ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1803 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36041 - 36060 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36041 | ยุทธศาสตร์มาตรฐาน ความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหาร ปี 2553 - 2556 | กษ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์มาตรฐานความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหาร ปี 2553-2556 เพื่อ ยกระดับด้านมาตรฐาน คุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ แข่งขันด้านสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศอย่างยั่งยืน สนับสนุนให้เกิดความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่มี มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อสร้างความตระหนักให้เห็นความสำคัญ ตลอดจนความรู้ความเข้าใจที่ถูก ต้อง รวมทั้งเพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิ ภาพและประสิทธิผล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาสินค้าเกษตรคุณภาพรายสินค้าพืช ประมง ปศุสัตว์ 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 สนับสนุนผู้ผลิตเข้าสู่ระบบมาตรฐาน 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และตลาดสินค้าเกษตร 1.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างระบบอาหารศึกษาเพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านมาตรฐาน 1.5 ยุทธศาสตร์ที่ 5 สร้างความมั่นใจในมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณ สุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการควบคุม กำกับ ดูแล ส่งเสริม และพัฒนาด้านมาตรฐานอาหาร คุณภาพอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหาร และระบบอาหารศึกษาของประเทศไทย คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานของทั้ง สองกระทรวงในการคุ้มครองผู้บริโภคทุกระดับทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร และอาหารในเวทีโลกให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ต่าง ๆ จึงต้องเป็นการประสานงาน บูรณาการและเกื้อกูลกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข และความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ายุทธศาสตร์ฯ มุ่งเน้นเฉพาะสินค้าเกษตรและ อาหารเพื่อการส่งออก ซึ่งในหลักการของการสร้างมาตรฐาน ความปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหารจะต้องให้ความ สำคัญกับการสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้บริโภคทุกระดับทั้งในและต่างประเทศให้มีโอกาสในการเข้าถึงสินค้าเกษตร และอาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกรและผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมใน ด้านการผลิต ราคา และคุณภาพ นอกจากนี้ ควรเร่งสร้างและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้ สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะตามข้อตกลงด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ขององค์การการค้าโลก รวมทั้งเร่งรัดการเจรจาด้าน SPS ภายใต้ความตกลงการยอมรับร่วม (MRA) ที่ได้มีการตกลงไว้แล้วทั้งในกรอบอาเซียน และประเทศคู่เจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอื่นเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTB) และลดมาตรการปกป้องพิเศษ สำหรับสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดตั้งคณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์มาตรฐานความ ปลอดภัยสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อเป็นกลไกดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหรณ์เสนอ 4. สำหรับงบประมาณรองรับยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณราย จ่ายโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ภาระงบประมาณ และศักยภาพของหน่วยงานที่จะดำเนินการต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
36042 | ขออนุมัติดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. 2554 - 2559 | กษ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการผลักดันการส่งออกกล้วยไม้ ปีละ 10,000 ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยในตลาดโลก พ.ศ. 2554-2559 เพื่อให้ ต่อเนื่องจากโครงการผลักดันการส่งออกกล้วยไม้ ปีละ 10,000 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ. 2553 โดย มีเป้าประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกกล้วยไม้ไทย โดยมีเป้าหมายอัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยร้อย ละ 19.24 ต่อปี และมีเป้าหมายการส่งออกมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว และถือเป็นนโยบายให้ทั้งภาครัฐร่วมกับหน่วยงาน และเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ร่วมมือปฏิบัติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น พร้อมทั้งข้อสังเกตของกระทรวง การคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการ วิจัยแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีการรณรงค์ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและหลีกเลี่ยงการค้าและการส่งออกกล้วยไม้ป่าชนิดที่ได้รับการอนุรักษ์และ ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนากล้วยไม้ เชิงพาณิชย์ คำนึงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการที่จะส่งผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ และคุ้มค่าต่อ เศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของกล้วยไม้ไทย มีการติดตามประเมินผลการดำเนินเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ ผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้และการถ่ายทอดเทค โนโลยีให้เกษตรกร โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศคู่ค้า การ ส่งเสริมและสนับสนุนคลัสเตอร์กล้วยไม้ที่เข้มแข็งมาใช้เป็นแนวทางขยายผลในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบ การณ์ให้แก่กลุ่มกล้วยไม้อื่นๆ การพัฒนาโลจิสติกส์กล้วยไม้ การสนับสนุนบทบาทของภาคเอกชนและเกษตรกรใน การขับเคลื่อนการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ให้หลากหลายและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การแข่งขันอุตสาหกรรมกล้วยไม้ในระยะยาว รวมทั้งส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาในพื้นที่และหน่วยงานสนับสนุน การวิจัยอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานของเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย 3. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การแข่งขันกล้วยไม้ไทยฯ ให้สำนักงบประมาณรับ ไปพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ โดยการเบิกจ่ายเงินเพื่อการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ รวมทั้งให้คำนึง ถึงความประหยัดและความเหมาะสม ตามความเห็นของกระทรวงการคลังด้วย |
|||||||||||||||||||||
36043 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ในช่วง 6 เดือนหลัง (1 เมษายน 2552 - 30 กันยายน 2552) | นร | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติดังนี้
