ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 393 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7841 - 7860 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7841 | การโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล | กค. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล
ประเภทบ้านพักอาศัยตึก ๓ ชั้น มีชั้นใต้ดิน เลขที่ ๕/๕
ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน โฉนดเลขที่ ๑๔๓๖๐ หมู่ที่ ๕
ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
ให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๓๖๐ โดยไม่ใช้วิธีการประมูล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7842 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส เป็นการชั่วคราว (นายรุย นูนู มาร์คีช รีเบยรู) | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส ของ นายรุย นูนู มาร์คีช รีเบยรู (Mr. Rui Nuno Marques
Ribeiro) ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๔ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง ๒. การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๔
ในระหว่างที่ฝ่ายไทยสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต
สาธารณรัฐโปรตุเกส คนใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7843 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา (นายอู๋ ตงเหมย์) | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอู๋ ตงเหมย์ (Ms. Wu Dongmei) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดสงลขา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช
นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา
สืบแทน นายหม่า เฟิ่งชุน (Mr. Ma Fengchun) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7844 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย
(Smart Entry) ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ
(๒) การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7845 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑,๙๑๑,๐๕๙,๘๐๐ บาท
และได้จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ
โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ
จำนวน ๑,๖๖๖,๔๕๒,๘๔๕
บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๒๐ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7846 | มาตราการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์ภายใต้ Flexible Plus Program | กก. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน
และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ
(Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน
เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ควรปรับปรุงข้อกำหนดข้างต้นเป็น
“ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. 2535” เพื่อให้ร่างหลักเกณฑ์ข้างต้นมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในเรื่องนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เอื้อให้เกิดการลงทุนและขยายกิจการที่สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในระยะยาว
และพิจารณามาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่มเติมร่วมด้วย
เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดหลักทรัพย์ของไทยส่วนใหญ่มาจากผู้ซื้อภายในประเทศ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรจัดทำกลยุทธ์การตลาด เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย
และแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม ที่สะท้อนให้เห็นความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน
และผลกระทบต่อการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
มาประกอบการพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องภายใต้มาตรการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7847 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 27 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand
Growth Triangle : IMT-GT) ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔
และเห็นชอบการมอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ แผนงาน IMT-GT และผลการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๗ แผนงาน IMT-GT ได้มีการพิจารณารายงานของที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
ครั้งที่ ๒๘ รายงานของที่ประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ ๑๘ การประชุมระดับรัฐมนตรี
แผนงาน IMT-GT อย่างไม่เป็นทางการ
ครั้งที่ ๗ การเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างอุทยานธรณีโลกลังกาวี
(มาเลเซีย) อุทยานธรณีโลกสตูล (ไทย) และอุทยานธรณีโลกทะเลสาบโตบา (อินโดนีเซีย)
ข้อเสนอฝ่ายไทยในที่ประชุมฯ รัฐมนตรี แผนงาน IMT-GT ของไทยได้ผลักดันประเด็นต่าง ๆ เช่น
สร้างความร่วมมือเพื่อรับมือความท้าทายผลกระทบของโควิด-๑๙ รวมทั้งเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ โดยมีเนื้อหาและสาระสำคัญตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7848 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ประจำปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยประเทศนิวซีแลนด์
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยผลการประชุมฯ มีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การช่วยเหลือ MSMEs และการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการดำเนินงานควรมีการวางแผนบูรณาการการทำงานร่วมกัน
การวางแผนการจัดการความเสี่ยงหรือวางแผนการลงทุนทางสังคม ควรมีการดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจระยะยาว
และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการประสาน ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อยุทธศาสตร์ชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7849 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 และครั้งที่ 39 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารจำนวน
๒๒ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระดับผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๘ และครั้งที่ ๓๙ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแสดงเจตนารมณ์และการกำหนดแนวทางเชิงนโยบายในการส่งเสริมและดำเนินความร่วมมือด้านต่าง
ๆ ระหว่างกัน ตลอดจนการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7850 | ร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 28 | กค. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในวันศุกร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
โดยมีประเด็นครอบคลุมการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) และสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน ในทุกภาคส่วน
ควบคู่กับการดำเนินนโยบายทางการคลังและนโยบายอื่น ๆ
ตลอดจนการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยปรับปรุงร่างคำแปลฯ ย่อหน้าที่ ๑๕ แก้ไขจาก
เราตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่มีการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
เป็น เรายินดีกับการรับรองการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔...
เนื่องจาก การยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค แต่ได้รับการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และย่อหน้าที่ ๒๓ แก้ไขจาก เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ เป็น
เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งเป็นชื่อภาษไทยของ Economic
Committee ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7851 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน | รง. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการร่วมรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามารถในการแข่งขัน
ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของอาเซียนในการประสานงานและส่งเสริมในประเด็นต่าง
ๆ ได้แก่
การจัดทำมาตรฐานการพัฒนาฝีมือแรงงานที่สอดคล้องกันกับระบบการรับรองวิชาชีพ
การเพิ่มผลิตภาพแรงงานของประเทศสมาชิกอาเซียน
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ การเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการเจรจาทางสังคมและแรงงานสัมพันธ์
เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามรถในการแข่งขัน
ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7852 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 16 (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการเจรจาสำหรับคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต
สมัยที่ ๑๖ (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๓
(CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑๒
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ
โดยกรอบท่าทีเจรจาฯ
มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีสที่ประเทศไทยให้ความสำคัญบนหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง
โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ที่คำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
การค้าและสังคม ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ ประกอบด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีการเผยแพร่ผลการประชุมต่อสาธารณะภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีฯ
เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7853 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand's Long-Term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy) | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand’s Long-Term Low Greenhouse Gas Emission
Development Strategy) และเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแงดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จัดส่ง (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป็นกรอบดำเนินงานของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยกำหนดเป้าหมายที่จะมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero GHG emissions) โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ และมีความพยายามในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
(carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ เกิดประสิทธิผลสูงสุด
ควรมีการเสริมสร้างขีดความสามารถและความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการเตรียมการและการกำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
นอกจากนี้ ประเทศพัฒนาแล้วกำลังพัฒนาส่วนใหญ่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๕๐ การที่ประเทศไทยกำหนดเป้าหมายไว้ในปี ค.ศ. ๒๐๖๕
อาจทำให้ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นก่อนปี ค.ศ. ๒๐๕๐
และอาจทำให้ประเทศไทยพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7854 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (HLJC) ครั้งที่ 5 | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7855 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2564 | สช. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
(กขป.) ต่อไป ซึ่งประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานของ กขป. เช่น ประเด็นสุขภาวะกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเปราะบางทางสังคม
ประเด็นอาหารปลอดภัย (๒) ข้อค้นพบสำคัญ กรรมการผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีแนวโน้มการมีส่วนร่วมในการประชุมน้อย
ส่งผลให้การบูรณาการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในเขตพื้นที่เป็นการทำงานของ
กขป. ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
ทำให้การบูรณาการภารกิจและบทบาทหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบยังไม่เกิดขึ้นมากนัก
รวมทั้งยังไม่สามารถผลักดันเป็นนโยบายของหน่วยงานภาครัฐได้ (๓)
ปัจจัยความสำเร็จของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เช่น ความเข้าใจเรื่องบทบาทหน้าที่ของ
กขป. และ (๔) ข้อเสนอแนะสำหรับพัฒนา เช่น ควรสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ข้อเสนอของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เช่น ควรมีกระบวนการสนับสนุนให้ กขป. เกิดความเป็นเจ้าของในการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่
ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพเชิงระบบ สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการ ๆ
ของภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
รวมถึงควรมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7856 | ผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ
และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่ เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ
โดยมีเรื่องที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยวัคซีนโควิด-๑๙
การเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน การดำเนินความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสีเขียว
และการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7857 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณพ.ศ.
๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓-๓๐
กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7858 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายการชนิดพันธุ์ไม้หวงห้ามเพิ่มเติมอีก
๒ ชนิด ได้แก่ (๑) เพิ่มไม้กฤษณาเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้หวงห้ามธรรมดา และ (๒)
เพิ่มไม้เทียนทะเลเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. ไม้หวงห้ามพิเศษ
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ดังกล่าวที่ขึ้นตามธรรมชาติ และปกปักษ์รักษาไม้ดังกล่าวให้คงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจข้อบังคับทางกฎหมาย
ตลอดจนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถยกระดับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทั้งสองชนิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7859 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปผลการพิจารณาได้ว่า พระราชบัญญัตินี้ไม่ได้กำหนดสภาพบังคับไว้
โดยหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวมทั้งอนุบัญญัติที่ออกตามกฎหมายดังกล่าวถือเป็นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
หากไม่ปฏิบัติย่อมมีความผิดทางอาญาและทางวินัย ส่วนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านกฎหมายให้กับประชาชน
ปัจจุบันระบบกลางดำเนินการระยะที่ ๑ เสร็จ และเปิดให้บริการแล้ว
สำหรับการดำเนินการในระยะที่ ๒
เกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกนั้น
มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ในส่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการรับรู้
การเข้าถึง และการเข้าใจกฎหมายให้กับประชาชน โดยจัดแบ่งกลุ่มกฎหมายให้เหมาะสมกับกลุ่มประชาชนนั้น
อาจใช้วิธีการดำเนินการจัดกลุ่มข้อมูลตามหมวดหมู่ของกฎหมายนั้น เช่น สวัสดิการ
แรงงาน และการขนส่ง และจัดกลุ่มโดยวิธีการใช้ป้ายคำ (ระบบ tag) เพื่อให้การจัดกลุ่มกฎหมายยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้
การประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและอนุบัญญัติที่ออกตามกฎหมายนั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับระบบกลางด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7860 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหอการค้า
พ.ศ. ๒๕๐๙
โดยแก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของหอการค้าให้ดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการค้า
การเพิ่มข้อยกเว้นเพื่อให้หอการค้าสามารถประกอบวิสาหกิจเพื่อส่งเสริมการค้าได้มากขึ้น
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การเลิกหอการค้าเพื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งยกเลิกการกำหนดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|