ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 124359 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 161 | กรอบแนวทางการดำเนินการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ สำหรับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้เกิดการรั่วไหล | กมช. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบแนวทางการดำเนินการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ
สำหรับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้เกิดการรั่วไหล ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบสำหรับหน่วยงานของรัฐ
หน่วยงานควบคุม หรือกำกับดูแลและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศเพื่อเป็นกรอบแนวทางฯ เช่น (๑) งดใช้ข้อมูลจริงในการพัฒนาระบบ
หรือลบออก ภายใน ๓ วัน หลังจากทดสอบแล้วเสร็จ (๒)
ตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของระบบอย่างสม่ำเสมอ (๓)
อบรมเรื่องการออกแบบและพัฒนาระบบให้ปลอดภัย และ (๔)
จัดให้มีกลไกเฝ้าระวังเพื่อแจ้งเตือนและตอบสนองต่อการโจมตี/ช่องโหว่ที่เกิดขึ้น
และอนุมัติให้ทุกหน่วยงานนำไปดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับระบบงานของหน่วยงานต่อไป ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้มีการกำหนดกลไกในการติดตาม
ตรวจสอบและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์และภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อันจะนำไปสู่ระบบดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัย
และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างแท้จริง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เห็นควรสร้างความรู้
ความเข้าใจในการกำหนดขอบเขตของงานพัฒนาระบบ ควรมีแนวทางที่ยืดหยุ่นในการกำหนดเกณฑ์ให้พัฒนาซอฟต์แวร์มีมาตรฐานที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย
ควรมีความชัดเจนว่าการจ้างพัฒนาจากภายนอกหรือหน่วยงานรัฐจำเป็นต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน
ISO/IEC 27001
หรือไม่ และควรระบุความชัดเจนของข้อความที่ครอบคลุมถึงวิธีการลบหรือทำลายข้อมูลที่ปลอดภัย
เป็นต้น
๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติจัดให้มีกิจกรรมหรือการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานของรัฐ
เช่น
การให้บริการตรวจค้นหาช่องโหว่หรือการทดสอบเจาะระบบแก่ระบบสารสนเทศก่อนนำไปใช้งานจริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายการเป็นหน่วยงานกลางในการจัดฝึกอบรมผู้พัฒนาระบบและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสนับสนุนการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้แก่ระบบสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด
เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลมิให้เกิดการรั่วไหล |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 162 | รายงานผลการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ประจำปี 2566 | นร.14 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 163 | การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | พม. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ
ประจำปี ๒๕๖๖ - ๒๕๖๗ และให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไป
เร่งรัดดำเนินการจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๘
และรายงานผลการจ้างงานคนพิการประจำปีต่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลังและกระทรวงวัฒนธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการ
เพื่อเป็นบัญชีร่วมสำหรับให้ส่วนราชการใช้บรรจุและแต่งตั้งคนพิการเข้ารับราชการ
โดยจัดทำบัญชีร่วมแยกตามประเภทความพิการ คุณวุฒิการศึกษา และความรู้ความสามารถ
ทักษะ และสมรรถนะที่เหมือนหรือใกล้เคียงกันให้ส่วนราชการสามารถดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีร่วมดังกล่าวได้ตามความเหมาะสม กระทรวงพลังงาน เห็นควรให้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐเพื่อจ้างเหมาบริการคนพิการโดยเฉพาะ
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถจ้างงานคนพิการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำข้อมูลการรายงานผลการจ้างงานคนพิการของหน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ถึงประเด็นปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดของการไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ
และเร่งกำหนดมาตรการหรือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจ้างงานคนพิการได้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 164 | รัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย (นางคาทารีนา วีเซอร์) | กต. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางคาทารีนา
วีเซอร์ (Mrs. Katharina Wieser) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายวิลเฮ็ล์ม มัคซีมีลีอาน ด็องโค (Mr.
