ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 392 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7821 - 7840 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7821 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยุทธศาสตร์และข้อเสนอแนวทางในการจัดทำหลักสูตรอาชีวศึกษาฐานสมรรถนะ เพื่อรองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ยุทธศาสตร์และข้อเสนอแนวทางในการจัดทำหลักสูตรอาชีวศึกษาฐานสมรรถนะ
เพื่อรองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้
ดังนี้ (๑) โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ควรสรุปความต้องการกำลังคนให้ชัดเจน
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคน
(๒) การกระจายอำนาจให้สถาบันอาชีวศึกษาในการพัฒนาหลักสูตร
มีการประเมินความพร้อมของสถานศึกษา อาชีวศึกษา ในการจัดการเรียนการสอน
มีแผนในการพัฒนาครูในการจัดการเรียนการสอน เปิดโอกาสให้สถาบันการอาชีวศึกษาและสถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรใหม่หรือปรับปรุงหลักสูตรเดิมได้
ตลอดจนกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษา (๓) การมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรของกลุ่มอาชีพ
ภาคประกอบการและสถานประกอบการ
ได้ทำความร่วมมือและบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดการศึกษา
ในหลักสูตรที่เป็นความต้องการของสถานประกอบการ และ (๔)
การจัดเตรียมกำลังคนเพื่อรองรับการลงทุนในโครงการฯ ในอนาคต
ซึ่งได้จัดการเรียนการสอนในระบบทั้งหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และหลักสูตรระยะสั้นฐานสมรรถนะ ซึ่งมีนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ
เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะและสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพได้หลังสำเร็จการศึกษา
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไปใน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7822 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. .... | ดศ. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ทราบก่อนการประกอบธุรกิจ
เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์
เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งเพื่อป้องกันความเสียหายแก่สาธารณชนหรือประชาชนที่ใช้บริการ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔
และประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น
ควรกำหนดการรองรับการให้บริการที่หลากหลายที่รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ
กำหนดให้ผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านสุขภาพ
ต้องขึ้นทะเบียนต่อหน่วยงานที่มีฐานอำนาจในการกำกับดูแลบริการด้านสุขภาพก่อนให้บริการ
รวมทั้ง
ถ้อยคำในร่างบทบัญญัติดังกล่าวอาจมีความไม่ชัดเจนว่าผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่
ควรให้มีการปรับปรุงร่างบทบัญญัติดังกล่าวให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ยิ่งขึ้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7823 | การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ภาคผนวก 5 ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ (MARPOL Annex V) | คค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7824 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย
โดยเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการทิ้งขยะในทะเล
กำหนดมาตรการในการควบคุมการทิ้งขยะจากเรือและแท่นให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล
และให้เป็นไปตามพันธกรณีแห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ
ค.ศ. ๑๙๗๓ ภาคผนวก ๕ ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ (MARPOL Annex V Regulations for the Prevention of
Pollution by Garbage from Ships) อันเป็นการป้องกันมิให้เกิดมลพิษและคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7825 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล) | ยธ. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาสเพติด ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7826 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางโสภา เกียรตินิรชา ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | รง. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นางโสภา เกียรตินิรชา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางบุปผา พันธุ์เพ็ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางดรุณี นิธิทวีกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอรเทพ อินทรสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7827 | วันหยุดราชการชดเชยและวันหยุดราชการประจำภาคกลางในเดือนตุลาคม 2564 | นร. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)
ชี้แจงว่า ในช่วงวันที่ ๒๑-๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ จะเป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกันรวม ๔ วัน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ และการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๔
ที่เห็นชอบให้วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคกลาง
(เทศกาลออกพรรษา) รวมทั้งให้เลื่อนวันหยุดชดเชยเนื่องในวันปิยมหาราชจากวันจันทร์ที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ มาเป็นวันศุกร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำภูมิภาคกลาง นั้น หมายถึง กรุงเทพมหานครและจังหวัดในภาคกลางรวม
๑๗ จังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
เรื่องการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
(ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ สำหรับวันจันทร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๔
เป็นวันเปิดทำการปกติ เพราะได้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราชไปเป็นวันศุกร์ที่ ๒๒
ตุลาคม ๒๕๖๔ แล้ว ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้เป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรีตามที่เลื่อนมาจากวันอังคารที่
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ ด้วย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ชี้แจง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7828 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย | วธ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Understanding on Film Cooperation between the China Film Administration of the People’s Republic of China And the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระหว่างจีนและไทย
เช่น (๑) ผู้เข้าร่วมแต่ละฝ่ายจะเป็นเจ้าภาพจัดนิทรรศการภาพยนตร์หนึ่งครั้ง
สำหรับผู้เข้าร่วมอีกฝ่าย
และส่งคณะผู้แทนภาพยนตร์ไปร่วมกิจกรรมตามหลักการต่างตอบแทนในช่วงระยะเวลาที่มีผลของบันทึกความเข้าใจ
(๒) ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนการร่วมผลิตภาพยนตร์ในประเด็นความสนใจร่วมกัน
สถานที่ถ่ายทำ และการผลิตในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย (๓)
ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนให้ช่องโทรทัศน์/ภาพยนตร์ของทั้งสองประเทศนำเข้าและออกอากาศภาพยนตร์ของกันและกัน
(๔) ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนให้การจัดทำข้อตกลงในการร่วมผลิตภาพยนตร์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เป็นต้น
พิจารณากำหนดแนวทางในการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการผลิตภาพยนตร์ไปยังภาคเอกชนของทั้ง
๒ ประเทศให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงในรูปแบบออนไลน์หรือดิจิทัล
และการส่งเสริมการตลาดของไทยให้มีความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการผลิต การส่งออกผลิตภัณฑ์
และการให้บริการด้านบันเทิงในรูปแบบออนไลน์หรือดิจิทัลของไทยให้แพร่หลายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7829 | การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม
๒๕๕๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
พิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐
พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์กรณีส่วนราชการผู้เช่าพื้นที่มีจำนวนลดลง
เช่น การปรับปรุงสถานที่เพื่อใช้ประโยชน์อื่น ๆ
ทดแทนการเช่าพื้นที่ของส่วนราชการ
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ที่เห็นควรมอบหมายให้กรมธนารักษ์เร่งหาหน่วยงานอื่นที่มีความต้องการใช้พื้นที่มาทดแทนหน่วยงานที่ขอยกเลิกการใช้และดำเนินการจัดสรรพื้นที่ศูนย์ราชการฯ
เพื่อให้การใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
และคุ้มค่าต่อการลงทุนของภาครัฐต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
รวมทั้งให้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขออนุมัติยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร
ถนนแจ้งวัฒนะ
และกระทรวงการคลังขอพระราชทานชื่อศูนย์ราชการที่ตั้งอยู่ในที่ราชพัสดุถนนแจ้งวัฒนะ
กรุงเทพมหานคร) ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7830 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. 2030 ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย (ค.ศ. 2021-2030) | คค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม :
มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
(ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของปฏิญญากรุงเทพด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืนและเข้าถึงในภูมิภาคเอเชีย
โดยครอบคลุมการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างภาคการขนส่งกับภาคเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มมากขึ้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ โดยให้ปรับถ้อยคำบางประการในส่วนของความเป็นหนังสือสัญญา
เห็นว่าร่างปฏิญญาฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
(ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7831 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 11/2564 | นร.11 สศช | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด
ฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน ๘,๑๒๒.๓๗๖๔ ล้านบาท
โครงการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
กรอบวงเงินจำนวน ๑,๓๘๓.๘๘๑๔ ล้านบาท
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน
๔๒,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท และโครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
กรอบวงเงินจำนวน ๓,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
และโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs กรอบวงเงินจำนวน ๓๗,๕๒๑.๖๙๐๐ ล้านบาท
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7832 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 5 ฉบับ | นร.05 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7833 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 16/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๓) แผนการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ๔) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่
๕) ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศ และ ๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7834 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level Conference on COVID-19 | คค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level
Conference on COVID-19 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level
Conference on COVID-19 โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์ในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกเพื่อฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการบิน
รวมถึงพัฒนาความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์และความยั่งยืนของภาคการบินภายหลังการแพร่ระบาดของโรค
COVID-19
ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างรัฐสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ ICAO และองค์การอนามัยโลก
(World Health Organization : WHO) ในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม
การบินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญา Ministerial
Declaration of the High-level Conference on COVID-19
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7835 | แนวคิดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ | ยธ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะของความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
และผู้ประกอบการภาคเอกชนในการดำเนินการจัดตั้งนิคมฯ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม
(กรมราชทัณฑ์) จะดำเนินการพัฒนาและยกระดับฝีมือแรงงานของนักโทษที่ได้รับการพักการลงโทษและพ้นโทษแล้วให้เข้าทำงานในนิคมฯ
โดยความสมัครใจ และจัดให้มีมาตรการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน
เช่น จัดให้มีเขตปลอดอากร จัดให้มีสถานีรถไฟ/ท่าเรือเพื่อขนส่งหรือขนถ่ายสินค้า
การยกเว้นภาษีส่วนบุคคลให้แก่แรงงานเป็นเวลา ๓ ปี
และการเข้าถึงสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับแนวทางการจัดตั้งนิคมฯ และแนวทางการสนับสนุนของ กนอ. นั้น ให้ กนอ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็น เหมาะสม โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรให้มีการพิจารณาหลักสูตรการฝึกวิชาชีพให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเน้นการสร้างจุดเด่นในการฝึกอาชีพเฉพาะด้านในแต่ละเรือนจำและทัณฑสถาน
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7836 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) ดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (๒)
ดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (๓) ให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจการจัดบริการสาธารณะ ลดความเหลื่อมล้ำ
รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ (๔)
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน (๕)
ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นการกำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดไว้ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7837 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2564 | นร.10 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
โดยมีข้อสั่งการสำคัญ ๕ ประเด็น เช่น
ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนและปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน
เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน และให้ปรับรูปแบบการทำงานเพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่
โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน
และให้กระทรวงมหาดไทยพัฒนาการเรียนรู้ของข้าราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการต่าง
ๆ เพื่อถ่ายทอดข้อมูล
สร้างการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อการขับเคลื่อนงานของส่วนราชการ เป็นต้น
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7838 | ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 3 | กต. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๓ ซึ่งจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ
ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันต่อเนื่องของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือของ
Mekong-Rok ในสาขาความร่วมมือทั้ง
๗ สาขา ย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการสนับสนุนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค
ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน สนับสนุนการสอดประสานระหว่าง Mekong-Rok กับอาเซียน และกรอบความร่วมมืออื่นๆ
ในภูมิภาคและอนุภูมิภาค เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๓ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7839 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2564 เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน | สกพอ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมกันดำเนินงานโดยเร็ว เพื่อให้บริการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในฐานะหน่วยงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำกับดูแลและติดตามโครงการฯ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนที่มีความจำเป็นต้องมีการแก้ไขสัญญา ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ในกรณีที่คู่สัญญาเอกชนไม่สามารถปฏิบัติเงื่อนไขของสัญญาได้ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะหน่วยงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7840 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยการยกระดับการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Leaders' Statement on Advancing Digital Transformation in ASEAN) | ดศ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|