ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 375 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7481 - 7500 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7481 | รายงานความก้าวหน้าการพิจารณาของศาลปกครองกลางและการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในคดีหมายเลขดำที่ 620/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 1948/2563 ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) | นร.01 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑.
คำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ ๖๒๐/๒๕๕๙ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๙๔๘/๖๓
ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ร้อง กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)
ผู้คัดค้าน ที่พิพากษายกคำร้องและให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒.
การเตรียมการต่อสู่คดีเพื่ออุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ยกคำร้องตามข้อ ๑
และการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7482 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๓๓๙/๒๕๖๔ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม
๒๕๖๔ โดยเป็นการแก้ไขคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๐/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ เนื่องจากพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๑๐๙ บัญญัติให้มี “คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด”
ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ
นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7483 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 6/2564 | นร.04 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม
กตน. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) แผนงาน/โครงการการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง
(๒) วิจัยและนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน และ (๓) แผนการดำเนินงานของ
กตน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7484 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 3/2564 | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เช่น ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป การเบิกจ่ายเงินกู้โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ การเบิกจ่ายเงินกู้โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7485 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564) | ปสส. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่
๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ และวันพุธที่ ๒๒
ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่องที่ค้างมาจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๔
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๓
ธันวาคม ๒๕๖๔ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓
ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7486 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียน ในการต่ออายุ ครั้งที่ 3 ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลียกับรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ 2 และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ | กต. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการต่ออายุครั้งที่
๓
ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศออสเตรเลียกับรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย
ระยะที่ ๒ และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว
โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย
ระยะที่ ๒ (เอเอดีซีพีสอง) ครั้งที่ ๓ ออกไปอีก ๑ ปี จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
และแก้ไขบันทึกความเข้าใจในส่วนของอารัมภบท หมวดที่ ๒ (ข้อ ๒ และข้อ ๓) หมวดที่ ๓
(ข้อ ๑) หมวดที่ ๖ (ข้อ ๑ และข้อ ๒) และหมวดที่ ๑๑ (ข้อ ๒)
ให้สอดคล้องกับการต่ออายุบันทึกความเข้าใจดังกล่าวตามที่ปรากฏข้อความที่แก้ไขในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของรัฐบาลออสเตรเลีย
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามหมวดที่ ๑๒ การขยายเวลา (Extension)
และหมวดที่ ๑๐ การแก้ไข (Amendments) ของบันทึกความเข้าใจฯ
ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7487 | การให้คำมั่นทางการเมืองอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณารายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป (EU List of Non- cooperative Jurisdictions for Tax Purposes : EU List) ข้อ 3.2 | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการมีหนังสือลงนามระดับรัฐมนตรีถึงประธาน Code of Conduct
Group (CoCG) เพื่อให้การให้คำมั่นทางการเมืองอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณารายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป
(EU List of Non- cooperative Jurisdictions for Tax
Purposes : EU List) ข้อ ๓.๒
ว่าประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อแนะนำโดยทั่วไปของ Inclusive Framework ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของ Country-by-Country Reports (CbCR) ให้ครบถ้วน
ภายในกำหนดเวลาการจัดทำรายงาน Action ๑๓ Peer Review ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7488 | การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๔ แห่ง ได้แก่
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยปรับลดอัตราเงินนำส่งลงกึ่งหนึ่งจากร้อยละ ๐.๒๕
ต่อปี เป็นร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี (ร้อยละ ๐.๐๖๒๕ ต่องวด)
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน ออกไปอีก ๑ ปี สำหรับกรอบในการนำส่งเงินในปี ๒๕๖๕
(งวดเดือนมกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๕ และงวดเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕)
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจบริหารสภาพคล่องอันเนื่องมาจากการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ
เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
รวมถึงเตรียมรองรับมาตรการของรัฐที่อาจมีเพิ่มเติมในระยะถัดไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7489 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๔๐) ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล
โดยขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์
(พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว) ต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕
และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการทั่วราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่
ซึ่งกำหนดให้ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มสามารถเปิดบริการเพื่อการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ตามเวลาเปิดทำการปกติในวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงเวลา ๐๑.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕
และปรับปรุงมาตรการกำหนดประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๓/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง
และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๖๔
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุด และกำหนดพื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น ๓๙ จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง
รวมทั้งสิ้น ๓๐ จังหวัด และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น ๒๖ จังหวัด
(เพิ่มจังหวัดชลบุรีทั้งจังหวัด) ๓.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๙) ลงวันที่
๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันโรคและหลักเกณฑ์การดำเนินการในสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนดให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19
ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ๖ ประเภท ได้แก่ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7490 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 2/2564 | คค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร
วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน ซี่งที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑)
รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
