ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 380 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7581 - 7600 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7581 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. 2030 ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย (ค.ศ. 2021-2030) | คค. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม :
มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
(ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของปฏิญญากรุงเทพด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืนและเข้าถึงในภูมิภาคเอเชีย
โดยครอบคลุมการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างภาคการขนส่งกับภาคเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มมากขึ้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ โดยให้ปรับถ้อยคำบางประการในส่วนของความเป็นหนังสือสัญญา
เห็นว่าร่างปฏิญญาฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาไอจิ ค.ศ. ๒๐๓๐
ว่าด้วยการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : มุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
(ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7582 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 11/2564 | นร.11 สศช | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด
ฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน ๘,๑๒๒.๓๗๖๔ ล้านบาท
โครงการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
กรอบวงเงินจำนวน ๑,๓๘๓.๘๘๑๔ ล้านบาท
โครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๓ กรอบวงเงินจำนวน
๔๒,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท และโครงการการเพิ่มวงเงินสนับสนุนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
กรอบวงเงินจำนวน ๓,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
และโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs กรอบวงเงินจำนวน ๓๗,๕๒๑.๖๙๐๐ ล้านบาท
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7583 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 5 ฉบับ | นร.05 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7584 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 16/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๓) แผนการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ๔) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่
๕) ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศ และ ๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7585 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level Conference on COVID-19 | คค. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level
Conference on COVID-19 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญา Ministerial Declaration of the High-level
Conference on COVID-19 โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์ในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกเพื่อฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการบิน
รวมถึงพัฒนาความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์และความยั่งยืนของภาคการบินภายหลังการแพร่ระบาดของโรค
COVID-19
ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างรัฐสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ ICAO และองค์การอนามัยโลก
(World Health Organization : WHO) ในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม
การบินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญา Ministerial
Declaration of the High-level Conference on COVID-19
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7586 | แนวคิดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ | ยธ. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะของความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
และผู้ประกอบการภาคเอกชนในการดำเนินการจัดตั้งนิคมฯ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม
(กรมราชทัณฑ์) จะดำเนินการพัฒนาและยกระดับฝีมือแรงงานของนักโทษที่ได้รับการพักการลงโทษและพ้นโทษแล้วให้เข้าทำงานในนิคมฯ
โดยความสมัครใจ และจัดให้มีมาตรการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน
เช่น จัดให้มีเขตปลอดอากร จัดให้มีสถานีรถไฟ/ท่าเรือเพื่อขนส่งหรือขนถ่ายสินค้า
การยกเว้นภาษีส่วนบุคคลให้แก่แรงงานเป็นเวลา ๓ ปี
และการเข้าถึงสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับแนวทางการจัดตั้งนิคมฯ และแนวทางการสนับสนุนของ กนอ. นั้น ให้ กนอ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็น เหมาะสม โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรให้มีการพิจารณาหลักสูตรการฝึกวิชาชีพให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเน้นการสร้างจุดเด่นในการฝึกอาชีพเฉพาะด้านในแต่ละเรือนจำและทัณฑสถาน
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7587 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) ดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (๒)
ดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (๓) ให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจการจัดบริการสาธารณะ ลดความเหลื่อมล้ำ
รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ (๔)
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน (๕)
ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นการกำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดไว้ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7588 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2564 | นร.10 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
โดยมีข้อสั่งการสำคัญ ๕ ประเด็น เช่น
ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนและปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน
เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน และให้ปรับรูปแบบการทำงานเพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่
โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน
และให้กระทรวงมหาดไทยพัฒนาการเรียนรู้ของข้าราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการต่าง
ๆ เพื่อถ่ายทอดข้อมูล
สร้างการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อการขับเคลื่อนงานของส่วนราชการ เป็นต้น
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7589 | ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 3 | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๓ ซึ่งจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ
ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันต่อเนื่องของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือของ
Mekong-Rok ในสาขาความร่วมมือทั้ง
๗ สาขา ย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการสนับสนุนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค
ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน สนับสนุนการสอดประสานระหว่าง Mekong-Rok กับอาเซียน และกรอบความร่วมมืออื่นๆ
