ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1807 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36121 - 36140 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36121 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันทายผลฟุตบอลโลก | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันทาย ผลฟุตบอลโลก ครั้งที่ 19 ซึ่งจะมีการแข่งขันในระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-11 กรกฎาคม 2553 และเร่งรัดดำเนิน การในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่อย่างเข้มงวดต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36122 | โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 | คค | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. สำหรับการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ดำเนินการไปแล้ว ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูสภาพภูมิทัศน์และระบบนิเวศ เช่น การปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เสียหาย และการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการ พังทลายของดิน เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนต้นไม้ที่ได้ตัดฟันไปแล้วนั้น ให้ใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติเท่านั้น 3. ให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตัดฟันต้นไม้ไหล่ทางบนทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 2-ต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงระหว่าง กม. 2+000-กม. 10+100 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรายงานนายกรัฐมนตรีต่อไป 4. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ยุติการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงฯ ในส่วนที่ตัดต่อจาก กม.10+100 และให้สำนักงบประมาณรับไปปรับลดงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่เตรียมจัดสรรไว้เพื่อการดำเนินโครงการในส่วนนี้ของกรมทางหลวงให้สอดคล้องกันด้วย 5. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาและกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดให้พื้นที่โดยรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมทั้งป่าอนุรักษ์ใกล้เคียงให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 6. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ และระยะเวลาในการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป 7. ส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงและทางอื่นใดต่อไปในอนาคต ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างเหมาะสมถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36123 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 7) มีข้อสังเกตเกี่ยวกับหลักการ
ของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทยเสนอ จึงมอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปประสานงานเพื่อให้มีการหารือร่วมกัน แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36124 | การพิจารณาการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยแก่ชาวเอธิโอเปียเพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa-On-Arrival) | กต | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้บุคคลสัญชาติเอธิโอเปียสามารถขอรับการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยว ไม่เกิน 15 วัน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง 1.2 ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดชื่อประเทศที่คน ต่างชาติต้องขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (กำหนดรายชื่อประเทศเอธิโอเปีย เพิ่มขึ้น) ให้รัฐมนตรีว่าการมหาดไทยลงนามเพื่อประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษาต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งผู้ที่จะเดินทางจากสหพันธ์สาธารณรัฐประชา ธิปไตยเอธิโอเปียทุกรายรับวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง ก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 10 วัน และนำใบสำคัญรับรอง การให้วัคซีนหรือการใช้ยาป้องกันโรคระหว่างประเทศ ที่มีรูปแบบตามภาคผนวก 6 ของกฎอนามัยระหว่างประเทศ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ก่อนขอรับการพิจารณาการตรวจ ลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยฯ (Visa-On-Arrival) ตามความเห็นของกระสาธารณสุขด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36125 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและมติคณะรัฐมนตรี สำหรับการดำเนินโครงการด้านการศึกษา สาธิต และจัดทำต้นแบบในโครงการความร่วมมือด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ACMECS | พน | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2530 (เรื่อง การพิจารณาวาง ระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ) ตามที่กระทรวง พลังงานเสนอ 2. สำหรับการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม ข้อ 136 ในการแก้ไขสัญญาว่าจ้างจัดทำโครงการความร่วมมือด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ระหว่างไทยและสหภาพพม่า และข้อ 157 (3) ในการโอนพัสดุที่เกิดจากการดำเนินโครงการด้านการศึกษา สาธิต และจัดทำต้นแบบ จำนวน 14 โครงการ ให้แก่ประเทศสมาชิกภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรว ดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) นั้น ให้ กระทรวงพลังงานนำเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36126 | การมอบหมายผู้รับผิดชอบดูแลสินค้ากุ้งทั้งระบบ | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เป็นผู้รับผิดชอบ