(๒) รายงานความคืบหน้าแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ
(๓) รายงานความคืบหน้าการศึกษาการแก้ปัญหาจราจรบนทางพิเศษ (๔)
แผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ (๕) การดำเนินการระบบขนส่งสาธารณะเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง
(สถานีรังสิต) เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7491 | โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕ สำหรับประชาชน
ของกระทรวงคมนาคม ซี่งได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง/ให้บริการฟรี/ปรับลดอัตราค่าบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม
(๒) การอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ (๓) ส่งความสุขด้วยการแจกของขวัญ
ของที่ระลึกในช่วงเทศกาลปีใหม่ (๔) การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
และ (๕) โครงการ “คมนาคมสีสัน สร้างสรรค์ประเทศไทย” ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7492 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 | คค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางของประชาชน
โดยไม่มีการเก็บค่าผ่านทางพิเศษของค่าผ่านทางพิเศษดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๓๐
ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐.๐๑ นาฬิกา-วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๕ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7493 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 18/2564 | นร.11 สศช | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาข้อเสนอแนวทางการดำเนินการตามมาตรา
๖ แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๒)
และการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งการพิจารณาข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๒) แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ มาใช้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๑)
แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๒) จำนวน ๖๐,๐๐๐
ล้านบาท เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ๑.๒ อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) ปี พ.ศ.
๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๖,๒๙๗,๗๐๐,๖๐๐ บาท และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca)
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๘,๗๖๒.๕๑๖๐ ล้านบาท ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบหมายให้กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้
พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ อนุมัติโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐของสำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงิน ๖๐๗.๑๕๕๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการกลุ่มที่
๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง
ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของภาครัฐ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัด นอกจากนี้ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๑.๔ อนุมัติโครงการ
Thailand Festival Experience ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรอบวงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการ
กลุ่มที่ ๓ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด
-๑๙ อย่างเคร่งครัดและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้ฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๕ มอบหมายให้กรมการจัดหางานดำเนินโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับธุรกิจ SMEs สมัครเข้าร่วมโครงการฯ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากในปัจจุบัน จนทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องประกาศมาตรการควบคุมไม่ให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๖๕
เห็นควรมอบหมายให้กรมการจัดหางานพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ
เสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๑.๖ อนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยการเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จํานวน cn Comm จำนวน ๖,๒๑๘ คน กรอบวงเงิน
๑๒.๔๓๖๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากกรอบวงเงินของโครงการในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม และวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ และขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
เป็นสิ้นสุดในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อให้ภาครัฐสามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนและผู้ปกครองได้อย่างครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
ทั้งนี้
เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ
แล้ว เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๑ กระทรวงการคลังที่เห็นว่า
๑) ขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กฎหมายข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
๒) เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ขอให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการและกรอบวงเงินกู้
และมีมติให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการแล้ว ขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำและปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้รายเดือนให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้กระทรวงการคลังบริหารเงินกู้ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้จ่ายจริง
และบริหารหนี้สาธารณะให้มีต้นทุนที่เหมาะสมต่อไป และ ๓) เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัด สำหรับโครงการที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีกหากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบและส่งคืนเงินเหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ๒.๒ สำนักงบประมาณเห็นว่า
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพคุ้มค่าและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ๒.๓ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า
เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๓.๑ เร่งดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยใช้แหล่งเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นลำดับแรกก่อน เพื่อมิให้เสียโอกาสในการพิจารณาจัดสรรวงเงินกู้ให้กับโครงการอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ๒.๓.๒ ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณจัดสรรเหลือจ่าย
การโอนเงินจัดสรร และหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ให้หน่วยงานรับผิดชอบรายงานการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่มีการโอนเงินจัดสรรและหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเสนอเรื่องการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการฯ
ตามข้อ ๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔)
ต่อไป ๒.๓.๓ ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือดำเนินโครงการแล้วเสร็จให้เร่งเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
พิจารณาตามขั้นตอนของข้อ ๑๘ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7494 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ | คค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7495 | การให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (นายโสภณ เมฆธน) | นร.04 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ นายโสภณ เมฆธน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม
๒๕๖๔ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7496 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum Of Understanding : MOU) ด้านความร่วมมือความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับเทศบาลนครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น (Osaka City Government) | สกพอ. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum
Of Understanding : MOU) ด้านความร่วมมือความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย
๔.๐ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับเทศบาลนครโอซากา
ประเทศญี่ปุ่น (Osaka City Government) และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวของฝ่ายไทย
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
โดยเห็นว่า ๑.