ในภูมิภาคและอนุภูมิภาค เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๓ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7590 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2564 เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน | สกพอ. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมกันดำเนินงานโดยเร็ว เพื่อให้บริการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในฐานะหน่วยงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำกับดูแลและติดตามโครงการฯ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนที่มีความจำเป็นต้องมีการแก้ไขสัญญา ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ในกรณีที่คู่สัญญาเอกชนไม่สามารถปฏิบัติเงื่อนไขของสัญญาได้ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะหน่วยงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7591 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยการยกระดับการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Leaders' Statement on Advancing Digital Transformation in ASEAN) | ดศ. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7592 | การโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล | กค. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล
ประเภทบ้านพักอาศัยตึก ๓ ชั้น มีชั้นใต้ดิน เลขที่ ๕/๕
ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน โฉนดเลขที่ ๑๔๓๖๐ หมู่ที่ ๕
ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
ให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๔๓๖๐ โดยไม่ใช้วิธีการประมูล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7593 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส เป็นการชั่วคราว (นายรุย นูนู มาร์คีช รีเบยรู) | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส ของ นายรุย นูนู มาร์คีช รีเบยรู (Mr. Rui Nuno Marques
Ribeiro) ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๔ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง ๒. การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปรตุเกส เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๔
ในระหว่างที่ฝ่ายไทยสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองปอร์โต
สาธารณรัฐโปรตุเกส คนใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7594 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา (นายอู๋ ตงเหมย์) | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอู๋ ตงเหมย์ (Ms. Wu Dongmei) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดสงลขา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช
นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา
สืบแทน นายหม่า เฟิ่งชุน (Mr. Ma Fengchun) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7595 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ (๑) การส่งเสริมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย
(Smart Entry) ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ
(๒) การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7596 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑,๙๑๑,๐๕๙,๘๐๐ บาท
และได้จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ
โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ
จำนวน ๑,๖๖๖,๔๕๒,๘๔๕
บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๒๐ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7597 | มาตราการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์ภายใต้ Flexible Plus Program | กก. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน
และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ
(Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน
เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ควรปรับปรุงข้อกำหนดข้างต้นเป็น
“ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. 2535” เพื่อให้ร่างหลักเกณฑ์ข้างต้นมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในเรื่องนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เอื้อให้เกิดการลงทุนและขยายกิจการที่สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในระยะยาว
และพิจารณามาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่มเติมร่วมด้วย
เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดหลักทรัพย์ของไทยส่วนใหญ่มาจากผู้ซื้อภายในประเทศ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรจัดทำกลยุทธ์การตลาด เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย
และแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม ที่สะท้อนให้เห็นความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน
และผลกระทบต่อการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
มาประกอบการพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องภายใต้มาตรการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7598 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 27 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand
Growth Triangle : IMT-GT) ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔
และเห็นชอบการมอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ แผนงาน IMT-GT และผลการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๗ แผนงาน IMT-GT ได้มีการพิจารณารายงานของที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
ครั้งที่ ๒๘ รายงานของที่ประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ ๑๘ การประชุมระดับรัฐมนตรี
แผนงาน IMT-GT อย่างไม่เป็นทางการ
ครั้งที่ ๗ การเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างอุทยานธรณีโลกลังกาวี
(มาเลเซีย) อุทยานธรณีโลกสตูล (ไทย) และอุทยานธรณีโลกทะเลสาบโตบา (อินโดนีเซีย)
ข้อเสนอฝ่ายไทยในที่ประชุมฯ รัฐมนตรี แผนงาน IMT-GT ของไทยได้ผลักดันประเด็นต่าง ๆ เช่น
สร้างความร่วมมือเพื่อรับมือความท้าทายผลกระทบของโควิด-๑๙ รวมทั้งเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๗ โดยมีเนื้อหาและสาระสำคัญตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7599 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ประจำปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยประเทศนิวซีแลนด์
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยผลการประชุมฯ มีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การช่วยเหลือ MSMEs และการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการดำเนินงานควรมีการวางแผนบูรณาการการทำงานร่วมกัน
การวางแผนการจัดการความเสี่ยงหรือวางแผนการลงทุนทางสังคม ควรมีการดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
19 รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจระยะยาว
และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการประสาน ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อยุทธศาสตร์ชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7600 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 และครั้งที่ 39 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารจำนวน
๒๒ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระดับผู้นำในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๘ และครั้งที่ ๓๙ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแสดงเจตนารมณ์และการกำหนดแนวทางเชิงนโยบายในการส่งเสริมและดำเนินความร่วมมือด้านต่าง
ๆ ระหว่างกัน ตลอดจนการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |