ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 391 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7801 - 7820 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7801 | การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG | อก. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนในการประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศและสนับสนุนการสร้างอาชีพให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
เร่งหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ
ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความเป็นอยู่ของประชาชนในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งให้สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีขาว
(Bio-Circular-Green Economy : BCG Model)
เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7802 | การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 | นร.14 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7803 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปง. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรับปรุงมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
เกิดความเป็นธรรม และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาตามประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมชื่อหมวด ๒ การรายงานและการแสดงตน
อาจซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
การกำหนดให้ทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินปลอดจากบรรดาทรัพย์สินหรือภาระทั้งปวง ในกรณีเจ้าของ
ผู้รับโอน หรือผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าว
และไม่สอดคล้องมาตรา ๕๓ ควรปรับปรุงถ้อยคำในมาตรา ๓(๗)
ให้สอดคล้องกับฐานความผิดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติดังกล่าว
พิจารณาถึงความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นและอุปสรรคในการปฏิบัติงานตามกฎหมายของสมาคม
มูลนิธิ หรือองค์กรไม่แสวงหากำไร ควรเพิ่มข้อกฎหมายถึงอำนาจหน้าที่การตรวจยึด
อายัด การเก็บรักษาทรัพย์สิน ในระหว่างที่รอคำสั่งยึด
อายัดของคณะกรรมการธุรกรรมให้ชัดเจน การกำหนดให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจที่จะสามารถใช้ดุลยพินิจยึดเงินตรา
เงินตราต่างประเทศ หรือตราสารเปลี่ยนมือไว้ชั่วคราว และหากเกิดการไล่เรียงเลขมาตราคลาดเคลื่อน
มาตราที่เพิ่มขึ้นควรเป็นมาตรา ๔๖/๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
และให้รวมพิจารณากับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้เป็นฉบับเดียวกัน
ตลอดจนพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับร่างกฎหมายว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกันด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๓.
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้สาธารณชนได้ทราบถึงการขยายขอบเขตของความผิดมูลฐาน
และกำหนดแนวทางปฏิบัติของผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ตลอดจนเร่งดำเนินการบูรณาการและจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลบุคคลที่ได้รับประโยชน์ในทอดสุดท้าย
เพื่อยกระดับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7804 | การเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยตามกลไก Universal Periodic Review รอบที่ 3 | กต. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ เห็นชอบ
และอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบความคืบหน้าของการเตรียมการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย
(รายงานประเทศฯ) ตามกลไก Universal Periodic Review : UPR รอบที่ ๓
และสั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการนำเสนอรายงานฯ
รวมถึงรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการและจัดเตรียมข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบในโอกาสแรก
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับชี้แจงหากได้รับการสอบถามระหว่างการเสนอรายงานด้วยวาจา ๑.๒
เห็นชอบร่างกรอบพิจารณาข้อเสนอแนะในช่วงการนำเสนอรายงานประเทศฯ ตามกลไก UPR
รอบที่ ๓ และคำมั่นโดยสมัครใจของไทย
และอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยพิจารณามีท่าทีในช่วงการนำเสนอรายงานด้วยวาจาตามกรอบดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า
การประกาศคำมั่นโดยสมัครใจของไทยเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ นั้น
หากรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นโดยสมัครใจดังกล่าวในเรื่องต่าง ๆ
ได้อย่างครบถ้วน เช่น การเข้าถึงบริการในการจดทะเบียนเกิดและทะเบียนราษฎร
รวมทั้งการพิจารณาให้สัญชาติและสิทธิความเป็นพลเมืองกับบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ
การส่งเสริมมาตรการบังคับสำหรับภาคธุรกิจในการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
เป็นต้น
อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าและบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทยได้
จึงควรพิจารณาดำเนินการประกาศคำมั่นฯ ให้เหมาะสม รอบคอบ
สอดคล้องกับความสามารถในการปฏิบัติได้จริง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7805 | การทบทวนปรับปรุงกฎกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน | นร. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานเร่งรัดพิจารณาทบทวนกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติต่าง
ๆ ซึ่งมีอยู่กว่า ๗,๐๐๐ ฉบับ ให้เหมาะสมแก่กาลปัจจุบันตามหลักการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
(ex post evaluation) ตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และให้แก้ไขเพิ่มเติมให้นำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการยื่นคำขออนุมัติ
อนุญาต จดทะเบียน หรือรับแจ้งเป็นหลัก เพื่อลดภาระและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ
อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามนโยบายรัฐบาลที่เปิดกว้าง (Open
Government) และนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ของรัฐบาล อันจะเป็นการเสริมสร้างความโปร่งใส
ในการทำงานของภาครัฐ
และสมควรให้ฝ่ายกฎหมายของหน่วยงานของรัฐพัฒนาการทำงานในลักษณะที่เป็นหน่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
(Efficiency Enhancement
Unit) ด้วย
เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีมติ ๑. ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดการพิจารณาทบทวนกฎกระทรวงที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแนวทางดังกล่าวโดยเร็ว
