต ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ) | สม | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (กรณีการกำหนดเขตพื้นที่ในการทำกิน การอยู่อาศัย และการดำเนินวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12648 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ) | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการหรือประชาชนสามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกที่จะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก โดยกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ และได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของผู้เกี่ยวข้องกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างทั่วถึง เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อไป และควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจของผู้เกี่ยวข้องกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12649 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] | กค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (มาตรกาพี่ช่วยน้อง) ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมถึงจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลัง และงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ ๒๕๖๑ ต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานและผลสัมฤทธิ์ตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งบูรณาการการส่งเสริม SMEs ในด้านการประยุกต์ใช้เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการให้บริการ การพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการ การใช้ประโยชน์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของสินค้า และการส่งเสริมธุรกิจดิจิทัลและการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจและยกระดับ SMEs ไทยไปสู่ SMEs 4.0 นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12650 | ขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีต่อถ้อยแถลงรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยข้อริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 108 | รง | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบถ้อยแถลงรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยข้อริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Conference : ILC) สมัยที่ ๑๐๘ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างถ้อยแถลงฯ โดยร่างถ้อยแถลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนในการร่วมกันขับเคลื่อนแนวคิดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะบูรณาการการทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันและเน้นย้ำให้ภาคส่วนต่าง ๆ เห็นความสำคัญของงานที่มีคุณค่า ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งจะร่วมกันศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เพื่อให้เกิดการจ้างงานอย่างสร้างสรรค์ต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12651 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายฮิโรชิ มัตสึโมโตะ) | กต | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮิโรชิ มัตสึโมโตะ (Mr. Hiroshi Matsumoto) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา แพร่ และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายคาซูโนริ คาวาดะ (Mr. Kazunori Kawada) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12652 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) | คค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามร่างความตกลงฯ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น การกำหนดพื้นที่ตั้งของโครงการ สิทธิและกรรมสิทธิ์ในโครงการของแต่ละประเทศ การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง การรักษาความปลอดภัย และการจัดการจราจร เป็นต้น ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดเวลาที่จะลงนามในร่างความตกลงฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12653 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) | คค | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๖๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ งบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการฯ ให้กรมทางหลวงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ พร้อมทั้งเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กรมทางหลวงรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จทันภายในระยะเวลาบังคับใช้ของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔๔ สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่บึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างตามสัญญาและสามารถเปิดให้บริการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมระหว่างประเทศในอนุภูมิภาค ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12654 | ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง หน้าที่และอำนาจในการจัดการปัญหาสุนัขจรจัดของกรมปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเทศบาลตำบลเขาน้อย | นร09 | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) เรื่อง หน้าที่และอำนาจในการจัดการปัญหาสุนัขจรจัดของกรมปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเทศบาลตำบลเขาน้อย สรุปได้ว่า การที่ราชการส่วนภูมิภาคไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด และปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยจนเป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นตัวอย่างของปัญหาการจัดความสัมพันธ์ในการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจระหว่างราชการส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งโดยหลักการแล้ว แม้ว่าจะมีการกระจายหน้าที่และอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว แต่หากกฎหมายเฉพาะยังกำหนดให้ราชการส่วนภูมิภาคมีหน้าที่และอำนาจใด ๆ ราชการส่วนภูมิภาคก็ยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายเฉพาะกำหนดเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ในเรื่องนี้ไปพิจารณาเพื่อกำหนดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจระหว่างราชการส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12655 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท | 04/06/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ แปลงที่ ๑ “ที่จับสัตว์น้ำลาดขะโมยฯ” บางส่วน และแปลงที่ ๒ “ลาดชะโดสาธารณประโยชน์” ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้องค์การบริหารส่วนตำบลโคกโคเฒ่าและมหาวิทยาลัยสวนดุสิตซึ่งเป็นหน่วยงานที่จะใช้ประโยชน์ปฏิบัติตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12656 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมรายงานผลการตรวจสอบ (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561) | อส | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญ งบการเงินไม่ได้แสดงฐานะการเงินของสำนักงานอัยการสูงสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไขบัญชีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะมีการติดตามการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จต่อไป ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12657 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล 4 คณะ (ประจำเดือนมกราคม - มีนาคม 2562) | ดศ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ (ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น สำรวจและวิเคราะห์ความต้องการใช้ศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ของหน่วยงานภาครัฐ ๑๕๙ หน่วยงาน กำหนดแนวทางแก้ปัญหา โดยใช้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. .... เป็นกฎหมายกลางในการขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการ และจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) เป็นต้น ๒. ความก้าวหน้าผลการดำเนินการคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูล ๔ คณะ เช่น จัดตั้งศูนย์บูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศฐม.