ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 6234 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 124674 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 181 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของรัฐบาล
ตลอดจนประโยชน์ต่าง ๆ ที่ประชาชนจะได้รับอย่างถูกต้องและทั่วถึง
จึงขอมอบหมายให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานที่สำคัญของหน่วยงานให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง
ๆ ตามความเหมาะสมให้กระชับและชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโครงการหรือมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เช่น โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเที่ยวเมืองรอง (เที่ยวดี มีคืน) โครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์
ขอให้กระทรวงการคลังเร่งประขาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมให้ถูกต้องและชัดเจนเพื่อให้ประชาชนทราบและร่วมใช้สิทธิอย่างทั่วถึง
รวมทั้งให้ติดตาม เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
รวมถึงการทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ เช่น
กรณีโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่มีการรับแลกเงินโดยไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริง
การชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในราคาที่แตกต่างจากราคาจริง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 182 | การติดตามสถานการณ์พายุคัลแมกี (KALMAEGI) | นร. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุคัลแมกี (KALMAEGI) จนเกิดอุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ
ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนภัย ป้องกันภัย
และดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง
เท่าทันสถานการณ์ รวมทั้งให้จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา
และฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินการต่อไปได้ให้เร็วที่สุด ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์) รับไปกำกับ ติดตาม และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ประสานงานกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับอนุมัติไปแล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง ขอความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘ และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘)
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 183 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) วงเงิน 18,000 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | คค. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน
(กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๙ วงเงิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท
โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม
ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๙/๗๑๒๑ ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม
๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๒๔/๒๖๑๗
ลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยควรบริหารจัดการทางการเงินให้มีสภาพคล่องที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานและสำรองไว้เพื่อใช้จ่ายในสถานการณ์ฉุกเฉิน
และกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐
(แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการกำหนดหลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจ
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเร็ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการตามแผนฟื้นฟู
โดยเฉพาะการปรับแผนเดินรถเพื่อให้ตอบสนองความต้องการโดยสาร/ขนส่งสินค้าในปัจจุบัน
เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทางคู่ระยะที่ ๑ ที่เปิดให้บริการแล้ว และการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ค่าโดยสาร (รายได้จากการพัฒนาพื้นที่ผ่านบริษัท
เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 184 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง ระบบสุขภาพปฐมภูมิ) | สผผ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน
ตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
ระบบสุขภาพปฐมภูมิ) ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 185 | การจัดตั้งสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (องค์การมหาชน) [ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ....] | อว. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ซึ่งเป็นองค์การมหาชน
เพื่อทำหน้าที่จัดให้มีการบริหารจัดการและให้ทุนสำหรับการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม
การพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีขั้นสูงและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
รวมถึงการพัฒนากำลังคนทักษะสูง ผู้ประกอบการใหม่
และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับระบบวิจัยและนวัตกรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่
(องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่
นร ๐๗๑๘/๒๘๓ ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) สำนักงาน ก.พ. (หนังสือสำนักงาน ก.พ.
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๐๐๘.๓.๓/๑๗ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๑๔/๕๔๒
ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นว่าการให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานในสำนักงานฯ
เป็นการชั่วคราว นั้น ควรดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และควรพิจารณากำหนดกรอบระยะเวลาการมอบหมายงาน
และติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน
รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานให้มีความชัดเจนตลอดจนควรมีแผนการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน
เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรมีการติดตามประเมินผลการทำงานของสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่
(องค์การมหาชน) (รวพ.) อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการประเมินผลลัพธ์และผลกระทบของแผนงาน/โครงการที่ได้รับงบประมาณผ่านกลไก
รวพ. รวมถึงหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยอื่นโดยหน่วยงานภายนอก (Third Party) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพกลไกการทำงานของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมในระยะต่อไป ขณะเดียวกันบทบาทของ รวพ.
ควรเป็นองค์กรที่ทำงานในเชิงรุกและมุ่งเป้าอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสามารถกำหนดกรอบทิศทางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมได้อย่างสอดคล้องตามแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
รวมถึงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่และการยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม
และสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 186 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | อว. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ยกเลิก ศลช.)
และให้จัดตั้งสำนักงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (องค์การมหาชน)
ขึ้นทดแทนซึ่งมีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปจาก ศลช. เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของการพัฒนาวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของประเทศ
โดยให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน และเงินงบประมาณของ ศลช.
ไปเป็นของสำนักงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (องค์การมหาชน)
ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นและเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จให้ประกาศยุติการดำเนินงานของ ศลช. ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน
ก.พ.ร. ในคราวประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ
(องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม (หนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม
ลับ ด่วนที่สุด ที่ อก ๑๘๐๒/๕๐๐๒ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๘) สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๗๑๘/๓/๔๒ ลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๗) สำนักงาน ก.พ.
