ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 6234 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 124674 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 161 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | รง. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่จะว่างลง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน ๒. นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ๓. นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 162 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ โดยมีสาระสำคัญ
ดังนี้ ๑. ผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ จำนวน ๒,๐๖๗.๙๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๙๒.๐๓ ซึ่งได้รับการจัดสรรงบฯ จำนวน ๒,๒๔๗.๐๑ ล้านบาท ๒. ผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดผลสำเร็จ
สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดใน ๒ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑)
ยุทธศาสตร์ชาติที่ ๑ ด้านความมั่นคง เช่น การจัดโครงการ/กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้
ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีผลสำเร็จคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ (เป้าหมาย ร้อยละ ๙๐) และ (๒) ยุทธศาสตร์ชาติที่ ๖
ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เช่น
โครงการตามแผนการปฏิบัติราชการประจำปีเป็นไปตามแผนที่กำหนด มีผลสำเร็จคิดเป็นร้อยละ
๙๗.๐๙ (เป้าหมาย ร้อยละ ๙๕) การสนับสนุนงานด้านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมีผลสำเร็จคิดเป็นร้อยละ
๑๐๐ (เป้าหมาย ร้อยละ ๙๕)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 163 | ร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดทำและพิจารณาร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ โดยกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... และร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าด้วยการรับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | นร.09 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา
ว่าด้วยการจัดทำและพิจารณาร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ
โดยกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... และร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา
ว่าด้วยการรับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ
ดังนี้ ๑. ร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดทำและพิจารณาร่างกฎหมาย
กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ โดยกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดทำและพิจารณาร่างกฎหมาย
กฎ ระเบียบ ข้อบังคับหรือประกาศ โดยกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการในการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ
เช่น กำหนดกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต้องตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับหรือประกาศออกเป็นกลุ่มกรณีต่าง ๆ (กลุ่มกรณีทั่วไป
กรณีที่เป็นเรื่องไม่ซับซ้อน และกรณีจำเป็นเร่งด่วน) ตามความซับซ้อนและระดับความเร่งด่วนของการดำเนินงาน
กำหนดขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดทำร่างกฎหมายฯ
และกำหนดแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการของกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดทำรายละเอียด
การวิเคราะห์ความจำเป็นในการมีกฎหมาย
การวิเคราะห์ผลการรับฟังความคิดเห็นและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา
พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ร่างระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา
ว่าด้วยการรับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการรับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายของกรรมการกฤษฎีกา
พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการในการที่หน่วยงานของรัฐจะขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหรือวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นจากการใช้บังคับกฎหมาย
เช่น กำหนดบุคคลที่กรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย (คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี
รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ)
กำหนดเงื่อนไขการไม่รับพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย
(เรื่องที่ผลการพิจารณาจะไม่สามารถแก้ไขผลที่เกิดขึ้นหรือไม่เกิดประโยชน์ที่จะพิจารณาหรือเรื่องที่เป็นเรื่องนโยบาย)
และการเชิญผู้แทนหน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงและให้ความคิดเห็นประกอบการพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 164 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ | พณ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 165 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 394/2568 | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่
๓๙๔/๒๕๖๘ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 166 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | คณะกรรมการ ป.ป.ช. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 167 | ข้อเสนอแนะ เรื่อง การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของเด็ก กรณีการไว้ทรงผมของนักเรียน | กสม. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะ เรื่อง
การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของเด็ก กรณีการไว้ทรงผมของนักเรียน
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 168 | ข้อเสนอแนะกรณีสิทธิพลเมืองของบุคคลที่ถูกเพิ่มชื่อและรายการในทะเบียนบ้านกลาง | กสม. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีสิทธิพลเมืองของบุคคลที่ถูกเพิ่มชื่อและรายการในทะเบียนบ้านกลาง
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงมหาดไทยสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 169 | (ร่าง) การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (NDC 3.0) ของประเทศไทย | ทส. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
| 170 | ร่างถ้อยแถลงริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว (Riyadh Declaration on the Future of Tourism) | กก. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว
(Riyadh Declaration on the Future of Tourism) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างถ้อยแถลงริยาดฯ
โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างถ้อยแถลงริยาดฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางรับมือกับ “อนาคตของการท่องเที่ยว”
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเกิดใหม่ ซึ่งมีทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อภาคการท่องเที่ยวโลก โดยมีแนวทางสำคัญ เช่น ๑) ขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยวางความยั่งยืนเป็นหัวใจของการพัฒนาการท่องเที่ยวและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๒) เสริมสร้างความยืดหยุ่นของภาคการท่องเที่ยว
โดยเตรียมพร้อมรับมือวิกฤติและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และ ๓) ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เคารพวัฒนธรรมและครอบคลุมทางสังคม
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงริยาดฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 171 | ขออนุมัติลงนามร่างสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการดำเนินการให้สนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีผลใช้บังคับ | ยธ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนามในสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
โดยมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้แก่ผู้ลงนาม และให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่ที่จะตกลงไว้สนธิสัญญาฯ
โดยหลังจากที่รัฐสมาชิกอาเซียนลงนามสนธิสัญญาฯ แล้ว
กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนว่า
ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายภายในเพื่อให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับแล้ว โดยสนธิสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับ ๓๐ วัน นับจากวันที่รัฐสมาชิกอาเซียนอย่างน้อย
๖ รัฐ ได้แจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนว่ามีผลใช้บังคับแล้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อ ๒๙
วรรค ๒ ของสนธิสัญญาฯ โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์
เนื้อหาสาระและหลักเกณฑ์ในการให้ความร่วมมือในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนคล้ายคลึงกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ไทยได้จัดทำกับประเทศต่าง
ๆ (เช่น ฮังการีและรัสเซีย) ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในบทบัญญัติ รวม ๒๙ ข้อ
เช่น ๑) พันธกรณีในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ๒) ความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ๓)
หลักเกณฑ์ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ๔) เหตุสำหรับปฏิเสธไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ๕)
เหตุสำหรับการใช้ดุลยพินิจปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 172 | ร่างปฏิญญาซามาราสำหรับการประชุมรัฐมนตรีกีฬากรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 1 | กก. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาซามาราสำหรับการประชุมรัฐมนตรีกีฬากรอบความร่วมมือเอเชีย
ครั้งที่ ๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ
โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในอันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างประเทศสมาชิก
เช่น (๑) ส่งเสริมการทูตผ่านกีฬา
โดยใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิก (๒)
การส่งเสริมโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่บูรณาการกับกีฬา และ (๓)
การสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมทางกีฬาที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้
โดยเฉพาะสำหรับคนพิการและกลุ่มเปราะบาง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 173 | การลงนามพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบ การกักกัน และความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 174 | การลงนามพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบ การกักกัน และสุขลักษณะเพื่อการส่งออกรังนกดิบเพื่อการบริโภคที่ไม่ผ่านการทำความสะอาด และรังนกเพื่อการบริโภคที่ผ่านการทำความสะอาดแล้ว จากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 175 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี ราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. .... | กค. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรืยญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๐๐ ปี ราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี
ราชบัณฑิตยสภา ในวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 176 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การพิจารณาพิพากษาคดีอาญาตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน) และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ศย. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน
และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมิให้ศาลแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานรับคดีที่มีข้อหาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ไว้พิจารณาพิพากษา
รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติ
มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 177 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ แผนงานบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 | นร.07 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีติอนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ แผนงานบูรณาการ
และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 178 | การแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี | นร. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัญหาการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือการหลอกลวงทางออนไลน์ (Scammer) ขบวนการฟอกเงิน
ขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และบ่อนการพนัน
ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘
กำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ”
รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้น
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นรองประธานกรรมการ
เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาและเร่งรัดขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกมิติ
ในการนี้ จึงขอกำชับให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานความมั่นคงต่าง
ๆ ให้ความร่วมมือในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว จริงจัง
และเต็มศักยภาพ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดในเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 179 | ข้อเสนอแนะกรณี กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 | กสม. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณี กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) ประกอบมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๒ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 180 | ผลสืบเนื่องจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ มาเลเซีย และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 ณ สาธารณรัฐเกาหลี | นร. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๗ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ ณ
มาเลเซีย และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๓๒
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม - ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ณ
สาธารณรัฐเกาหลี ได้มีโอกาสใช้เวทีการประชุมดังกล่าวนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจและแผนงานสำคัญของรัฐบาลไทยรวมทั้งหารือกับผู้นำประเทศในเรื่องต่าง
ๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การค้าและการลงทุนเพื่อฟื้นฟูบทบาทของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้คืบหน้าต่อไป
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อเร่งดำเนินการตามนโยบายสำคัญที่ได้เจรจากับประเทศต่าง ๆ ไว้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและแล้วเสร็จโดยเร็ว
เช่น การเจรจาเพื่อลดภาษีการค้ากับสหรัฐอเมริกา การเจรจาจัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) กับภูมิภาคต่าง
ๆ โดยเฉพาะเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รวมไปถึงการเร่งรัดการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Co-operation and
Development : OECD) ให้เร็วกว่าปี ๒๕๗๓ (ค.ศ.
๒๐๓๐) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยต่อประชาคมโลก
และจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
๒.
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกำกับและติดตามการปฏิบัติตามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยกับนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา
ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (Joint Declaration by
the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in
Kuala Lumpur, Malaysia) เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘
รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสารัตถะและพันธกรณีตามถ้อยแถลงดังกล่าวให้ชัดเจนและถูกต้องตรงกัน
เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนชาวไทย
รวมทั้งความเชื่อมั่นและการเสริมสร้างสันติภาพของคู่ภาคีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