1. เห็นชอบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ในช่วง 6 เดือนหลัง (1 เมษายน 2552- 30 กันยายน 2552) สรุปว่า มีการโอนงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน 17,447.122 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.89 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 1,951,700 ล้านบาท (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 1,835,000 ล้านบาท และงบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 116,700 ล้านบาท) สำหรับรายละเอียดการโอนงบ ประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจครั้งนี้ จำแนกเป็น 2 กรณี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการ บริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 คือ เป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการที่ต้องขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณตามระเบียบฯ ข้อ 27 จำนวน 6,465.589 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.33 ของงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายโดยใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 ข้อ 24-26 จำนวน 10,981.533 ล้านบาท คิดเป็นร้อย ละ 0.56 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอรัฐ สภาทราบต่อไป 2. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) หารือร่วมกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณา ปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36044 | โครงการตามผลการประชาคมหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและกำหนดเป็นนโยบายที่จะเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณจากพระราชกำหนดให้
อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ในสาขาการลงทุนในระดับ ชุมชน จำนวน 2,471.43 ล้านบาท สำหรับโครงการตามผลการประชาคมหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยัง ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เป็นโครงการที่ควรได้รับการพิจารณาในลำดับความสำคัญลำดับแรกต่อไป ตามที่รอง ฃนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รองประธานกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาค ใต้เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงแรงงานนำเสนอแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรม การกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อพิจารณาตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
36045 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และ
สุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้าน นิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้มีองค์การอิสระขึ้นหนึ่งองค์การโดยทำงานในรูปคณะกรรมการ ซึ่งมาจากผู้แทนองค์การ เอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยา กรธรรมชาติ หรือด้านสุขภาพ 2. กำหนดให้มีคณะกรรมการจัดการการคัดเลือกกรรมการองค์การอิสระ ประกอบด้วยผู้แทนองค์การ เอกชนจากด้านสิ่งแวดล้อม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านสุขภาพ ผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษาจากด้านสิ่ง แวดล้อม ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้านสุขภาพ ผู้แทนภาครัฐ และผู้แทนองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 3. กำหนดกระบวนการและขั้นตอนในการคัดเลือกกรรมการองค์การอิสระ 4. กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การอิสระ 5. กำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการองค์การอิสระ
|
|||||||||||||||||||||
36046 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กษ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้อง
ที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวน คืน ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการประตูระบายน้ำแม่สอย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36047 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | คค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน 3 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำหนด จำนวน ชนิด ขนาด และเงื่อนไขในการดำรงหลัก ประกันและสินทรัพย์ของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจดทะเบียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดหลักประกันของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจดทะเบียน ตามมาตรา 39 (1) อาจเป็น ชนิดใดชนิดหนึ่ง ได้แก่ กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดแบบกำหนดเวลา ตามเงื่อนไข หนังสือรับรองจากสมาคม สถาบัน หรือองค์กรที่ให้ความคุ้มครองสมาชิก หนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือหลักประกันอื่นใดในลักษณะ เดียวกัน เป็นต้น ทั้งนี้ ตามจำนวนเงินความรับผิดหรือวงเงินค้ำประกันที่กำหนด 1.2 กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจดทะเบียน ตามมาตรา 39 (1) ต้องเพิ่มวงเงินให้เท่า กับจำนวนที่กำหนดไว้ เมื่อมีการบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารหรือหลักประกันอื่นใด 1.3 กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจดทะเบียน ตามมาตรา 39 (1) ต้องดำรงสินทรัพย์ขั้น ต่ำไว้ไม่น้อยกว่าแปดหมื่นหน่วยสิทธิพิเศษถอนเงิน ตลอดระยะเวลาที่ประกอบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดแจ้งเป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องหลาย รูปแบบและการตั้งตัวแทนหรือสำนักงานสาขาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 2.1 กำหนดให้ยื่นคำขอจดแจ้งเป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบพร้อมตั้งตัวแทนหรือ ตั้งสำนักงานสาขาในราชอาณาจักรตามแบบ ขต.-ค5 ท้ายกฎกระทรวงนี้ ต่อนายทะเบียน ณ สำนักส่งเสริมการ ขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า 2.2 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณา และดำเนินการคำขอจดแจ้งเป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง หลายรูปแบบของนายทะเบียน 2.3 กำหนดให้ใบจดแจ้งเป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบให้เป็นไปตามแบบ ขต.-บ5 ท้ายกฎกระทรวงนี้ 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอต่ออายุใบทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการ ขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 3.1 กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจดทะเบียนยื่นคำขอต่ออายุใบทะเบียนต่อนายทะเบียน ณ สำนักส่งเสริมการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า พร้อมเอกสารและหลักฐาน 3.2 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาและดำเนินการคำขอต่ออายุใบทะเบียนของนายทะเบียน
|
|||||||||||||||||||||
36048 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (พลเอก สุภาษิต วรศาสตร์ และนายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล) | นร | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 เรื่อง การให้กรรมการผู้ช่วย
รัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (พลเอก สุภาษิต วรศาสตร์ และนายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล) ตามหนังสือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||
36049 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางพิมพ์ใจ ทองดี) | กค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางพิมพ์ใจ ทองดี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36050 | รายงานผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อ
การบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ครบกำหนดในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 3 รุ่น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2553 ได้แก่ ตั๋ว สัญญาใช้เงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ครั้งที่ 1 วงเงิน 6,000 ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ครั้งที่ 2 วงเงิน 9,000 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 1 วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้ 1. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 วงเงิน 6,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ครบกำหนดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 2. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 วงเงิน 9,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ครบกำหนดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 3. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 3 วงเงิน 10,000 ล้านบาท อายุ 7 ปี ครบกำหนดวันที่ 2 มีนาคม 2560
|
|||||||||||||||||||||
36051 | ผลการดำเนินโครงการประชุมเจรจาซื้อขายผลไม้ในภูมิภาค ปีงบประมาณ 2553 | พณ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการประชุมเจรจาซื้อขายผลไม้ในภูมิภาค ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2553 สรุปได้ดังนี้ ผลการจัดประชุมเจรจาซื้อขายผลไม้ในภูมิภาคระหว่างผู้ส่งออก/ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Modern Trade) กับเกษตรกร/สหกรณ์ ซึ่งประกอบด้วย ภาคตะวันออก ณ จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 2-3 มีนาคม 2553 ภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 1-2 เมษายน 2553 และภาคใต้ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 8 -9 เมษายน 2553 ผลการดำเนินการทั้ง 3 ภูมิภาค มียอดสั่งซื้อผลไม้เบื้องต้น 63,150.5 ตัน แบ่งเป็นภาค ตะวันออก 16,449.5 ตัน ภาคเหนือ 12,217 ตัน และภาคใต้ 34,484 ตัน โดยผลไม้หลักที่มีการสั่งซื้อ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง มังคุด เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่อไป จะเชิญเกษตรกร สหกรณ์ หอการค้าจังหวัด และผู้ส่งออกสินค้าผลไม้จากภูมิภาคมาเยี่ยมชมงาน THAIFEX-World of Food Asia ระหว่างวัน ที่ 30 มิถุนายน-4 กรกฎาคม 2553 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสินค้า และสู่แนวคิดการผลิตเพื่อการส่งออกต่อไป รวมทั้งได้ร่วมมือกับบริษัทเทสโก้ โลตัส ดำเนินโครงการ "ผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก" เพื่อจำหน่ายและส่งเสริมการ ตลาดผลไม้ไทย ในระหว่างวันที่ 10-30 พฤษภาคม 2553 ณ สหราชอาณาจักร
|
|||||||||||||||||||||
36052 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดตะพงนอก ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดตะพงนอก
ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดตะพงนอก ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยาย ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สายกรุงเทพมหานคร-ตราด ที่บ้านเกาะกะบาก บ้านตะพงนอก บ้านปากทางเพ บ้านมาบหวายโสม บ้านต้นลำดวน บ้านปากทางกะเฉด บ้านปากทางท่าเรือแกลง บ้านบ่อทอง บ้านคลองคา และบ้านวังหิน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36053 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดพระธาตุสบแวน ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดพระธาตุสบแวน ตำบลหย่วน อำเภอ
เชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดพระธาตุสบแวน ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1021 สายแยกทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 1 (แม่ต๋ำ)-เทิง ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36054 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดหนองตะครอง ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดหนองตะครอง ตำบลหนองเต็ง
อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดหนองตะครอง ตำบล หนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่กรมทางหลวง ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36055 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | คค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบาง
หมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะ เวนคืน ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สาย เชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4001 กับทางหลวงชนบท ชพ. 2006 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36056 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่
ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินใน บริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางบ่อ และตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างทาง หลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท สป.2003 กับทางหลวงชนบท ฉช.3001 ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36057 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยานและการดำเนินการสนามบินสาธารณะ จำนวน 10 ฉบับ | คค | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
36058 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. .... | มท | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวน และการพิจารณา
เพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการ จดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลัก เกณฑ์และวิธีการในการตั้งคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวน การแจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสคัดค้าน และการ พิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วย กฎหมาย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36059 | การเข้าร่วมความริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์ | กต | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ไทยเข้าร่วมความริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์ (Global Initiative to Combat Nuclear Terrorism : GICNT) โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานกลาง 2. เห็นชอบต่อร่างหนังสือรับรอง (Letter of Endorsement) และให้กระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือ ดังกล่าวไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศสหรัฐอเมิรกา และสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อให้ไทยเข้าร่วม GICNT อย่างสมบูรณ์และสามารถเข้าประชุมเต็มคณะของ GICNT และกิจกรรมอื่น ๆ ในกรอบ GICNT ได้ |
|||||||||||||||||||||
36060 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายชาเมล เอล ซาเยด นัสเซอร์ (Mr. Shamel El Sayed Nasser)] | กต | 15/06/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาเมล เอล ซาเยด นัสเซอร์ (Mr. Shamel El Sayed Nasser)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทยคน ใหม่ สืบแทนนายโมฮาเมด อัชราฟ โมฮาเมด กามัล เอล โคลี (Mr. Mohamed Ashraf Mohamed Kamal El Kholy) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....