จชต.) เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ได้เชื่อมโยงเว็บไซต์ของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปต.) ส่วนหน้า และเว็บไซต์สืบค้นข้อมูลประชากรของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง และโครงการถ่ายภาพทางอากาศพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ดำเนินการถ่ายซ่อมในพื้นที่ที่คลาดเคลื่อนและภาพไม่สมบูรณ์ มีพื้นที่ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์อยู่ที่ร้อยละ ๘๑.๒๒ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12658 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน + 3 ครั้งที่ 22 | กค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ เมษายน-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐฟิจิ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ที่ประชุมรับทราบรายงานเศรษฐกิจจากผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งเห็นพ้องว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๒ ยังคงสามารถขยายตัวได้ แม้ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยที่ประชุมเห็นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ที่ขยายตัวมากขึ้นจะช่วยรองรับผลกระทบดังกล่าว จึงเห็นพ้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ เตรียมความพร้อมรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนต้องดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับความท้าทายระยะยาว เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในหลายประเทศ โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่เพียงพอ (Infrastructure Gaps) เป็นต้น ๒. ความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+๓ ๒.๑ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามภารกิจหลักของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+๓ (The ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) AMIRO ได้แก่ การเฝ้าระวังเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ การสนับสนุนการดำเนินการภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี และการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับประเทศสมาชิกอาเซียน+๓ ๒.๒ ที่ประขุมเห็นชอบร่างความตกลงสุดท้าย (Final Text) ของความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกลไก CMIM กรณีที่เป็นการให้ความช่วยเหลือร่วมกับ IMF เพื่อให้สอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และขอให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่อลงนามให้ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในปี ๒๕๖๒ และเห็นชอบเอกสาร “แนวทางการดำเนินการทั่วไปเกี่ยวกับการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM” (General Guidance on Local Currency Contribution to the CMIM) ที่ครอบคลุมหลักการของการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นใน CMIM เช่น ต้องเป็นไปตามหลักความสมัครใจ เป็นต้น ๒.๓ ที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานระยะกลางฉบับใหม่ของมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) สำหรับปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ซึ่งแบ่งการดำเนินการออกเป็น ๔ แนวทาง ได้แก่ (๑) การดำเนินการโดยต่อเนื่อง (Continue) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+๓ (๒) การดำเนินการเชิงลึก (Deepen) โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้สีเขียวและการพัฒนาการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๓) การดำเนินการเชิงขยาย (Expand) เพื่อขยายขอบเขต ABMI ให้ครอบคลุมประเด็นใหม่ ๆ ในตลาดการเงิน เช่น การพัฒนาระบบหลักประกันทางการเงินข้ามพรมแดน และเทคโนโลยีทางการเงิน เป็นต้น และ (๔) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ADB CGIF AMRO และสำนักเลขาธิการอาเซียน ๒.๔ ที่ประชุมเห็นชอบเอกสารวิสัยทัศน์ “Strategic Directions of ASEAN+3 Finance Process” ซึ่งครอบคลุมประเด็นยุทธศาสตร์หรือทิศทางการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและขั้นตอนการทำงานสำหรับการประชุม AFMGM+3 การดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเจริญเติบโตและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มบทบาทของเงินสกุลท้องถิ่น (Local Currency) ทั้งในด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาค การพิจารณาความเป็นไปได้ในการสมทบเงินสกุลท้องถิ่นในกลไก CMIM และการจัดการความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12659 | รายงานความคืบหน้าการลงทุนการก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการลงทุนการก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดหาอุปกรณ์เพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงไปชายแดนเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา และจัดหาอุปกรณ์เพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงไปยังสถานีเคเบิลใต้น้ำจังหวัดชลบุรี เพชรบุรี สงขลา สตูล และกับศูนย์โทรคมนาคมของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท โทรคมนาคม) ความจุรวม ๒,๓๐๐ Gbps โดย บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ลงนามในสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจนับอุปกรณ์ก่อนนำไปติดตั้ง ๑๕๑ สถานีทั่วประเทศ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนด (ผลการดำเนินการคิดเป็นร้อยละ ๖๘) ๒. การขยายความจุโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศของระบบที่มีอยู่ ๑,๗๗๐ Gbps โดย บมจ. กสท โทรคมนาคม ได้ขยายความจุและส่งมอบสิทธิการใช้งานแก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ (ผลการดำเนินการคิดเป็นร้อยละ ๙๘) ๓. การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เชื่อมต่อประเทศไทยกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความจุเบื้องต้นรวม ๒๐๐ Gbps คาดว่าจะมีการลงนามในเอกสารข้อตกลงระหว่างภาคีสมาชิกภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ และลงนามสัญญาจ้างภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และสามารถทดสอบระบบรวมถึงส่งมอบสิทธิการใช้งานให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมภายในปี ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12660 | รายงานผลการเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse (ITB) 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กก | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse (ITB) 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๖-๑๐ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดรูปแบบและกิจกรรมภายในคูหาประเทศไทยด้วย Theme : Amazing Thailand ในแนวคิด Open to the new shades of Thailand โดยเน้นสินค้าและบริการของแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทยที่มีศักยภาพและตรงกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป จำนวน ๑๐ จังหวัด (เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย น่าน ตราด จันทบุรี ชุมพร ระนอง ตรัง และนครศรีธรรมราช) โดยนำเสนอขายในแนวคิด Hub & Hook เชื่อมโยงเส้นทางเมืองหลักเดินทางต่อเนื่องไปยังเมืองรองดังกล่าว เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการเข้าร่วมงาน ITB 2019 ในภาพรวมผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยมีความพึงพอใจต่อความสำเร็จทางธุรกิจร้อยละ ๙๘.๑๐ และมีแนวโน้มในการทำสัญญาระหว่างผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยกับผู้เข้าร่วมงานเฉลี่ยร้อยละ ๕๕ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายยอดนิยมทางการท่องเที่ยวและการเข้าร่วมงานนี้ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
.....