ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 394 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7861 - 7880 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7861 | ผลการประชุมคณะกรรมการการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 2/2564 | กค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการฯ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔
ดังนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
การเบิกจ่ายโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ เช่น
ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7862 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2564 | นร.11 สศช | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๒ ล้านโดส (Sinovac) ของกรมควบคุมโรค มอบหมายให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ๑๓
จังหวัด เพิ่มเติม ๑ เดือน ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายวัน และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม เร่งพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนและรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา
๔๐ เนื่องจากอายุเกินคุณสมบัติที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนเร่งรัดประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน เร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการต่าง
ๆ โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมทั้งให้ดำเนินการตามข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7863 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 | กค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๒ ปี
๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่
๒ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๑.๘ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินคณะกรรมการนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๖.๐ และ ๔.๑ ตามลำดับ
ส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน ซึ่งภาวะการเงินโลกอาจเริ่มตึงตัวในระยะต่อไป
และ (๓) แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ
๑.๘ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙
โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7864 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง (APEC Structural Reform Ministerial Meeting : SRMM) ครั้งที่ 3 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | นร.11 สศช | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง (APEC Structural Reform Ministerial Meeting : SRMM) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ประกอบด้วย (๑)
ผลการหารือและแลกเปลี่ยนในประเด็นต่าง ๆ เช่น แนวทางการฟื้นตัวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
(๒) การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ ๓ ซึ่งเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ เห็นชอบแล้ว และข้อเสนอของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
ได้แก่ การเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
และการแลกเปลี่ยนแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทย
โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับและขับเคลื่อนการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคสำหรับปี
๒๕๖๔-๒๕๖๘ (Enhanced APEC Agenda for Structural Reform : EAASR) และแผนปฏิบัติการเอเปค
เรื่องความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจระยะที่ ๓ รวมทั้งการสร้างความชัดเจนถึงบทบาทของประเทศไทย
(ไทย) ในเวทีเอเปคโดยยึดเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นสำคัญ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร.
เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้สามารถนำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงานให้เกิดความคล่องตัว
และบริการประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และการบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการเอเปค
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7865 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 | มท. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๘๑๐๑ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔) ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7866 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทย (นายจูเว็งซียู ดือ จือซุช มาร์ติงช์) | กต. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจูเว็งซียู ดือ
จือซุช มาร์ติงซ์ (Mr. Juvencio de Jesus
Martins) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโจอาคิม อามารัล (Mr. Joaquim Amaral) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7867 | การปรับอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทอาชีวศึกษา | ศธ. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน
ประเภทอาชีวศึกษา
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่อยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ให้ได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูเพิ่มขึ้น
๔๕๐/คน/ปี โดยปรับอัตราจาก ๘,๕๘๒.๕๐
บาท/คน/ปี เป็น ๙,๐๓๒.๕๐ บาท/คน/ปี
เท่ากับการอุดหนุนนักเรียนโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(ม.ปลาย)
เพื่อประกันรายได้ครูโรงเรียนเอกชนให้ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่ทางราชการกำหนด
(๑๕,๐๕๐ บาท)
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดจากการดำเนินการดังกล่าวเห็นควรที่กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
จะพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
มีผลใช้บังคับในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยพิจารณาเงินนอกงบประมาณ
รวมถึงรายได้หรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7868 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 32/2564 | นร.11 สศช | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่ ๔ รวม ๑๔
จังหวัด จำนวน ๑,๔๓๔
โครงการ กรอบวงเงิน ๓,๗๕๓,๗๘๒,๒๗๘ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒.อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตาม ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ตามขั้นตอนต่อไป ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7869 | การเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ (Coordinating Committee for Geoscience Programmes in East and Southeast Asia: CCOP) | ทส. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้
(Coordinating Committee for Geoscience Programmes
in East and Southeast Asia : CCOP) เป็นเงินจำนวน
๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เป็นประจำทุกปีจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรธรณี) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กรมทรัพยากรธรณีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมต่อไป โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7870 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายใต้กรอบความร่วมมือสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย | นร.53 | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายใต้กรอบความร่วมมือสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
(Indian Ocean Rim Association
: IORA) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก IORA
ในการเสริมสร้างโอกาสและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อให้ SMEs ได้มีโอกาสจากการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนร่วม
หน่วยงานดำเนินการ
สมาคมและสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ
มาตรฐานการผลิตและบริการ การแข่งขันผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการค้าอิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล
รวมถึงการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีแนวทางความร่วมมือ เช่น (๑)
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ SMEs ในเวทีธุรกิจ (๒)
แลกเปลี่ยนบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสำหรับ SMEs และผู้ประกอบการ และ (๓) แบ่งปันวิถีปฏิบัติที่เป็นเลิศในการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันผ่านทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีรวมถึงการค้าอิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล
