ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 392 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7821 - 7840 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7821 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... | สธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ในรูปแบบพิเศษสำหรับการเข้าถึงยา ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วยควรเป็นกรณีที่มีความจำเป็น และต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7822 | ให้เร่งรัดการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) | นร. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การนำข้อมูลต่าง ๆ จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และข้อมูลสำคัญของภาครัฐมาใช้ประโยชน์ในทางราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยหน่วยงานของรัฐสามารถบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และปลอดภัย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Services : GDCC) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7823 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 4 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 | มท. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๔
โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๔ รวม ๑๔ จังหวัด จำนวน ๑,๔๓๔ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๗๕๓,๗๘๒,๒๗๘ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุดที่ นร ๐๗๑๕/๑๘๗๗๑
ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการเพื่อให้โครงการแล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7824 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า | กช. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณทั้งสิ้น ๙๔๖,๓๑๐,๐๐๐ บาท สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ ๒. ให้สภากาชาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7825 | ขออนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2562 และขอขยายระยะเวลาโครงการ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๘๖๙,๙๓๑,๔๐๐ บาท
(เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทอุดหนุนทั่วไป) สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๒ และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ จากเดิมสิ้นสุดปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมการข้าวรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๔๖๓๗ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำกับ ติดตาม
การดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
เกิดความยั่งยืนและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และประเมินผลโครงการในทุกมิติ
ทั้งคุณภาพชีวิตเกษตรกร ราคาขาย รายได้
และต้นทุนการผลิตของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7826 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย ปี 2564 และบรรเทาปัญหาภัยแล้งปี 2564/2565 | นร.14 | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๘๕๑.๒๒๕๑ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย
ปี ๒๕๖๔ และบรรเทาปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ จำนวน ๓,๓๗๘ รายการ
โดยรายละเอียดของแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๘๑๐๒ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7827 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2565 | ทส. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์
คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้เกิดการพัฒนากลไก
เครื่องมือ กฎระเบียบ
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ๔ มาตรการ
ได้แก่ (๑) อนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและเป็นธรรม
(๒) บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
(๓) เสริมสร้างประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเน้นการมีส่วนร่วมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อสังเกต
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการภายใต้มาตรการบริหารจัดการของ
(ร่าง) นโยบายและแผนฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7828 | ขอขยายเวลาดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายเวลาดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
และอนุมัติปรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกมันสำปะหลังสะอาดและทนทานต่อโรคใบด่าง
ในอัตราลำละ ๒ บาท และสามารถเบิกจ่ายค่าขนส่งท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดเพิ่มเติมได้ในกรณีมีการขนส่งท่อนพันธุ์จากแหล่งแปลงพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดข้ามจังหวัด
โดยอัตราค่าขนส่งตามระยะทางเป็นไปตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้เบิกจ่ายภายในกรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกมันสำปะหลังสะอาดและทนทานต่อโรคใบด่าง
วงเงิน ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการจัดหาและการขนส่งท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดให้ถูกต้องครบถ้วนสำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณ
และควรปรับรูปแบบและแนวทางการสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรในการเข้าร่วมโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7829 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย | นร.11 สศช | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
เพื่อเป็นการดึงดูดผู้พำนักระยะยาว ๔ กลุ่มเป้าหมายจำนวน ๑ ล้านคน เข้าสู่ประเทศไทย
ได้แก่ กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทยและกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการดำเนินการเรื่องต่าง
ๆ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน
โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยให้ละเอียด รอบคอบ
รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการแก้ไข
และให้กำหนดเป้าหมายเพื่อใช้ในการประเมินผลการดำเนินมาตรการฯ ให้ชัดเจน
โดยให้นำความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ มาประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมเรื่องทั้งหมดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วนก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการยกระดับการดำเนินงาน
และสร้างระบบนิเวศและภาพลักษณ์ที่ดีในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศไทยในภาพรวม
เช่น การจัดทำระบบประเมินคุณสมบัติของผู้ขอวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว ผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว
โดยครอบคลุมถึงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) การยกระดับกระบวนงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ ให้เป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จ (End-to-End Service
Process) รวมทั้งเร่งศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการสั่งสมอำนาจแบบอ่อน
(Soft Power) ของประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมบันเทิงรูปแบบใหม่
