ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 124359 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 81 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการคลัง) | กค. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีชุดเดิม
ของกระทรวงการคลัง จำนวน ๓ คณะ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๙ ๒. คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล ๓.
คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 82 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | กษ. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๖ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายภูผา ลิกค์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกษตรและสหกรณ์ ๓. นายธนสาร ธรรมสอน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
[รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ)] ๔. นายธัญญวัฒน์ พากเพียร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายนเรศ
ธำรงค์ทิพยคุณ)] ๕. นายนัจมุดดีน อูมา ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
[(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายอามินทร์ มะยูโต๊ะ)] ๖. นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
[รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ)]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 83 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดศ. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยมีองค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการคงเดิม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 84 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) | นร.04 | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๗ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 85 | ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้จัดทำคำชี้แจง ในคดีหมายเลขดำที่ 1896/2568 ระหว่าง นายธนพร ศรียากูล ผู้ฟ้องคดี กับคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ในคดีเกี่ยวกับการอนุมัติรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68 ประจำปีการศึกษา 2568 - 2569 ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศโดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร | นร.05 | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 86 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายยอดศักดิ์ รักษาแก้ว ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | สธ. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายยอดศักดิ์ รักษาแก้ว ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. ผศ.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๓. นางสาวจิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 87 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม และนางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์) | ดศ. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 88 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 89 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) | นร.14 | 07/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 90 | โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 | กค. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ปี ๒๕๖๘ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพ และจัดประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติมเป็นการชั่วคราวให้แก่ผู้มีบัตรฯ
ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓.๔ ล้านคน
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางสูงและได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๒,๗๘๐ ล้านบาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำหรับกองทุนฯ
สำหรับโครงการเพิ่มวงเงินฯ ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังมุ่งเน้นการกำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมถึงรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบ
เคร่งครัด และจัดให้มีระบบติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานปัญหา
อุปสรรคและแนวทางการแก้ไข การดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ได้ยกเลิกชั้นความลับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ กันยายน ๒๕๖๘)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 91 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น
จำนวน ๓๕,๙๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น โดยเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่ ธ.ก.ส.
แล้ว ให้สำนักงบประมาณอนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปยัง ธ.ก.ส.
โดยสอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามที่กำหนดในระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาทยอยชำระยอดลูกหนี้รอการชดเชยให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้ดำเนินโครงการหรือมาตรการของรัฐบาลต่าง
ๆ ไปแล้ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในระยะต่อไป ควรพิจารณาอนุมัติเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการคลัง
เพื่อให้ภาครัฐมีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอสำหรับการรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 92 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม | สผ. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม ๒๘๗,๓๓๙,๑๐๐ บาท ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
และให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๐๘๙๘ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘)
ที่เห็นว่าวงเงินที่อนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓)
และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 93 | ระบบผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) | นร 05 | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบระบบผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
(ปคร.) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 94 | การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 4 วรรคสอง (มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | นร.05 | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป จำนวน ๒๕ มติ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 95 | ขอขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร.51 | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ
อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง
อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น
อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และละอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง
อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี
อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒.
อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน
จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง
อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน
จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง
จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ ๓. เห็นชอบ ๓.๑
ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๓.๒
ร่างประกาศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๓.๓
ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๔
ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม
๔ ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 96 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2569 | กค. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและอนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ เมื่อวันที่
๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ ดังนี้ ๑.๑.๑
อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙ ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๑,๒๐๗,๓๐๖.๗๕ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม ๑,๘๗๖,๙๑๕.๑๔
ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงินรวม ๕๐๓,๐๕๖.๙๕ ล้านบาท ๑.๑.๒
อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ กยท. ขสมก. รฟท. และ บมจ. อสมท. ที่มีสัดส่วน
DSCR ต่ำกว่า ๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔
แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙ เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฯ ดังกล่าวด้วย ๑.๑.๓
รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง ๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๓) และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่
การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่ง พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฯ
มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๙ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากระทรวงการคลังควรพิจารณาความเหมาะสมสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณสัดส่วนหนี้สาธารณะ
และกำหนดแนวทางการบริหารการกู้เงินของรัฐเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการของแผนการบริหารหนี้สาธารณะเป็นไปตามนัยของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่ารัฐบาลควรมีการบริหารจัดการเครื่องมือในการระดมทุนให้หลากหลายและเหมาะสม
ภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่อาจมีความผันผวนสูงขึ้น
ควบคู่กับการสื่อสารกับตลาดอย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อตลาดการเงินและต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐและเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 97 | แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร.04 | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๓๐๙/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วิปรัฐบาล) โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 98 | เงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา | นร. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบภัยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐอย่างถูกต้อง
เหมาะสม เป็นธรรม และครบถ้วนตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์) รับไปสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เร่งพิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ
ให้เหมาะสม ชัดเจน
และครอบคลุมทุกมิติของความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยดังกล่าว
รวมถึงวงเงินช่วยเหลือที่ต้องใช้เพื่อการนี้ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปโดยด่วน ทั้งนี้
ขอให้รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 99 | มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘
กรกฎาคม ๒๕๖๘ เฉพาะในส่วนของข้อ ๑.๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
เพื่อขยายกรอบเวลาของการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด ๒๐ บาท ตลอดสาย
ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน)
และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้น
โดยให้มีผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นองค์ประกอบของคณะทำงานอย่างครบถ้วน
เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และประเมินความเหมาะสมและคุ้มค่าของการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด
๒๐ บาท ตลอดสาย และพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินมาตรการในระยะต่อไปให้เหมาะสม
มีความยั่งยืน
เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังเกินความจำเป็น
แล้วให้นำผลการพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลและความคุ้มค่าของการดำเนินมาตรการดังกล่าว
โดยเปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารและรายได้ที่เพิ่มขึ้น กับภาระค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐต้องชดเชยหรือสูญเสียรายได้
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินมาตรการ หรือนโยบายด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในอนาคต
รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงวิธีการเก็บค่าโดยสาร
และการใช้บัตรโดยสารร่วมสำหรับการเดินทางข้ามโครงข่าย
ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติตั๋วร่วม พ.ศ. ....
เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าของประชาชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 100 | พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2568 | ลต. | 30/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้อาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ กันยายน ๒๕๖๗ [เรื่อง
การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ
หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] โดยเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี
เขตเลือกตั้งที่ ๔ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป บัดนี้
ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี
เขตเลือกตั้งที่ ๔ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๒
ตอนที่ ๕๙ ก วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๘ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
