ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 373 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7441 - 7460 จากข้อมูลทั้งหมด 124009 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7441 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย (นายคำพัน อั่นลาวัน) | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคำพัน อั่นลาวัน (Mr. Khamphan Anlavan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายแสง สุขะทิวง (Mr.
Seng Soukhathivong)
ซึ่งจะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7442 | รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (นายมุน ซึง - ฮย็อน) | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายมุน ซึง-ฮย็อน (Mr. Moon
Seoung-hyun)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอี อุก-ฮ็อน (Mr. Lee
Wook-heon)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7443 | รัฐบาลรัฐอิสราเอลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย (นางออร์นา ซากิฟ) | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางออร์นา ซากิฟ (Ms. Orna Sagiv) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเมอีร์ ชโลโม (Mr.
Meir Shlomo) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7444 | รัฐบาลสาธารณรัฐโครเอเชียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโครเอเชียประจำประเทศไทย (นายเนบอยชา โกฮาโรวิช) | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเนบอยชา โกฮาโรวิช (Mr. Nebojsa Koharovic)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโครเอเชียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สืบแทน นายเจลโค ชิมบูร์ (Mr. Zeljko Cimbur)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7445 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (เรือเอก สาโรจน์ คมคาย) | รง. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
เรือเอก สาโรจน์ คมคาย
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับสูง] กองกฎหมาย สำนักงานประกันสังคม ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย
(นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม
๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7446 | ร่างข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. .... | พม. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ
ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ.
....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ
(กคช.) เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนงานโครงการที่ กคช.
เห็นชอบในการจัดให้มีเคหะเพื่อประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ
หรือประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าว
หรือเป็นการดำเนินการโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้บริษัทในเครือของ
กคช. ต้องจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับแผนบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการและฐานะทางการเงินที่ผ่านมา
การรับรองของผู้สอบบัญชีในรอบ ๓ ปีบัญชีที่ผ่านมา
การยกร่างหลักเกณฑ์ให้มีการประกาศใช้บังคับพร้อมกับการประกาศใช้บังคับร่างข้อบังคับในเรื่องนี้
การพิจารณากฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
รวมทั้งพิจารณาการให้ความช่วยเหลือทางการเงินด้วยความรอบคอบตามความเหมาะสม
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7447 | ร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานกระบวนการยุติธรรม [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564)] | ปสส. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานกระบวนการยุติธรรมต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7448 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายอำนวย ภู่ระหงษ์) | รง. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอำนวย ภู่ระหงษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7449 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (1. นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ฯลฯ รวม 8 คน) | อว. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโคตรอน รวม ๘ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการ ๒.
นายกำจร ตติยกวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓.
นายชาตรี สุวรรณิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔.
นายรัตติกร ยิ้มนิรัญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕.
นายชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗.
นายธันยวัต สมใจทวีพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘.
นายอรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7450 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ (1. นายสรนิต ศิลธรรม ฯลฯ รวม 7 คน) | อว. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
นายสรนิต ศิลธรรม ประธานกรรมการ ๒.
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓.
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔.
นายภุชงค์ อุทโยภาศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕.
นายวีรชัย อาจหาญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖.
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗.
นางสาวณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7451 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิรัช ประวันเตา และนางอัมพร จันทวิบูลย์) | สธ. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายวิรัช ประวันเตา ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย)
กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๒. นางอัมพร จันทวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านสุขาภิบาล) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม
๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7452 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายพรชัย ฐีระเวช) | กค. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพรชัย ฐีระเวช เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
แทนประธานกรรมการเดิมที่ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน
อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งตนแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7453 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | กษ. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์
พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ดังกล่าว ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์
และการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรฐานในการประกอบกิจการฆ่าสัตว์
และมาตรฐานการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.