และให้ทุกกระทรวงรายงานแนวทางการแก้ไขกฎกระทรวงตามดำริดังกล่าวภายใน ๑ เดือน
รวมทั้งเร่งรัดการพัฒนาการดำเนินงานของฝ่ายกฎหมายของทุกหน่วยงานตามแนวทางดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวางกรอบแนวทางในการดำเนินการทบทวนกฎกระทรวงฯ
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้ส่วนราชการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7806 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๓ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT-GT ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานของแผนงาน
IMT-GT ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)
ในเจ็ดเสายุทธศาสตร์ และความคืบหน้าในการจัดทำรางแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๕-๒๕๖๙) รวมทั้งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพของอนุภูมิภาคในมิติต่าง
ๆ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙)
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม
และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7807 | ผลการประชุม “The 13th Inclusive Framework on BEPS” | กค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม
“The 13th Inclusive Framework on BEPS” เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
เพื่อให้ประเทศสมาชิกพิจารณากรอบข้อเสนอแนวทางการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
[The Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] ฉบับปรับปรุง (Revised Inclusive Framework Statement) ซึ่งเป็นกรอบข้อเสนอที่มีการหาข้อสรุปในประเด็นที่ยังคงค้างและปรับปรุงแล้วจาก
Inclusive Framework Statement ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
รวมถึงแผนการนำไปปฏิบัติ (Detailed Implementation Plan) โดยผลของการประชุมฯ
ถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีโลกในยุคดิจิทัลที่มีความคืบหน้าและมีนัยสำคัญต่อประเทศไทย
โดยมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและการโอนย้ายกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ
(Tax Haven) สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี
รวมทั้งการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และเพื่อป้องกันประเทศต่าง ๆ
ดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ โดยการแข่งขันกันลดอัตราภาษี ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศไทย
นโยบายทางการค้าและการลงทุนของประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้น
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยต่อผลกระทบของ Pillar 1 และ Pillar 2 กระทรวงการคลังจะได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาผลกระทบของข้อเสนอการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของ
OECD ซึ่งประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7808 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) จากเดิม ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ เป็น ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ โดยวันจันทร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
จะเป็นการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี และวันอังคารที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ จะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7809 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๖) ลงวันที่
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญให้มีการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sansbox) ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม
และบริบทของแต่ละพื้นที่ การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่ดังกล่าว เช่น
การยกเลิกการห้ามออกเคหสถาน โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา ๒๓.๐๐ น. ของวันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ การห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าร้อยคน
การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค
โดยยังคงปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ เป็นต้น
ตลอดจนพิจารณาปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด
รวมทั้งกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๗)
ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ได้แก่ มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เช่น
การอยู่ในประเทศ/พื้นที่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ
อนุมัติไม่น้อยกว่า ๒๑ วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
มีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry-COE) เป็นต้น มาตรการเมื่อเดินทางมาถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร เช่น
การเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR
จำนวน ๑ ครั้ง การตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ATK) จำนวน ๑ ครั้ง เป็นต้น และมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร
โดยการเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกำหนด ๓. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๘/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๑๗
จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7810 | การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีถุงมือยางทางการแพทย์ใช้แล้วจากประเทศไทยถูกส่งไปสหรัฐอเมริกา | นร.04 | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
จากกรณีที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ของสหรัฐอเมริกาได้นำเสนอรายงานการสืบสวนว่ามีการนำเข้าถุงมือยางทางการแพทย์ที่ผ่านการใช้งานแล้วแต่ถูกนำมาย้อมสีให้ดูเป็นของใหม่แล้วส่งไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกา
โดยแหล่งผลิตถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าวเป็นโรงงานหลายแห่งที่ตั้งอยู่รอบ ๆ
กรุงเทพมหานคร และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา
คาดว่าได้มีการส่งถุงมือยางใช้แล้วดังกล่าวเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาแล้วหลายสิบล้านชิ้น
ข่าวดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้แก่การส่งออกสินค้าของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่อง
และดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
และในกรณีที่พบการกระทำผิดให้เร่งดำเนินการทางกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด
แล้วให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7811 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 | พณ. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7812 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และมาตรการคู่ขนาน | พณ. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7813 | ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ เห็นชอบ
และอนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) เสนอ ๑.๑ รับทราบผลการประชุม
กศร. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๑.๒ เห็นชอบผลการพิจารณาของ
กศร. ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาแนวทางการปรับปรุงกลไกการดำเนินงานของ
กศร. การพิจารณาแผนการใช้ที่ดิน และผังแม่บทศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย
ดังนี้ ๑.๒.๑ อนุมัติให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
แล้วปรับปรุงเป็นคำสั่งหรือประกาศระดับกระทรวงแทน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับปรุงเป็นคำสั่งหรือประกาศในระดับกระทรวงที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นองค์ประกอบ
ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ของรัฐและการบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน สอดคล้องต่อภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และยังคงมีการถ่วงดุลในการพิจารณาการจัดระบบศูนย์ราชการ ๑.๒.๒
อนุมัติในหลักการแผนการใช้ที่ดินและผังแม่บทศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาสถานที่ทำงานของหน่วยงานราชการในเขตกรุงเทพมหานครและเมืองหลักเสนอ
ทั้งนี้
เพื่อให้การดำเนินการในระยะต่อไปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการปรับแผนการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่
ให้สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
และจัดทำรายละเอียดการดำเนินงานในระยะต่อไปให้ชัดเจน
พร้อมทั้งอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่อง หลักเกณฑ์การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร
ถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากที่ทำการของกรมการพัฒนาชุมชนและกรมที่ดิน
ในปัจจุบันมีที่ตั้งอยู่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร พื้นที่โซนบี ถนนแจ้งวัฒนะ
เพื่อที่กรมธนารักษ์จะได้ดำเนินการจัดสรรพื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร
ถนนแจ้งวัฒนะ
และเร่งหาหน่วยงานอื่นที่มีความต้องการใช้พื้นที่มาทดแทนหน่วยงานที่ขอยกเลิกการใช้
เพื่อให้การใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ
เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าต่อการลงทุนของภาครัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7814 | ขอความเห็นชอบต่อเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล | กก. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7815 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยการคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ในอาเซียน และร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยการอนุวัติการปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิของเด็กในบริบทของการโยกย้ายถิ่นฐาน | พม. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยการคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ในอาเซียน
(Regional Plan of Action for the Protection of Children from All
Forms of Online Exploitation and Abuse in ASEAN) และร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคว่าด้วยการอนุวัติการปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิของเด็กในบริบทของการโยกย้ายถิ่นฐาน
(Regional Plan of Action on Implementing the ASEAN Declaration on the
Rights of Children in the Context of Migration) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา (AMMSWD
Minister) ของประเทศไทย
มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคทั้ง ๒ ฉบับ ไปยังประเทศบรูไนดารุสซาลาม
ในฐานะประธานอาเซียน ในโอกาสแรก ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7816 | สรุปผลการประชุม The 8th ASEAN Ministerial Meeting on Minerals: The 8th AMMin และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | อก. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7817 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 พร้อมมาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 | พณ. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7818 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 4 ในรูปแบบออนไลน์ | ทส. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
สมัยที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในรูปแบบออนไลน์
โดยมีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน ๒.
เห็นชอบต่อกรอบเจรจา และท่าทีของประเทศไทย สำหรับการประชุมฯ มีสาระสำคัญ (๑)
สนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการของอนุสัญญาฯ
ในการปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยปรอทและสารประกอบปรอทสู่บรรยากาศและสู่ดินหรือน้ำ
(๒)
คำนึงถึงความต้องการของประเทศกำลังพัฒนาในการจัดการสารเคมีผ่านการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง
ๆ และ (๓) คำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศในการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7819 | การโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล | กค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ได้มาโดยคำพิพากษาของศาลให้ตกเป็นของแผ่นดิน
จำนวน ๑๑๕ ราย ๑๓๑ รายการ (๑๘๙ แปลง) ตามกฎกระทรวงการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงความจำเป็น
เหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7820 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก
การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
เพื่อปรับปรุงบทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้เงินตามตราสารหนี้ให้ครอบคลุม
สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่เห็นว่าในการมอบหมายให้นิติบุคคลที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนดทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากตราสารหนี้ตามข้อ
๕ แห่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว และการรับฝากนั้น
มีลักษณะเป็นการประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
นิติบุคคลนั้นต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์หรือเป็นการมอบหมายให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยมิต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|