เป็นต้น โดยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะประสานขอความอนุเคราะห์ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ
ในการจัดส่งบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับลงนามให้เลขานุการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียรับทราบต่อไป
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7871 | การเพิ่มจุดนำเข้าและจุดส่งออกในภาคผนวกของพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มจุดนำเข้าและจุดส่งออกในภาคผนวกของพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดของใบรับรองสุขอนามัยพืช
ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกักกันโรคและการตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยกับจีน
ซึ่งจุดนำเข้าและจุดส่งออกสำหรับการขนส่งผลไม้ของทั้งสองฝ่ายจะถูกกำหนดลงในภาคผนวกของพิธีสารฉบับนี้
กรณีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพิ่มเติมจุดนำเข้าและจุดส่งออกอื่นของทั้งสองฝ่าย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7872 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางตลาด ตำบลคลองเกลือ และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่ตำบลบางตลาด ตำบลคลองเกลือ และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางตลาด ตำบลคลองเกลือ และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน
ในท้องที่ตำบลบางตลาด ตำบลคลองเกลือ และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าฯ และกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน เพื่อดำเนินกิจการขนส่งมวลชนฯ ในท้องที่ตำบลบางตลาด
ตำบลคลองเกลือ และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพูส่วนต่อขยาย
ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7873 | ร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ..ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจการดำเนินกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้มีความเหมาะสม ปรับปรุงคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการ กรรมการ และผู้ว่าการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับกิจการที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และบทบัญญัติเกี่ยวกับบทกำหนดโทษและการเปรียบเทียบปรับ เพื่อให้ความคล่องตัวและเกิดประโยชน์สูงสุดในการประกอบกิจการท่าเรือ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตและความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ระบุเหตุผลความจำเป็นในการขอแก้ไขพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ให้ชัดเจน คำนึงถึงผลกระทบที่อาจทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน พร้อมทั้งกำหนดคำนิยามของคำว่า “กิจการที่เกี่ยวเนื่อง” ให้มีความชัดเจน และคงข้อความตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7874 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. .... | ศป. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินให้แก่พยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ กำหนดอัตราค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าที่พัก ของพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งกำหนดให้ศาลปกครองจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นให้แก่หน่วยงานทางปกครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ นิติบุคคล หรือบุคคล ขึ้นใหม่ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าพาหนะเดินทางหรือค่าที่พักแก่พยานบุคคลตามมาตรา ๑๒ (๒) (ข้าราชการประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ) ควรกำหนดให้สอดคล้องกับสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ข้าราชการประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ) และพิจารณาเปรียบเทียบอัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลอื่น โดยคำนึงถึงลักษณะ ประเภทของคดี รวมทั้งสภาพความเสี่ยง ในการให้ถ้อยคำหรือความเห็นของพยานเพื่อให้อัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครองเป็นอัตราที่มีความเหมาะสม ตลอดจนให้คำนึงถึงการจัดทำและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาเปรียบเทียบอัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลอื่น โดยคำนึงถึงลักษณะ ประเภทของคดี รวมทั้งสภาพความเสี่ยง ในการให้ถ้อยคำหรือความเห็นของพยานเพื่อให้อัตราค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครองเป็นอัตราที่มีความเหมาะสม ตลอดจนให้คำนึงถึงการจัดทำและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7875 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน - เอกชัย พ.ศ. .... | คค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ
อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒
สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลคอกกระบือ
อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๒
สายทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7876 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมการแพทย์ (นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์) | สธ. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7877 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) | กค. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และอนุมัติงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๗๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรมีกระบวนการคัดกรองการให้สินเชื่อ และพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างเหมาะสม รวมถึงติดตามคุณภาพสินเชื่อและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับภาระงบประมาณในการชดเชยส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการฯ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ดำเนินการพิจารณาผลการดำเนินโครงการและนำข้อมูลสถานะทางการเงินมาประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการ และติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากการปรับกรอบวงเงินของโครงการเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มลูกค้ารายย่อยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการให้ความช่วยเหลืออื่นในลักษณะเดียวกันด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7878 | การประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 7 (7th GMS Summit) ผ่านระบบการประชุมทางไกล | นร.11 สศช | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ (GMS) ครั้งที่ ๗ (7th GMS
Summit) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ได้แก่ ๑) ร่างปฏิญญาร่วมระดับผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๗ ๒)
ร่างกรอบยุทธศาสตร์แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ.
๒๕๗๓ และ ๓)
ร่างเอกสารแผนการฟื้นฟูและตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๖ โดยไม่มีการลงนาม และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรี ร่วมกับผู้นำประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์ทั้ง
๓ ฉบับ โดยไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7879 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่นิติบุคคล สำหรับรายรับที่เป็นเงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ และการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการขายหรือถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าควรพิจารณาทบทวนหลักการและเนื้อหาสาระของกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๑๒๖) พ.ศ. ๒๕๐๙ และพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ ๓๔๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ ในกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะ ไปพิจารณาดำเนินการโดยเร่งด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7880 | การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2564 (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. ....) | นร.05 | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
พ.ศ. ๒๕๓๖ เพื่อให้หลักเกณฑ์การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มีความรัดกุม
เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
และยังคงสามารถรักษาไว้ซึ่งคุณค่าและเกียรติยศแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างแท้จริง
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|