๒๕๕๙ และเพื่อให้การประกอบกิจการฆ่าสัตว์มีสุขอนามัย รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7454 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 18/2564 | นร.04 | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)
ครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินการเปิดประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ๔) การดำเนินการโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ ๒ ๕)
แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ๖) มาตรการควบคุมโรคและปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
๗) แนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7455 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓
ฉบับ ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๘) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ขึ้นใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์
(พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว)
และกำหนดให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น
และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมภายใต้พระราชกำหนดฯ (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่๓๐ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๑/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น ๖ จังหวัด (จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา)
พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งสิ้น ๓๙ จังหวัด (เพิ่มจังหวัดจันทบุรี) พื้นที่ควบคุม
รวมทั้งสิ้น ๒๓ จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น ๕ จังหวัด ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๒/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโครงสร้างภายในของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
โดยมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าศูนย์
และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าว เป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7456 | ขอเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา | ทส. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เทศบาลนครหาดใหญ่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลนครหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา ๑ แห่ง ภายในกรอบวงเงิน ๑๔๖,๑๒๙,๖๓๔.๒๖ บาท
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๙๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
และเงินนอกงบประมาณที่เทศบาลนครหาดใหญ่สมทบ จำนวน ๔๗,๑๒๙,๖๓๔.๒๖ บาท และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7457 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 21 | กต. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
(Indian Ocean Rim
Association Council of Ministers : IORA COM)
ครั้งที่ ๒๑ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ธากาในการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๑ โดยไม่มีการลงนาม ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ธากาเป็นเอกสารผลผลลัพธ์การประชุมฯ
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกในการขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาค
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) ยินดีต่อการรับตำแหน่งประธานของบังกลาเทศ (๒)
รับทราบถึงการทำหน้าที่อย่างดียิ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธาน
ระหว่างปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ (๓) ส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนให้สมาคมฯ
มีบทบาทหลักในการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรอินเดียอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
และการรับมือกับความท้าทาย รวมถึงประเด็นสำคัญอื่น ๆ โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-๑๙
(๔) รับทราบผลการคัดเลือกเลขาธิการสมาคมฯ คนใหม่ (๕) รับรองสหพันธรัฐรัสเซียและซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศคู่เจรจา
ลำดับที่ ๑๐ และ ๑๑ ของสมาคมฯ (๖)
รับทราบการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑)
และผลการจัดทำแผนปฏิบัติการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ฉบับที่สอง (ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๗)
และ (๗) รับทราบการปรับปรุงการบริหารจัดการของสมาคมฯ เกี่ยวกับกฎระเบียบเรื่องบุคลากรและด้านการเงิน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแถลงการณ์ธากา
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7458 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 - 2565 | นร.11 สศช | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๔ และแนวโน้มปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๓
เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ลดลงจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๔ ร้อยละ ๑.๑ (QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรก ของปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๑.๓ โดยด้านการใช้จ่าย
การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ขณะที่การส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน
และการใช้จ่ายภาครัฐบาลขยายตัว การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ
๔.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล
การลงทุนรวมโดยการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น
เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ รถยนต์นั่ง และลดลงในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าลดลง
ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการผลิต
สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสาขาก่อสร้าง สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และประมง
สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร สาขาการเงิน ขยายตัว
การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการไฟฟ้าและก๊าซ สาขาการขายส่งการขายปลีกและการซ่อมแซมฯ ลดลงต่อเนื่อง ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ
จากการลดลงร้อยละ ๖.๑ ในปี ๒๕๖๓ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒
และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๒.๕ ต่อ GDP เทียบกับการเกินดุลร้อยละ ๔.๐ ต่อ GDP ในปี ๒๕๖๓ ๓.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า
ๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงและความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน (๒) การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
ของภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ (๓)
การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า (๔)
การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และ (๕) ฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ ๔.๙
ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๔.๒
ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๖ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๐.๙-๑.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP ๔.
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของในปี ๒๕๖๔ และ ปี ๒๕๖๕ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด (๒) การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ
(๓) การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ
(๔) การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า (๕) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๖)
การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และ (๗) การติดตามและเฝ้าระวังความผันผวนของภาคเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7459 | ร่างบันทึกการประชุม (Agreed Minutes) ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 4 | กต. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกการประชุม (Agreed Minutes) ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม
(Joint Commission on Bilatteral Cooperation : JCBC) ครั้งที่ ๔ ผ่านระบบทางไกล ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านทั้งในระดับทวิภาคและพหุภาคี
โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและมองไปข้างหน้าในบริบทของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิค-๑๙
รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามในฐานะ
“หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข็มแข็ง (Strengthened
Strategic Partnership)”
ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและตอบสนองต่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
โดยเน้นความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโต ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติ และความเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม
ครั้งที่ ๔ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7460 | การขออนุมัติกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง | พน. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศเป็นจำนวนไม่เกิน
๓๐,๐๐๐
ล้านบาท (ปัจจุบันกำหนดไว้ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ในการกู้ยืมเงินแต่ละคราวให้ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเสนอเหตุผลความจำเป็นในการกู้เงิน
รายละเอียดการกู้เงินซึ่งประกอบด้วยแผนการกู้เงิน แผนการใช้จ่ายเงินกู้
และแผนการชำระหนี้ต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ วงเงินกู้จะต้องไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท หรือวงเงินอื่นที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกา
การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการก่อหนี้สาธารณะ
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๓.อนุมัติการกู้ยืมเงิน
โดยให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการกู้เงินเฉพาะวงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่
และจะดำเนินการกู้เงินเพิ่มเติม วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้ต่อเมื่อร่างพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้แล้ว
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๔. ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความสามารถในการชำระหนี้ คำนึงถึงกรอบและวินัยการใช้จ่ายเงิน
การกู้เงินเป็นการก่อหนี้สาธารณะ
ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเคร่งครัดด้วย
และควรกำหนดแนวทางการบริหารกิจการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้มีความยืดหยุ่นและรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕.
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรคำนึงถึงกรอบและวินัยการใช้จ่ายเงิน
และเร่งดำเนินการศึกษาและกำหนดมาตรการในระยะยาวในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาดและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้กับประชาชนด้วย
|