ควรเพิ่มเนื้อหาในข้อ ๑ ดังนี้ “1. Toward the development of a
Carbon Neutrality in EEC, both Participants make efforts
to promote mutual cooperation amicably taking into account their
respective capabilities and different national circumstances, in the following:” เพื่อคำนึงถึงความสามารถ
และสถานการณ์ของแต่ละประเทศในการดำเนินงานภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจนี้ ตามหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(United Nations Framework Convention on Climate
Change หรือ UNFCCC) ๒. ควรเพิ่มเนื้อหาในข้อ
๑ (๑) ดังนี้ “(1) Sharing knowledge and transferring technology of
standard and systems supporting the Carbon Neutrality policies of EEC;” เพื่อให้ครอบคลุมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีซึ่งเป็นบทบาทของประเทศพัฒนาแล้วที่จะสนับสนุนให้กับประเทศกำลังพัฒนาภายใต้
UNFCCC ๓. ควรเพิ่มเนื้อหาในข้อ
๑ (๒) ดังนี้ “(2) Creating new projects toward the realization of
a Carbon Neutrality taking into account mitigation co-benefits;” เพื่อให้ครอบคลุมถึงผลประโยชน์ร่วมอื่นที่เกิดขึ้นจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย
๔.๐ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับเทศบาลนครโอชากา
ประเทศญี่ปุ่น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7497 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และอุปทานอาหารแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์
และอุปทานอาหารแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และอุปทานอาหารแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราชิล
ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรติดตามและประเมินผลความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง
เพื่อต่อยอดความร่วมมือในมิติอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7498 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | ดศ. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชนได้ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา
สุขภาพอนามัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7499 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 40/2564 | นร.11 สศช | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยโคโรนาไวรัส COVID-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
(โครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยฯ) ของโรงพยาบาลมหานครเชียงใหม่
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยฯ
จากเดิมสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (๒) อนุมัติให้กรมประมง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการทั้ง ๕
โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำจืด (ปลาดุก/กบ) ในกระชัง
โครงการส่งเสริมการเลี้ยงปลาดุกเทศ
เพื่อเยียวยาผู้ซึ่งได้รับผลกระทบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านประมงเชิงเกษตรและท่องเที่ยวบ้านวังดอกไม้
โครงการสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า และพัฒนาการสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่มแปรรูปสินค้าประมงในจังหวัดสตูล
และโครงการสนับสนุนการเลี้ยงปูทะเลแบบพัฒนาในบ่อดินในจังหวัดสตูล โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๓) อนุมัติให้กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยกเลิกรายการภายใต้โครงการเงินกู้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
บริหารจัดการน้ำ และเพิ่มพื้นที่ชลประทาน จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๒.๐๙๕๐ ล้านบาท
ทำให้กรอบวงเงินของโครงการฯ ปรับลดลง ๔,๒๒๔.๘๒๔๖ ล้านบาท
เป็น ๔,๒๒๒.๗๒๙๖ ล้านบาท (๔)
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
(พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔) เร่งดำเนินการโดยใช้แหล่งเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นลำดับแรกก่อน และ (๕) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
(พระราชกำหนดกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๖๓) ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๖ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๔) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๖๕๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
7500 | รายงานผลการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | นร.12 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานผลการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (มาตรการฯ) พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการดำเนินมาตรการฯ
เพื่อให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายใต้กรอบของกฎหมายของแต่ละหน่วยงานในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ยังไม่คลี่คลาย ดังนี้ อำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตหรือขอรับบริการ
ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในกรณีการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาตหรือขอรับบริการ
เช่น ขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาต ขยายอายุใบอนุญาต
ขยายระยะเวลาการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
พัฒนาการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มรูปแบบ งดหรือยกเว้นหรือลดค่าปรับ
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ค่าบริการหรือค่าธรรมเนียม เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานของรัฐควรพิจารณาดำเนินการตามมาตรการฯ ให้สอดคล้องกับการรักษาประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐและประชาชนในการขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐควบคู่ไปด้วย
การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามมาตรการฯ ต้องปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายของหน่วยงาน
และพิจารณาเสนอกฎหมายกลางเพื่อให้ส่วนราชการมีอำนาจขยายระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดได้
และส่งเสริมการแก้ไขกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดในการพัฒนาและการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการให้บริการประชาชนเพื่อมุ่งสู่การยกระดับงานบริการรองรับการเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืนต่อไป
พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้มาตรการฯ
ในระดับพื้นที่และภูมิภาคให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
และมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการดำเนินการเกี่ยวกับการอนุญาตที่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนในกฎหมาย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |