ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 395 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7881 - 7900 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7881 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 (เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี) | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง
การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี)
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
เปลี่ยนสถานที่ตั้งสถานทำการทางกงสุลจากเดิม จังหวัดเพชรบุรี เป็น
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และจังหวัดเพชรบุรี ๒.
เปลี่ยนชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจากเดิม
สถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี เป็น
สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี
เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อให้สอดคล้องกับที่ตั้งใหม่ของสถานทำการทางกงสุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7882 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร.09 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ของสำนักงาน ก.พ.ร. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การบริหารงานและการปฏิบัติภารกิจของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๑๐ (๓) ให้มีความชัดเจน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในการกู้เงินของหน่วยงานภาครัฐปัจจุบันจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพี่อเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ในการกู้ยืมเงินขององค์การมหาชนตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ นั้น สามารถดำเนินการดังกล่าวได้เอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7883 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการป้องกันการปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะเป็นการทรมานบุคคล | สม. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการป้องกันการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะเป็นการทรมานบุคคล
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7884 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ของความสัมพันธ์ | กต. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ ๓๐ ปี ของความสัมพันธ์ และพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) ได้เข้าร่วมประชุมฯ เมื่อวันที่ ๗-๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ
นครฉงซิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีจากต่างประเทศต่าง ๆ
โดยที่ประชุมฯ ได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ
และหารือในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การยกระดับสถานะความสัมพันธ์อาเซียน-จีนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน
การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
และการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ รวมทั้งได้มีการหารือในระดับทวิภาคีในประเด็นต่าง
ๆ เช่น การจัดหาและผลิตวัคซีนโควิด-๑๙
การลงทุนในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
และการป้องกันการลักลอบข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงการต่างเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7885 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำปีบัญชี 2563 (วันที่ 1 เมษายน 2563 -วันที่ 31 มีนาคม 2564) | กค. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีรายงานกิจการประจำปี งบดุล
บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประจำปีบัญชี ๒๕๖๓
(วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓-วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
(๑) งบการเงินของของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ณ วันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว เห็นว่า
ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีบัญชี ๒๕๖๓
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์และการจัดทำบัญชีและรายงานการเงิน
โดยมีสินทรัพย์รวม ๒,๑๑๕,๐๗๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๗.๙๗ รายได้รวม
๑๐๒,๕๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๐.๑๒ และมี NPLs
จำนวน ๕,๗๘๒๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๗๑ ซึ่งลดลงจากปี ๒๕๖๒ (๒)
การดำเนินงานที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ชาติ ปีบัญชี ๒๕๖๓ เช่น
พัฒนาบริการทางการเงินครบวงจรและทันสมัย
เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรและบุคลากรรองรับภารกิจ (๓)
ทิศทางและนโยบายการดำเนินงานในปี ๒๕๖๔ เช่น ฟื้นฟู พัฒนา
สร้างความเข็มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7886 | ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก
เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ สมะลาภา)
เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้เร่งสรุปผลการเจรจาความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง ก่อนการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยใช้ร่างความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง
ฉบับล่าสุด เป็นพื้นฐานในการหารือในประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติต่อไป
และต้องมีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษแก่ประมงพื้นบ้านของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
(๒)
ไทยได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของไทยที่จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง สามารถสรุปผลได้โดยเร็ว เช่น
ห้ามการอุดหนุนแก่การทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7887 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี 2563 | พน. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
(องค์กรร่วมฯ) ประจำปี ๒๕๖๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว
โดยงบการเงินขององค์กรร่วมฯ แสดงข้อมูลถูกต้อง สอดคล้องกับสถานการณ์ดำเนินงาน
รายรับและรายจ่าย และงบกระแสเงินสด ขององค์กรร่วมฯ ณ สิ้นปี ๒๕๖๓
และได้รับความเห็นจากคณะกรรมการองค์กรร่วมฯ ในการประชุม ครั้งที่ ๑๓๔
และการประชุมสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๒๙ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ แล้ว
โดยมีรายรับสุทธิขององค์กรร่วมฯ จำนวน ๕๐๕.๒๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานะกองทุนองค์กรร่วมฯ มียอดรวมจำนวน ๘๖๗.๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และนำส่งรายได้ให้รัฐบาลทั้งสองประเทศ รวมจำนวน ๗๘๐.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7888 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันอังคารที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ถึงวันศุกร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7889 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 6/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (Covid-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา
๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
พิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนและรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา
๔๐ เนื่องจากอายุเกินคุณสมบัติที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้ง ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในการดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ให้กระทรวงสาธารณสุข
(กรมควบคุมโรค) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ ทั่วถึง
และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย ๓. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอย่างเป็นระบบ
ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7890 | แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2564 รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากในขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้ว แต่ยังมีหน่วยรับงบประมาณที่ยังไม่ได้ขอรับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินไว้แล้ว หรือได้รับอนุมัติเงินจัดสรรแล้วแต่ยังมิได้ใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์หรืออาจก่อให้เกิดภาระงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติกำหนดแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้หน่วยงานรับงบประมาณถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑. รายการงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินแล้ว
แต่หน่วยรับงบประมาณยังมิได้ขอรับการจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ
