ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 399 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7961 - 7980 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7961 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 12/2564 | นร. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การผ่อนผันการจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมร่วมกันของรัฐสภา
และผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห้วงเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถาน (๒) การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19
(๓) มาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory
Sandbox) (๔) แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๕) การรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ (๖)
การประเมินผลการปราบปรามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 (๗)
มาตรการควบคุมสำหรับการเดินทางเข้าออกทางน้ำ เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย
เพื่อภารกิจเกี่ยวกับการปิโตรเลียม ภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะหรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล
(๘) การเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเชื่อมต่อจังหวัดนำร่อง (๙)
แนวทางการประชาสัมพันธ์ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และ (๑๐) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7962 | การพัฒนาระบบนิเวศทางกฎหมายเพื่อเร่งรัดให้เกิด Digital government | นร.09 | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพัฒนาระบบนิเวศทางกฎหมายเพื่อเร่งรัดให้เกิด
Digital government ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ดังนี้ ๑.
จัดทำร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การยื่นคำขอหรือติดต่อใด ๆ
ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ
การติดต่อราชการระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันและระหว่างเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานของรัฐ
สามารถทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ๒. จัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์)
และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ แล้ว
และหน่วยงานของรัฐต้องใช้อีเมลในการสื่อสารเป็นหลักตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔
เป็นต้นไป ๓. ปรับปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินงานทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
โดยตรวจสอบกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันที่เป็นปัญหาอุปสรรคสำหรับภาคเอกชนที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินกิจกรรม ๔.
ปรับปรุงวิธีการเขียนกฎกระทรวงและกฎหมายลำดับรองอื่นให้หน่วยงานของรัฐให้บริการแก่ประชาชนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักตามมาตรา
๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ได้กำหนดแนวทางการเขียนกฎกระทรวงและกฎหมายลำดับรองอื่นให้ดำเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักมาตั้งแต่วันที่
๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และปัจจุบันกฎหมายลำดับรองระดับกฎกระทรวงที่ผ่านการพิจารณาทั้งหมด
๗๕ ฉบับ รองรับการดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ๕.
จัดทำระบบกลางกฎหมายเพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับกฎหมายที่ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
(One
stop service) แก่หน่วยงานของรัฐและประชาชน ตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม
๒๕๖๔ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7963 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบริการสุขภาพปฐมภูมิ (Primary Health Care) ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบริการสุขภาพปฐมภูมิ
(Primary Health Care)
ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่าการจัดทำแผนปฏิบัติการระบบสุขภาพปฐมภูมิ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๓)
ตามพระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายระบบสุขภาพปฐมภูมิให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
และอยู่ระหว่างจัดตั้ง “กองทุนสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ” และได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ
เช่น พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ในระบบสุขภาพปฐมภูมิ
พัฒนาศักยภาพแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในระบบสุขภาพปฐมภูมิ เป็นต้น
นอกจากนี้
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๒ อยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวให้มีความเหมาะสมมากขึ้นต่อไป
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7964 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากการพนันออนไลน์ในเด็กและเยาวชน ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากการพนันออนไลน์ในเด็กและเยาวชน
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ภาครัฐจำเป็นต้องกำหนดนโยบาย มาตรการ
และป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวของการพนันออนไลน์
ผลักดันให้เกิดกลไกในการกำกับของรัฐในรูปแบบคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน
สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน ซึ่งได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ จัดทำแอปพลิเคชัน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ผู้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์
ประกอบกับพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัจจุบัน
อีกทั้งยังขาดหน่วยงานหลักที่เป็นหน่วยงานประสานงานให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7965 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564) | ปสส. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น
พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓
ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔
ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔
และครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7966 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม 2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม
๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการการดำเนินงานที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(๒) ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ (๓) การติดตาม ตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ (๔) การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ
ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนการปฏิรูปประเทศ และ (๕)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ คือ
การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7967 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่กำหนดไว้
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้การดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม ๒๐,๐๐๑,๑๕๐ โดส (PFizer) ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค)
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนร่วมดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
โดยเร่งกระจายวัคซีนให้รวดเร็ว เป็นระบบ ทั่วถึง โปร่งใส และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนให้ชัดเจนและทั่วถึงด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7968 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
รวม ๒๓ จังหวัด จำนวน ๒,๑๑๗
โครงการ กรอบวงเงิน ๖,๑๗๐,๖๔๗,๙๑๕ บาท ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่กำหนดไว้
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด สำหรับการบริหารจัดการภาระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดฯ
นั้นกระทรวงการคลังจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัด และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7969 | การมอบหมายผู้แทน (proxy) ของไทย ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 27 | ดศ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการมอบอำนาจให้ประเทศมาเลเซียทำหน้าที่แทนประเทศไทย (proxy) ในการลงคะแนนเสียงแบบ Secret Vote เฉพาะในกรณีการลงมติเลือกตั้งตำแหน่งสำคัญต่าง
ๆ ทั้งเลขาธิการและรองเลขาธิการ UPU สมาชิกสภาบริหาร (CA) และสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ (POC) แบบ Secret Ballot รวมทั้งการลงมติในข้อมติต่าง ๆ ที่เป็นแบบ
Secret Vote ในระหว่างการประชุมสหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๗
และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทาบทามและออกหนังสือมอบอำนาจเป็นผู้แทน (proxy) ของประเทศไทย
เพื่อมอบอำนาจให้ประเทศมาเลเซียในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์
สมัยที่ ๒๗ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7970 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มาดำเนินรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน | กษ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และได้กันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓)
ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม
๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท มาดำเนินการในงบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รายการค่าซื้อที่ดิน
ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม ๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท
โดยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การบริหารวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับรายการผูกพันข้ามปี
และค่าใช้จ่ายรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน
เพื่อการชลประทานดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
แล้วแต่กรณี ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้นำมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และ/หรือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พร้อมเงื่อนไขประกอบการเห็นชอบไปประกอบการดำเนินงานโครงการทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการอย่างเคร่งครัดไปพิจารณาด้วย ๒. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้กระทรวงเกษตรมละสหกรณ์
(กรมชลประทาน)ดำเนินการตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
หรือโครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
ตลอดจนตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น ๆ
อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างบรรลุผล
เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7971 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ 1 | กต. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ ๑ (Outcome Document of the
Fish Meeting of the Guangdong-Thailand
High-Level Cooperation Conference) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๕ สิงหาคม
๒๕๖๔ ซึ่งร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านเศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อม ตลอดจนความร่วมมือในการรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ กับผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นการสนับสนุนการลงทุนของวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ของภาคเอกชนมณฑลกวางตุ้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของประเทศไทย
เพื่อให้ร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ มีความครอบคลุมมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง
ครั้งที่ ๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7972 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564)] | ปสส. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7973 | วันอาสาสมัครสากล (International Volunteer Day : IVD) | พม. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางการจัดงานวันอาสาสมัครสากลของประเทศไทยในทุกปี
โดยในส่วนของการกำหนดจัดกิจกรรมในปี ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุข
โดยควรจะกำหนดระหว่างวันที่ ๑-๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
และหน่วยงานย่อยที่ประสงค์จะจัดงานเชิดชูเกียรติอาสาสมัคร หากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ยังแพร่กระจาย ควรจัดในรูปแบบออนไลน์ หรือเผยแพร่เกียรติภูมิทางสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นหลัก
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมวันอาสาสมัครสากลดังกล่าว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับภาคเครือข่ายและองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมดังกล่าว
เพื่อลดภาระงบประมาณ โดยพิจารณาเป้าหมายผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้รับผิดชอบหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศในกิจกรรมต่าง
ๆ รวมทั้งเชิญชวนและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7974 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | ทส. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท โดยมีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานดำเนินการ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๕๔๙๖ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7975 | คณะกรรมการการบินพลเรือนกำหนดนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ | กพท. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ
ตามนัยมาตรา ๑๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีมติให้กำหนดนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติขึ้นใหม่
เพื่อให้เป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ (ฉบับที่
๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ อาทิ
การมีส่วนร่วมในกิจการด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ความเป็นสากลของการรักษาความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน
ตามที่คณะกรรมการการบินพลเรือนเสนอ และให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการกำกับดูแลการรักษาความปลอดภัยการบิพลเรือนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญความเร่งด่วนของการดำเนินงานตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติในเรื่องต่าง
ๆ เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินและการบิน
โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจน เหมาะสม
สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางการบินพลเรือนที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
รวมทั้งให้มีการประเมินและพิจารณาทบทวนการดำเนินนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7976 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. 2030 | กษ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ซึ่งร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารระหว่างสมาชิกเอเปค
เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
โดยไม่มีการลงนามและไม่มีข้อผู้กพันทางกฎหมาย และมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย
การรับทราบถึงผลกระทบอย่างต่อเนื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ที่มีต่อความเป็นอยู่ที่ดีและความปลอดภัยของประชาชนในภูมิภาคเอเปค พร้อมรับรองความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐
ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในด้านการค้าการลงทุน
นวัตกรรมและการแปลงเป็นดิจิทัล การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง สมดุล มั่นคง
ยั่งยืน และครอบคลุม รวมถึงการผลักดันประเด็นความมั่นคงทางอาหาร เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอชน เป็นต้น
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๐๗๐๓/๗๒๒ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม
๒๕๖๔) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7977 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2525 เรื่อง โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ | สธ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เรื่อง โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยขอปรับปรุงสาระสำคัญของโครงการแก้ไขปัญหาการกระจายทันตแพทย์
เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ สรุปได้ว่า
ให้นักศึกษาทันตแพทย์ทุกคนทำสัญญาเข้ารับราชการ ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจากสถาบันการศึกษาของรัฐ
ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม และได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการ/หน่วยงานในองค์การของรัฐทุกคนเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามสัญญา
ให้นักศึกษาสาขาวิชาทันตแพทย์ ที่เข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาภาครัฐ
ตามโครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ เข้าปฏิบัติงานในส่วนราชการ/หน่วยงานในองค์การของรัฐ จนกว่าจะหมดความจำเป็นและตามแผนความต้องการของส่วนราชการ/หน่วยงาน และนักศึกษาวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ในสถาบันการศึกษาภาครัฐ
จะต้องทำสัญญาก่อนเข้าศึกษา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย
และนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น อาจพิจารณาให้มีการทำสัญญาตามความสมัครใจ
ควรเปิดโอกาสให้สถาบันแต่ละแห่งพัฒนาหลักสูตรที่ผู้เรียนจะเข้าหรือไม่เข้าสู่ระบบทันตแพทย์คู่สัญญาแยกออกจากกัน
และควรพัฒนาการบริหารจัดการที่ช่วยดึงดูดและเพิ่มอัตราการอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเป้าหมายการกระจายของตำแหน่งทันตแพทย์คู่สัญญาในพื้นที่ทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและครอบคลุม
โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่กันดาร
และกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์
และกระบวนการคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้การกระจายอัตรากำลังทันตแพทย์เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขประเมินผลการดำเนินการและรายงานคณะรัฐมนตรีเป็นระยะต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7978 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอนุบาลหัวหิน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยองค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟซึ่งเป็นหน่วยงานใช้ประโยชน์ที่ดิน
จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7979 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลควนธานี อำเภอกันตัง และตำบลโคกหล่อ ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | คค. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลควนธานี อำเภอกันตัง และตำบลโคกหล่อ ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง
จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลควนธานี อำเภอกันตัง และตำบลโคกหล่อ ตำบลควนปริง
อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อขยายสนามบิน
โดยต่อเดิมความยาวทางวิ่งจาก ๒,๑๐๐ เมตร เป็น ๒,๙๙๐ เมตร ตามโครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานตรัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยที่มาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไป
ให้เสนอคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน
ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับ ไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป และรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
และควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการรายจ่ายที่ใช้ในการดำเนินการและบำรุงรักษาท่าอากาศยานตรังให้สอดคล้องกับรายได้
รวมถึงควรกำหนดแนวทางในการใช้ประโยชน์อาคารที่พักผู้โดยสารหลังปัจจุบันเมื่อเปิดให้บริการอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่แล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7980 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนครุยวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษให้มีความสวยงามและเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|