Wilhelm Maximilian Donko) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 165 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2568 และครั้งที่ 4/2568 | นร.04 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ และครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) กรอบและแนวทางการทำรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๑ (๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ - ๑๒ กันยายน ๒๕๖๘) และ (๒)
ประเด็นการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วน ๑๐ ประเด็น เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
การส่งเสริมผู้ประกอบการไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยว
และนโยบายเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 166 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา (นายเอนริ ฟิลิป กอมเต เบลัสเกซ) และการขอปรับสถานะของสถานทำการทางกงสุล ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา | กต. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายเอนริ ฟิลิป กอมเต เบลัสเกซ (Mr. Henry Philip Comte Velasquez) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงกัวเตมาลาซิตี สาธารณรัฐกัวเตมาลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐกัวเตมาลา
สืบแทน นายหลุยส์ ที. ลีโอโนเวนส์ (Mr. Louis T. Leonowens) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงกัวเตมาลา
สาธารณรัฐกัวเตมาลา ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากชราภาพ
และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ถอดถอนจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 167 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำจังหวัดเชียงใหม่และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นางเยอันแน็ตเตอ กอร์เนลียา อาลีดา วูลิงงา) | กต. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายพีเทอร์
อัลเบิร์ต นิคอลัส ฟาน ลู (Mr. Peter Albert Nicolas van Loo) กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๕ เนื่องจากได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลส่วนตัว ๒. อนุมัติการแต่งตั้ง นางเยอันแน็ตเตอ กอร์เนลียา
อาลีดา วูลิงงา (Ms. Jeannette Kornelia Alida
Woelinga) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ณ
จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง
แพร่ พะเยา น่าน เชียงราย และอุตรดิตถ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 168 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามลำดับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๒ นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔.
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 169 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ฯลฯ จำนวน 10 ราย) | นร.04 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๑๐ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย) ๒. นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ๓. นายชื่นชอบ คงอุดม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ๔.นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร) ๕. นายฉัตริน จันทร์หอม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(รองนายกรัฐมนตรี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ๖. นายกฤช เอื้อวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร
สินธุไพร) ๗.นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๘. นายธเนศ กิตติธเนศวร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์
ศิรินิล) ๙. นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 170 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) | นร.09 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๓. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน
บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 171 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายจักรพงษ์ แสงมณี ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | นร.04 | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายจักรพงษ์ แสงมณี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. นายสมคิด เชื้อคง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๓. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๔. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
๕. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 172 | โครงการขยายเขตไฟฟ้าด้วยวิธีปักเสาพาดสายให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ ระยะที่ 3 (คฟม.3) | มท. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 173 | การเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐ ให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 และเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 | สคทช | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 174 | ขอความเห็นชอบยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 | มท. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 175 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 28 | ดศ. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบ (๑) เอกสารกรอบท่าทีประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์
สมัยที่ ๒๘ รวมถึงร่างคำประกาศต่อกรรมสาร และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย หรือผู้แทนไทยที่ได้รับมอบหมายใช้ดุลพินิจตามสถานการณ์
หรือตามความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป
และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย (๒) มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปรายลงมติ
และลงนามในกรรมสารของการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๘ และ (๓) มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน
(Credentials) โดยมอบอำนาจตามข้อ ๒
ให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายประมาณ โดยโอนงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาการร่วมเป็นสมาชิกในแผนงานต่าง
ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรรมสารของการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่
๒๘
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ไห้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 176 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้กับมาตรการยกเว้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครเพื่อส่งเสริมการใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละออง 2.5 (PM2.5) เพิ่มขึ้นสูง ตามนโยบายของรัฐบาล | คค. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๑๖.๗๘
ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการยกเว้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร เพื่อส่งเสริมการใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละออง ๒.๕ (PM2.5) เพิ่มขึ้นสูง ตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดย รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า การดำเนินการเรื่องนี้มีความจำเป็น
เร่งด่วน และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม
๒๕๖๘ [เรื่อง แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี
กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๐ (๔)] ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๙/๘๔๕๐ ลงวันที่ ๒๑
สิงหาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าวงเงินที่อนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี
ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 177 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการสกัดกั้นยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | ยธ. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการสกัดกั้นยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอำนาจอนุมัติโครงการ
แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ
งบเงินอุดหนุน รายการโครงการฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณฯ
ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินมาตรการด้านการป้องกันควบคู่กับมาตรการด้านการปราบปรามยาเสพติด
รวมถึงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศด้านยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพ
การจัดเก็บข้อมูลที่มีมาตรฐานและมีความต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานระหว่างประเทศ
เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลข่าวสารได้ถูกต้องครบถ้วน
และการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 178 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (1. พลเอก ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ฯลฯ จำนวน 6 คน) | กห. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
จำนวน ๖ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ด้านการทหาร ๒. พลเรือเอก สุพพัต ยุทธวงศ์ ด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรชัย สนิทใจ ด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ๔.นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ด้านกฎหมาย ๕. นายธัชพล กาญจนกูล ด้านการเงิน การคลัง การบัญชี หรือการงบประมาณ ๖. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ด้านการลงทุน การพาณิชย์ หรือการค้าระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 179 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์) | รง. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ได้ยกเลิกชั้นความลับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒ กันยายน ๒๕๖๘) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 180 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปณิธี ธัมมวิจยะ และนายสุชาติ เจนเกรียงไกร) (นายสุชาติ เจนเกรียงไกร) | สธ. | 02/09/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายปณิธี ธัมมวิจยะ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน)
กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