อุตสาหกรรมกีฬา และอุตสาหกรรมการศึกษา เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น
แข็งแกร่งจากภายใน และลดการพึ่งพาจากต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7830 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (การปรับตัวและการเข้าถึงดิจิทัล) | ดศ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(การปรับตัวและการเข้าถึงดิจิทัล) เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้ในการติด
ตาม ประเมินผล และการวางแผนกำหนดนโยบาย/มาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และสร้างความรู้เข้าใจกับประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) รวมทั้งส่งเสริม/สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์
และการรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์
แผนการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เช่น ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญในการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่กับคนในบ้านเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
ควรมีมาตรการที่สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน ควรส่งเสริมสนับสนุน
และขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนทำงานที่บ้าน (Work From Home) ควรจัดการเรียนการสอนออนไลน์ให้กับนักเรียน/นักศึกษา
ในช่วงการแพร่ระบาด
ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับการแจ้งเรื่องร้องเรียน
ร้องทุกข์ของประชาชน หรือสายด่วนแจ้งเหตุด่วนหรือร้องทุกข์ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ. เช่น
ควรปรับรูปแบบและอัตราการช่วยเหลือตามความเหมาะสมกับงบประมาณ
ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
และควรเร่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลหรือระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานสำหรับการทำงานที่บ้าน
ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์
มีแหล่งอ้างอิงที่มาที่ชัดเจน ตรวจสอบได้
และควรมีมาตรการในการตรวจสอบข่าวปลอมอย่างรวดเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7831 | แนวทางการประเมินผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ | นร.10 | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย
(Smart Entry) ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ
(๒) การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7832 | ขอทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2530 (เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 2/2530) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531(เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 1/2531) | อก. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
โดยขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการพัฒนาและศักยภาพของพื้นที่
รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนให้เป็นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน
และคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการดึงดูดการลงทุนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณากำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้มีความเหมาะสม
โดยคำนึงถึงการดึงดูดผู้ประกอบการชาวต่างชาติให้มาลงทุนตามนโยบายการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดอย่างเคร่งครัด
หากมีกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีได้
ให้นำเรื่องเสนอขอทบทวนหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7833 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 3 โครงการ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๓ โครงการ
ประกอบด้วย (๑) โครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากเดิม ๗ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๑) เป็น ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๕)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๗๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒)
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ จากเดิม ๑๑
ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๔) เป็น ๑๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๔,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓)
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๔) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๙๘๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนและพิจารณาการเตรียมความพร้อมในการจัดหาที่ดินก่อนดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
กรณีโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาใช้สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้รับจ้างรายเดิมในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7834 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | นร.04 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายธีระพงษ์
วงศ์ศิวะวิลาส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง)
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7835 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์) | นร.04 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางณัฐฏ์จารี
อนันตศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7836 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกฤษฎา อักษรวงศ์) | นร.06 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกฤษฎา
อักษรวงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ
(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7837 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายณรงค์ สืบตระกูล) | มท. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณรงค์ สืบตระกูล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมที่ดิน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7838 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำเเหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอนุกูล ปีดแก้ว) | พม. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายอนุกุล ปีดแก้ว ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ๒. นายธนสุนทร สว่างสาลี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางจตุพร
โรจนพานิช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7839 | รัฐบาลสาธารณรัฐแองโกลาเสนอขอเปลี่ยนแปลงให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแองโกลาประจำสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแองโกลาประจำสาธารณรัฐอินเดีย | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแองโกลาประจำสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแองโกลาประจำสาธารณรัฐอินเดีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7840 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายเธียรชัย ณ นคร) | นร.01 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเธียรชัย ณ นคร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการแทนตำแหน่งที่ว่างลง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ กันยายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|