(หนังสือสำนักงาน ก.พ. ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๐๐๘.๓.๓/ล๑ ลงวันที่ ๖ ธันวาคม
๒๕๖๗) สำนักงาน ก.พ.ร. (หนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๒๐๐/๑๘๐
ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๘/๑๑๖๙๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(หนังสือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลับ ที่ ๒๒/๐๐๖๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม
๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรเร่งสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ
รวมถึงการต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศในระยะยาวต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรกำกับดูแลการดำเนินการในช่วงเปลี่ยนผ่านองค์กรให้เป็นไปตามที่กำหนดในบทเฉพาะกาล
รวมถึงการเตรียมความพร้อมของกลไกในทางปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 187 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงมหาดไทย มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเก็บ
ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๑๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๙ ให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นที่ไม่สามารถออกข้อกำหนดของท้องถิ่นบังคับใช้ได้ตามกฎกระทรวงดังกล่าว
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ) ที่เห็นว่าการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ
ทำให้การปรับอัตราค่าธรรมเนียมต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติซึ่งต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมาก
สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปกำหนดให้มีการบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติที่ตรวจแก้ให้มีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติทุกห้าปีตามอัตราเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อมิให้ต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอีกต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) รับความเห็นของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายภราดร ปริศนานันทกุล) ที่เห็นว่า
เดิมการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
ไม่ได้มีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยไว้
แต่กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๖๗ กำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
(ค่าเก็บและขนมูลฝอย มีขั้นต่ำ ๓๐ บาท ค่ากำจัดมูลฝอย มีขั้นต่ำ ๒๐ บาท)
ซึ่งจะทำให้ประชาชนจำต้องรับภาระในการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในระหว่างที่มีการขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๖๗ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๙ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นและเหมาะสมในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๖๗ อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยคำนึงถึงสถานะทางเศรษฐกิจของประชาชนแต่ละท้องถิ่น
ความสามารถในการจัดเก็บรายได้และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ของท้องถิ่นแต่ละแห่ง
เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมให้ต่ำลง
หรือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีดุลพินิจในการออกข้อบังคับท้องถิ่นเพื่อกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามความเหมาะสมกับท้องถิ่นของตน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรกำหนดมาตรการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งพัฒนาความพร้อมดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็ว
โดยสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามหลักวิชาการ
รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยอย่างถูกต้องให้แก่ประชาชน
และสร้างความตระหนักถึงต้นทุนที่แท้จริงในการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย
(Polluter Pays Principle :
PPP) ซึ่งเป็นการสร้างความรับผิดชอบของผู้ก่อมลพิษและก่อให้เกิดการจัดการมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 188 | มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่ประสบปัญหามีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภค | พศ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่ประสบปัญหามีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภค
ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ขอความร่วมมือให้การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่มีหนี้ค้างชำระ
โดยงดการระงับการให้บริการไว้ก่อนเป็นเวลา ๓
เดือน (๓ รอบการแจ้งค่าบริการ) นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน
๒๕๖๘) เป็นต้นไป ๒. ขอความร่วมมือให้การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคแจ้งรายละเอียดค่าบริการดังกล่าวของวัดที่ค้างชำระในรอบ
๓ เดือนย้อนหลัง (ใบแจ้งค่าบริการเดือนสุดท้ายต้องไม่เกินเดือนตุลาคม ๒๕๖๘)
ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรวบรวมและเสนอคณะกรรมการกองทุน
“วัดช่วยวัด” และกองทุน “ศาสนสมบัติกลาง” เป็นลำดับแรก
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หากไม่เพียงพอก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เท่าที่จำเป็นตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงินตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรณรงค์ให้วัดดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานภายในวัดเพื่อควบคุมการใช้พลังงานทั้งไฟฟ้าและน้ำให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งให้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภคของแต่ละวัดให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และชัดเจน เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหาตามข้อ ๒
รวมทั้งการแก้ไขปัญหานี้ในภาพรวมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 189 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 190 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2570 - 2574 (5 ปี) | กก. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก
รายการ โมโต จีพี ประจำปี ๒๕๗๐ - ๖๕๗๔ (๕ ปี) ทั้งนี้
เมื่อประเทศไทยได้รับพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
การกีฬาแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
ครบถ้วน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ควรขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนมาสมทบการดำเนินงาน เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมทางด้านกีฬาและเป็นการลดภาระงบประมาณ
รวมทั้งมีการประเมินผลการจัดการแข่งขันดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนและสนับสนุนค่าใช้จ่ายมากขึ้นทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุน
การสนับสนุนลิขสิทธิ์ และกิจกรรมทางการตลาด
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการแข่งขันและความมั่นคงทางการเงินการคลังของประเทศอย่างยั่งยืน
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้การจัดเก็บภาษีจากการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฯ
ดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 191 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2568 | นร.01 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 192 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธนัสถ์
ทวีเกื้อกูลกิจ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 193 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นายสงวนพงศ์ พินสุวรรณ) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสงวนพงศ์ พินสุวรรณ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 194 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นางสาวรัชดา ธนาดิเรก) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวรัชดา
ธนาดิเรก เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 195 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายพีรพร สุวรรณฉวี ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นายพีรพร สุวรรณฉวี และนายเสฏฐนันท์ ราฟาเอล เตชะวิบูลย์) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายพีรพร สุวรรณฉวี ๒. นายเสฏฐนันท์ ราฟาเอล เตชะวิบูลย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 196 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอับดุลลักษณ์ สะอิ) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายอับดุลลักษณ์
สะอิ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
(นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 197 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายสันติ ปิยะทัต) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 198 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายโสภณ ซารัมย์) ๒. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศุภมาส
อิศรภักดี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 199 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายพีรพร สุวรรณฉวี ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์) | นร.04 | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 200 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวพรหมภัสสร เกี่ยวข้อง) | มท. | 04/11/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวพรหมภัสสร เกี่ยวข้อง
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
[ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นางสาวศศิธร กิตติธรกุล)]
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
