ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 378 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7541 - 7560 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7541 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2565 | นร 05 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ
ประจำปี ๒๕๖๕ แล้ว ลงมติว่า ๑. รับทราบภาพรวมวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๕ จำนวน ๑๙
วัน และเห็นชอบให้กำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี ๒๕๖๕ จำนวน ๔ วัน
ได้แก่ (๑) วันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๒)
วันศุกร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๓) วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ และ (๔) วันศุกร์ที่
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน
หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญ ในวันหยุดราชการดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้วซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๓.
ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แล้วแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7542 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 12/2564 | นร.11 สศช | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ (Baiya) ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙
ChulaCov๑๙ mRNA เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม
และการผลิต เพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรอบวงเงินรวม ๒,๓๑๖.๘๐๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป (๓)
เห็นชอบในหลักการโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ (Baiya)
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรอบวงเงิน ๑,๓๐๙.๐๐๐๐ ล้านบาท
โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เร่งจัดทำแผนบริหารวัคซีนทั้ง ๒ ชนิด ให้ครบถ้วนชัดเจนในทุกขั้นตอน ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (Baiya) ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7543 | การกำหนดวันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2564 เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออก | นร 05 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง
การกำหนดวันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออกแล้ว ลงมติว่า ๑.
เห็นชอบให้วันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออกตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
(ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี
ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว)
ตามความเห็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ
เครืองาม) เสนอ ๒.
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น
หรือราชการสำคัญในวันหยุดราชการดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรโดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน
๓.
ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
และกระทรวงแรงงานพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แล้วแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7544 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 | กต. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7545 | ผลการหารือการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. โครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนาน | พณ. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7546 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2559 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
และหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามข้อ ๒ (๒) (๓) (๔) และ (๕) และหนังสือรับรองการแจ้งตามความในข้อ
๓ ของกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย
พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไปอีกหนึ่งปีนับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
สำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังของประเทศด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
(เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7547 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 | กษ. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบกระแสเงินสด
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7548 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ.... | กค. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการกำหนดให้ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งออกซึ่งชำระอากรไม่ครบถ้วน
โดยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียอากร
และได้นำอากรที่ยังชำระไม่ครบถ้วนมาชำระต่อกรมศุลกากร
ให้ได้รับการลดเงินเพิ่มเหลือร้อยละ ๐.๒๕ ต่อเดือนของอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม
นับแต่วันที่นำของออกไปจากอารักขาของกรมศุลกากรหรือส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไปได้ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7549 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนสุขาภิบาล 5 (ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช) กับถนนนิมิตใหม่ พ.ศ. .... | มท. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนสุขาภิบาล ๕ (ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช)
กับถนนนิมิตใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงท่าแร้ง
เขตบางเขน แขวงคลองถนน แขวงออเงิน เขตสายไหม และแขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนสุขาภิบาล ๕
(ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช) กับถนนนิมิตใหม่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปถือปฏิบัติ
โดยเคร่งครัดต่อไป
และรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างทางหลวงตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงาน
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการพัฒนาภายใต้ความรับผิดชอบในพื้นที่ตามความจำเป็น
ความเหมาะสม และความพร้อมในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7550 | การแก้ไขปัญหาการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและการเผยแพร่ข่าวหรือข้อมูลปลอม (Fake News) | นร. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการตามนโยบายรัฐบาล
โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการปฏิรูประบบราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เกิดผลเป็นรูปธรรมและประชาชนในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
ในฐานะประธานกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งจัดทำปฏิทินและแผนการติดตามความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการในเรื่องต่าง
ๆ ในความรับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นไปยังคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
โดยให้จัดเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล (Agenda) เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้มีการหารือและกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานสำคัญ
ๆ ดังกล่าว ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7551 | การติดตามความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการตามนโยบายของรัฐบาล | นร. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการตามนโยบายรัฐบาล
โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการปฏิรูประบบราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เกิดผลเป็นรูปธรรมและประชาชนในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
ในฐานะประธานกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งจัดทำปฏิทินและแผนการติดตามความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการในเรื่องต่าง
ๆ ในความรับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นไปยังคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
โดยให้จัดเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล (Agenda) เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้มีการหารือและกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานสำคัญ
ๆ ดังกล่าว ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7552 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2564) | ปสส. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7553 | การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG | อก. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนในการประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศและสนับสนุนการสร้างอาชีพให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
เร่งหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ
ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความเป็นอยู่ของประชาชนในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งให้สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีขาว
(Bio-Circular-Green Economy : BCG Model)
เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7554 | การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 | นร.14 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
7555 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปง. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรับปรุงมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
เกิดความเป็นธรรม และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาตามประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมชื่อหมวด ๒ การรายงานและการแสดงตน
อาจซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
การกำหนดให้ทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินปลอดจากบรรดาทรัพย์สินหรือภาระทั้งปวง ในกรณีเจ้าของ
ผู้รับโอน หรือผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าว
และไม่สอดคล้องมาตรา ๕๓ ควรปรับปรุงถ้อยคำในมาตรา ๓(๗)
ให้สอดคล้องกับฐานความผิดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติดังกล่าว
พิจารณาถึงความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นและอุปสรรคในการปฏิบัติงานตามกฎหมายของสมาคม
มูลนิธิ หรือองค์กรไม่แสวงหากำไร ควรเพิ่มข้อกฎหมายถึงอำนาจหน้าที่การตรวจยึด
อายัด การเก็บรักษาทรัพย์สิน ในระหว่างที่รอคำสั่งยึด
อายัดของคณะกรรมการธุรกรรมให้ชัดเจน การกำหนดให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจที่จะสามารถใช้ดุลยพินิจยึดเงินตรา
เงินตราต่างประเทศ หรือตราสารเปลี่ยนมือไว้ชั่วคราว และหากเกิดการไล่เรียงเลขมาตราคลาดเคลื่อน
มาตราที่เพิ่มขึ้นควรเป็นมาตรา ๔๖/๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
และให้รวมพิจารณากับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้เป็นฉบับเดียวกัน
ตลอดจนพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับร่างกฎหมายว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกันด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๓.