หากหน่วยรับงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณ
ให้เร่งดำเนินการขอรับอนุมัติเงินจัดสรรต่อสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน
๒๕๖๔ หากล่วงเลยระยะเวลาดังกล่าว
จะถือว่าหน่วยรับงบประมาณไม่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรงบประมาณ ๒. รายการงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว
แต่หน่วยรับงบประมาณยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันและคาดว่าจะใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมถึงรายการที่มีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
หรือดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว
ให้แจ้งสำนักงบประมาณเพื่อนำงบประมาณส่งคืนภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ เพื่อจะได้นำไปพิจารณาจัดสรรให้หน่วยรับงบประมาณที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7891 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒) ลงวันที่
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบังคับใช้บางมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ค่อนข้างทรงตัวและมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน ๒๙ จังหวัด ๑.๒ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) ลงวันที่
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ควบคุมยานพาหนะ
เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ
ซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางน้ำ ๑.๓ คำสั่งนายกรัฐมนตรี
ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๗) ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการตามข้อ
๘ แห่งข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒)
ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7892 | แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | กก. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรับรองผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) โดยการแจ้งเวียน (ad-referendum) ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจพิจารณาจัดทำแนวทางในการใช้ประโยชน์และต่อยอดการพัฒนาจากแผนดังกล่าว
ตลอดจนพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในประเด็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวนโยบายที่ประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7893 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ
ตลอดจนบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน
เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเป็นไปด้วยความเรีบบร้อย
มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงภารกิจและอำนาจของส่วนราชการ
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กรณีที่ประสงค์จะให้กรรมการผู้แทนภาคเอกชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙
ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้แทนภาคเอกชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ต่อไปจนครบวาระ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7894 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 | มท. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติต่อไป และเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ
เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๗๑๕๑ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔)
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
สิงหาคม ๒๕๖๔) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7895 | รายงานผลการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) | รง. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน
(Factory Sandbox) มีวัตถุประสงค์เป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิด
“เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” โดยมุ่งเน้นให้สถานประกอบการ กิจการ โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศสามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ควบคู่กับมาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และกระทรวงแรงงงานได้เริ่มดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน
(Factory Sandbox) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญได้จัดทำข้อตกลงร่วมกับสถานประกอบการ
(MOU) ระหว่างสามหน่วยงาน
ได้แก่ กระทรวงแรงงาน (สำนักงานแรงงานจังหวัด) สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ
และผู้แทนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ มีจำนวนสถานประกอบการร่วมทำข้อตกลง จำนวน ๔๖
แห่ง และมีจำนวนสถานพยาบาลเข้าร่วมโครงการ ๔ แห่ง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7896 | รายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) | นร.12 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service)
เพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) และเห็นชอบมาตรการเร่งรัดให้หน่วยงานสื่อประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในการใช้บริการรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และแก้ไขกฎหมาย และกฎระเบียบ
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่เห็นว่าทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถจัดส่งเอกสารหรือสื่อต่าง
ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมส่งให้ทุกจังหวัดดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ
และหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Service เพิ่มขึ้น
และหากสามารถดำเนินการพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานในระบบและระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคลควบคู่ไป
เป็นระบบกลางที่หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานใช้ร่วมกัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาให้บริการ e-Service ของภาคราชการให้มีความถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7897 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ของกระทรวงการคลัง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7898 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อกำหนดประเภทของพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนเพิ่มเติม
และกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับพัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพ
พัสดุการเรียนการสอน พัสดุส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
พัสดุส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตร
และประเภทของที่ปรึกษาที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน ที่เห็นว่าควรให้กรมบัญชีกลางติดตามประเมินผลการส่งเสริมหรือสนับสนุนดังกล่าวเป็นระยะ
เพื่อให้การกำหนดขั้นต้นเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ
และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประเทศต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7899 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) | นร.04 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
(Thailand Prevention) จำนวน ๑๐๕,๕๙๒,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน
(Thailand Prevention)
สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน
(ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔) โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7900 | กรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Investment Facilitation Framework : AIFF) | นร.13 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน
(ASEAN Investment Facilitation Framework : AIFF)
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้ความสำคัญด้านการอำนวยการความสะดวกด้านการลงทุนในฐานะเสาหลักสำคัญของการลงทุนที่นำไปสู่การรักษาและการเติบโตของการลงทุนในประเทศ
ผ่านการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการจัดตั้ง
ดำเนินการและขยายการลงทุนและธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงภูมิภาคอาเซียนกำลังจะก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมภายหลังวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19
โดยการอำนวยความสะดวกในด้านการลงทุน ๑๑ หัวข้อ เช่น
ความโปร่งใสของมาตรการและข้อมูล
การปรับปรุงและเร่งรัดขั้นตอนการปฏิบัติและข้อกำหนดต่าง ๆ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต
แพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จ บริการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ลงทุน เป็นต้น
และให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรอง AIFF
แบบไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|