ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 396 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7901 - 7920 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7901 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (1. นายประสาท สืบค้า ฯลฯ รวม 13 คน) | ศธ. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวม ๑๓ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประสาท สืบค้น ประธานกรรมการ ๒. นายศรัณย์ โปษยะจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสุพจน์ หาญหนองบัว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายสรนิต ศิลธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายพินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายไพฑูรย์ ขัมภรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายมนูญ สรรค์คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายชัยเรศน์ ฉลาดธัญญกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์
ภาคเหนือ ๑๑. นางสาวกล่อมจิต ดอนภิรมย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑๒. นายรณภณ เนตรสว่างวิชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคกลาง ๑๓. นางพัชรา พงศ์มานะวุฒิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7902 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | กต. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เสนอ ดังนี้ ๑. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอสิ ม้ามณี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมยุโรป ๓. นางนิธิวดี มานิตกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7903 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 9/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์
พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น
เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ได้รับการจัดสรรไปดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรก และหากจะพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังที่จะจ้างงานภายใต้โครงการฯ
ให้เป็นไปตามความจำเป็น เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณาความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการโดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ
และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7904 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เรื่อง การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2559-2561 และปี 2562-2564 และขอขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้ โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2559-2561 | อก. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7905 | การพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย | ศธ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ประจำเขตตรวจราชการ จำนวน ๖ แห่ง ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙) ภายในกรอบวงเงินจำนวน ๓,๒๗๕,๙๕๘,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จำนวน ๔๔๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท
เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
พิจารณาจัดลำดับความสำคัญตามขั้นตอนและกิจกรรมการดำเนินงาน
การเตรียมความพร้อมของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยแห่งใหม่
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีผลใช้บังคับ
และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายนอกเหนือจากแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
เห็นควรให้ สพฐ. ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในการปรับแผนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๒,๘๓๒,๕๕๘,๐๐๐ บาท ให้ สพฐ.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ประหยัด เหมาะสม
และสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ
และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น
ความสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูประบบการศึกษาในภาพรวม
การประเมินกรอบงบประมาณภายใต้การระบาดของโรคโควิด-๑๙
การเตรียมความพร้อมเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด
และประเด็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7906 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (นายโอภาส ทองยงค์) | กษ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายโอภาส ทองยงค์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7907 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ASEAN-China Joint Statement on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) | ทส. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(ASEAN-China Joint Statement
on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน (ASEAN
China Summit) ครั้งที่ ๒๔
ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวและความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการฟื้นฟูภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
และสนับสนุนความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7908 | การร่วมลงทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการร่วมลงทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตร
จำนวน ๒ ราย ได้แก่ บริษัท คิว บ็อคซ์ พอยท์ จำกัด และบริษัท อินฟิวส์ จำกัด
ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าวสามารถเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานราก ประกอบกับสามารถช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงเงินทุนและมีโอกาสเข้าถึงตลาดอีกด้วย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7909 | รายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายและยึดทรัพย์สินโดยไม่บันทึกลงในบัญชีของกลาง | สม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลรายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายและยึดทรัพย์สินโดยไม่บันทึกลงในบัญชีของกลาง
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง
และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องข้างต้น
รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7910 | การขอความเห็นชอบต่อร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน (Terms of Reference of ASEAN Outstanding Social Welfare and Development Awards : TOR of AOSWADA) | พม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน
(Terms of Reference of
ASEAN Outstanding Social Welfare and Development Awards : TOR
of AOSWADA) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้การรับรอง
(Endorse) ร่าง TOR of AOSWADA
ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการและการพัฒนาของประเทศไทย โดยร่าง TOR
of AOSWADA มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ของรางวัล
ด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน องค์กรที่มีสิทธิรับรางวัล เกณฑ์คุณสมบัติ และวิธีการมอบรางวัล ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7911 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ และเห็นชอบมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure : SSG) ภายใต้ความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
(ASEAN Free Trade : AFTA) สำหรับสินค้ามะพร้าว
ปี ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ และให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
เช่น ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและขั้นตอนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเกษตรขององค์การการค้าโลกและความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดท่าทีหรือคำชี้แจงที่เหมาะสมต่อประเด็นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อเป็นการป้องกันความเข้าในผิดและผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อไทยในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7912 | แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล | นร.09 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบแนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ กรณีการจัดตั้งคณะกรรมการ
ทั้งคณะกรรมการตามกฎหมายและคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร
ให้ดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง
การใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมาย โดยเคร่งครัด ๑.๒ กรณีการตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานของคณะกรรมการหากเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย
สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายเป็นผู้ประเมินทุกปี
ส่วนคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร สมควรมอบให้สำนักงาน ก.พ.ร.
จัดทำตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าว
โดยประเมินทุกรอบระยะเวลา
และหากไม่ผ่านการประเมินให้ยุบเลิกคณะกรรมการดังกล่าวเสีย ๑.๓
ไม่ควรกำหนดให้กรรมการที่จัดตั้งตามคำสั่งของฝ่ายบริหารนั้นทำงานปกติประจำ
การกำหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลการดำเนินการของคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร ควรกำหนดให้มีตัวชี้วัดที่มีลักษณะเป็นนวัตกรรม
(Innovation)
ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน (Sustainability) และตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
(Better Life) ด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐสำรวจจำนวน
ตรวจสอบความซ้ำซ้อน และพิจารณาความคงอยู่ของคณะกรรมการที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เหลืออยู่เพียงเท่าที่จำเป็นตามคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
เรื่อง การใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมาย
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ทั้งนี้
หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดที่ยังคงมีความจำเป็นที่จะยังคงต้องอยู่ต่อไป
ให้แจ้งเหตุผล ระบุภารกิจที่ชัดเจน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
และวันสิ้นสุดของคณะกรรมการในกรณีที่สามารถกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและภารกิจสิ้นสุดได้
โดยให้หน่วยงานของรัฐที่มีคณะกรรมการตามกฎหมายและอนุบัญญัติรับผิดชอบดำเนินการและรายงานต่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายและอนุบัญญัติ
แล้วแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7913 | ขออนุมัติการสนับสนุนการจัดโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี พ.ศ. 2565 - 2569 เป็นระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ | กก. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันในการสนับสนุนการจัดโครงการ
The
Michelin Guide Thailand ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ในวงเงิน ๔.๑๐
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ ๑๓๕.๓๐ ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปี ปีละ ๘๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒๗.๐๖ ล้านบาท
(อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓ บาท)
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของ ททท. และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) ควรพิจารณาจัดทำแนวทางการต่อยอดโครงการฯ สู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (๒)
ควรพิจารณาความเหมาะสมในการขยายขอบเขตพื้นที่การดำเนินโครงการฯ
ให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น (๓)
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลเชิงลึกและสามารถปรับปรุงเงื่อนไขโครงการได้ตามความจำเป็นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7914 | คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๔)
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้เข้ารับการกักตัวและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ณ สถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด และให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19
โดยวิธี RT-PCR จำนวน ๒ ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข เช่น กรณีที่มีเอกสารหรือหลักฐานว่าได้รับวัคซีน
ครบตามเกณฑ์ที่ผลิตวัคซีนกำหนดและได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้ารับการกักกันและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นระยะเวลาอย่างน้อย
๗ วัน เป็นต้น ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ลงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด
ตามตารางแบ่งมอบภารกิจและการกำกับดูแลแนบท้ายคำสั่งนี้ เช่น
กรมควบคุมโรคมีภารกิจในการกำหนดและกำกับดูแลการดำเนินงานตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
ในภาพรวมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เป็นต้น เพื่อให้การปฏิบัติงานตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยายสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7915 | การแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์) | พม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๕ ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7916 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ | นร.10 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
ดังนี้ ๑ นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๒ นายสมศักดิ์ เจตสุรกานต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7917 | ท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 1 | ทส. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๑ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่
๑๑-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบประชุมทางไกล และรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยไม่มีการลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลก
ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และร่างปฏิญญาคุนหมิง มีสาระสำคัญ เช่น สนับสนุนการดำเนินการกรอบความความหลากหลายทางชีวภาพของโลกหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ เพื่อฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
และสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๕๐
ส่งเสริมการบูรณาการคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพในการตัดสินใจเพื่อกำหนดนโยบาย
การวางแผน กฎระเบียบ และเสริมสร้างกลไกลประสานความร่วมมือการดำเนินงาน
การจัดทำและปรับปรุงแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ การระดมทรัพยากรการเงิน
การเสริมสร้างสมรรถนะและการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคุนหมิง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7918 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องหมายถาวรของเรือไทย พ.ศ. .... | คค. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องหมายถาวรของเรือไทย พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรูปแบบการทำเครื่องหมายถาวรสำหรับเรือไทย
โดยเฉพาะเรือไทยที่เดินทะเลระหว่างประเทศ และเรือที่เดินในประเทศ
รวมทั้งเรืออื่นให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended) และสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการกำหนดตัวอักษรและหมายเลขนั้น
เมื่อได้กำหนดให้เป็นไปตามอนุสัญญาแล้ว
จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนดอีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7919 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2564) | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๔) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ความคืบหน้ากิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๔
ได้แก่ แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และการขับเคลื่อนสู่การบรรลุผลตามเป้าหมายอันพึงประสงค์
ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม Big Rock จำนวน
๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่ควรปรับปรุงหรือจัดทำใหม่ จำนวน ๔๕ ฉบับ
โดยได้ดำเนินงานตามขั้นตอนและวิธีการของกิจกรรม Big Rock
สู่การปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม และสามารถดำเนินการขับเคลื่อนสู่การบรรลุผลตามเป้าหมาย
และการใช้งานระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
สำหรับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ
แผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock จำนวน ๖๒ กิจกรรม และรายการโครงการ/การดำเนินงานที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายย่อย
ประกอบด้วย หน่วยงานร่วมดำเนินการเป้าหมายย่อย และระยะเวลาที่แล้ว และปัจจัยแห่งความสำเร็จในการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock โดยการใช้แผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
ไปสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
และสามารถนำไปใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจกรรมฯ ให้บรรลุผลได้ตามที่กำหนดได้อย่างแท้จริง
และการพิจารณาช่องว่างที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม Big
Rock เช่น ด้านการเมือง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย
ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน ด้านสังคม ด้านการศึกษา เป็นต้น ๒. การดำเนินการระยะต่อไป สศช.
จะประสานและบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานร่วมดำเนินการของกิจกรรม Big Rock
เพื่อดำเนินการทบทวนและขับเคลื่อนกิจกรรมฯ รวมทั้งเร่งดำเนินการกำกับ ติดตาม ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับข้อมูลรายละเอียดการดำเนินโครงการ
จะประสานให้หน่วยงานรายงานความก้าวหน้าผ่านระบบ eMENSCR เพื่อให้มีข้อมูลที่เพียงพอในการกำกับ
ติดตาม การดำเนินการตามกิจกรรมฯ ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ และต่อเนื่องในทุกสิ้นไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7920 | ประกาศและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศและข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๒
ฉบับ ดังนี้ ๑.ประกาศ เรื่อง
ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย
เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยการยกเลิกอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย รวม ๓๑ ฉบับ
มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้โอนมาดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่
อำนาจ และความรับผิดชอบปกติ
และหากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่
ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบเป็นการด่วน ๒.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์ที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว
ได้แก่ การกำหนดพื้นที่จำแนกตามเขตพื้นที่จังหวัด
การปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
การขยายเวลาการบังคับใช้และการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เช่น การเปิดโรงเรียน สถาบันกวดวิชา ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๓๕ วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔
|