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้สาธารณชนได้ทราบถึงการขยายขอบเขตของความผิดมูลฐาน
และกำหนดแนวทางปฏิบัติของผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ตลอดจนเร่งดำเนินการบูรณาการและจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลบุคคลที่ได้รับประโยชน์ในทอดสุดท้าย
เพื่อยกระดับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7556 | การเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยตามกลไก Universal Periodic Review รอบที่ 3 | กต. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ เห็นชอบ
และอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบความคืบหน้าของการเตรียมการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย
(รายงานประเทศฯ) ตามกลไก Universal Periodic Review : UPR รอบที่ ๓
และสั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการนำเสนอรายงานฯ
รวมถึงรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการและจัดเตรียมข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบในโอกาสแรก
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับชี้แจงหากได้รับการสอบถามระหว่างการเสนอรายงานด้วยวาจา ๑.๒
เห็นชอบร่างกรอบพิจารณาข้อเสนอแนะในช่วงการนำเสนอรายงานประเทศฯ ตามกลไก UPR
รอบที่ ๓ และคำมั่นโดยสมัครใจของไทย
และอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยพิจารณามีท่าทีในช่วงการนำเสนอรายงานด้วยวาจาตามกรอบดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า
การประกาศคำมั่นโดยสมัครใจของไทยเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ นั้น
หากรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นโดยสมัครใจดังกล่าวในเรื่องต่าง ๆ
ได้อย่างครบถ้วน เช่น การเข้าถึงบริการในการจดทะเบียนเกิดและทะเบียนราษฎร
รวมทั้งการพิจารณาให้สัญชาติและสิทธิความเป็นพลเมืองกับบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ
การส่งเสริมมาตรการบังคับสำหรับภาคธุรกิจในการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
เป็นต้น
อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าและบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทยได้
จึงควรพิจารณาดำเนินการประกาศคำมั่นฯ ให้เหมาะสม รอบคอบ
สอดคล้องกับความสามารถในการปฏิบัติได้จริง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7557 | การทบทวนปรับปรุงกฎกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน | นร. | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานเร่งรัดพิจารณาทบทวนกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติต่าง
ๆ ซึ่งมีอยู่กว่า ๗,๐๐๐ ฉบับ ให้เหมาะสมแก่กาลปัจจุบันตามหลักการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
(ex post evaluation) ตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และให้แก้ไขเพิ่มเติมให้นำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการยื่นคำขออนุมัติ
อนุญาต จดทะเบียน หรือรับแจ้งเป็นหลัก เพื่อลดภาระและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ
อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามนโยบายรัฐบาลที่เปิดกว้าง (Open
Government) และนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ของรัฐบาล อันจะเป็นการเสริมสร้างความโปร่งใส
ในการทำงานของภาครัฐ
และสมควรให้ฝ่ายกฎหมายของหน่วยงานของรัฐพัฒนาการทำงานในลักษณะที่เป็นหน่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
(Efficiency Enhancement
Unit) ด้วย
เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีมติ ๑. ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดการพิจารณาทบทวนกฎกระทรวงที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแนวทางดังกล่าวโดยเร็ว
และให้ทุกกระทรวงรายงานแนวทางการแก้ไขกฎกระทรวงตามดำริดังกล่าวภายใน ๑ เดือน
รวมทั้งเร่งรัดการพัฒนาการดำเนินงานของฝ่ายกฎหมายของทุกหน่วยงานตามแนวทางดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวางกรอบแนวทางในการดำเนินการทบทวนกฎกระทรวงฯ
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้ส่วนราชการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7558 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๓ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT-GT ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานของแผนงาน
IMT-GT ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)
ในเจ็ดเสายุทธศาสตร์ และความคืบหน้าในการจัดทำรางแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๕-๒๕๖๙) รวมทั้งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและเสริมสร้างศักยภาพของอนุภูมิภาคในมิติต่าง
ๆ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙)
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม
และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7559 | ผลการประชุม “The 13th Inclusive Framework on BEPS” | กค. | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม
“The 13th Inclusive Framework on BEPS” เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
เพื่อให้ประเทศสมาชิกพิจารณากรอบข้อเสนอแนวทางการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
[The Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] ฉบับปรับปรุง (Revised Inclusive Framework Statement) ซึ่งเป็นกรอบข้อเสนอที่มีการหาข้อสรุปในประเด็นที่ยังคงค้างและปรับปรุงแล้วจาก
Inclusive Framework Statement ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
รวมถึงแผนการนำไปปฏิบัติ (Detailed Implementation Plan) โดยผลของการประชุมฯ
ถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีโลกในยุคดิจิทัลที่มีความคืบหน้าและมีนัยสำคัญต่อประเทศไทย
โดยมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและการโอนย้ายกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ
(Tax Haven) สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี
รวมทั้งการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และเพื่อป้องกันประเทศต่าง ๆ
ดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ โดยการแข่งขันกันลดอัตราภาษี ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศไทย
นโยบายทางการค้าและการลงทุนของประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้น
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยต่อผลกระทบของ Pillar 1 และ Pillar 2 กระทรวงการคลังจะได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาผลกระทบของข้อเสนอการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของ
OECD ซึ่งประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7560 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 25/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) จากเดิม ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ เป็น ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ โดยวันจันทร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
จะเป็นการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี และวันอังคารที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ จะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|