กำกับดูแลสินค้ากุ้งทั้งระบบ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เสนอ ส่วนคณะกรรมการที่จะรับผิด ชอบดำเนินการเรื่องนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) พิจารณาองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะ กรรมการชุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่แล้ว หากสามารถปรับปรุงแก้ไขให้มีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เหมาสมครบ ถ้วนยิ่งขึ้น ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อลดความซ้ำซ้อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36127 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ บริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ไปพิจารณาว่า จะสมควรรวมกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการ พิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิก สภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงาน ด้านนิติบัญญัติ และร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่าง การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้หรือไม่ เพียงใด เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฯ ที่สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมีหลักการบางเรื่องทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว เช่น การ เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นและการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และ บางเรื่องเป็นสาระใหม่ที่ไม่มีกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ เช่น การรายงานการดำเนินงานต่อประชา ชนในการจัดทำงบประมาณ การใช้จ่าย และผลการดำเนินงานในรอบปี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าในการรายงานการ ดำเนินงานที่เกี่ยวกับงบประมาณควรกำหนดขอบเขตของรายรับที่จะรายงานให้ชัดเจน เนื่องจากรายรับขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประกอบด้วยรายได้จาก 3 แหล่ง คือ รายได้ที่ อปท. จัดเก็บเอง รายได้ที่รัฐจัดเก็บให้ และแบ่งให้ และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ ส่วนการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตามร่างพระราชบัญญัติฯ อาจ มีค่าใช้จ่าย จึงควรกำหนดให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของ อปท. ไปพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36128 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 งบกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อย | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพิ่มอีกเป็นจำนวน 285,120,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการปฏิบัติงานของกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจตามแผนรักษาความสงบ (กรกฎ/52) จำนวน 29,700 นาย โดยช่วง เวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นกรณีที่สถานการณ์ ความไม่สงบที่เกิดจากการชุมนุมเรียกร้องที่รุนแรงและเสี่ยงต่ออันตรายมากกว่าปกติ ให้เบิกจ่ายในอัตรา 400 บาทต่อ วัน 2. ส่วนค่าใช้จ่ายของกำลังพลตามคำสั่งปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกจำนวน 1,469 นาย เป็นเงิน 14,102,400 บาท นั้น เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลลอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอ ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการปฏิบัติภารกิจเฉพาะหน่วยงาน ซึ่งในรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เสนอมาไม่ครอบ คลุมภารกิจทั้งหมดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาทบทวนการจัดทำราย ละเอียดการปฏิบัติงานในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ชัดเจนก่อนเพื่อมิให้ซ้ำซ้อน และให้เสนอขอรับจัด สรรงบประมาณเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36129 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 2.5 ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่มีรายชื่อบุคคล จำนวน 246,402 คน ตามที่กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ 2. กรณีของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้นหากได้รับค่าตอบแทนพิเศษในรอบการพิจารณาใดไม่ถึงร้อยละ 4 ให้ได้ รับค่าตอบแทนเป็นร้อยละ 4 ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่ กอ.รมน. เสนอ 3. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง ราย การเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 4. ให้ กอ.รมน. กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผล การปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นที่ชัดเจนและสำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดังกล่าวด้วยเพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ผู้ มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นอย่างแท้จริง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36130 | การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง | นร | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดงานถนนคนเดิน อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองได้เข้าร่วม จัดจำหน่ายสินค้าต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองแต่ยังไม่ได้เข้า ใช้พื้นที่จัดจำหน่ายสินค้าในคราวที่มีการจัดงานถนนคนเดินที่บริเวณถนนสีลม เมื่อวันที่ 28-29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในการจัดงานดังกล่าวไม่ควรนำผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองมาร่วมจำหน่าย สินค้าด้วย รวมทั้งไม่ควรจัดกิจกรรมเสริมอื่น ๆ เนื่องจากจะทำให้สูญเสียพื้นที่ที่สามารถจะนำไปจัดสรรให้ผู้ประกอบ การที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองได้ 2. ให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการให้บริการและการอนุมัติ อนุญาตเรื่องต่าง ๆ พิจารณา ผ่อนปรนและลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองด้วย 3. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการ เมืองรับไปดำเนินการเปิดบัญชี "ไทยสามัคคี" เพื่อให้ประชาชนที่ประสงค์จะร่วมช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบได้ใช้เป็น ช่องทางในการบริจาคเงินช่วยเหลือ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการฯ เร่งพิจารณาวิธีการบริหารจัดการเงินที่ได้รับบริจาคให้ แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย 4. ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จากการชุมนุนดำเนินการ ดังนี้ 4.1 ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอให้ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (One Statr On Stop Investment Center : OSOS) เป็นหน่วยงานกลางที่จะให้บริการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่ได้ รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองต่อไป 4.2 รวบรวมมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยวและกิจการโรงแรม รวมถึงร้านค้าต่าง ๆ ที่ ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองทั้งหมด แล้วให้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36131 | รายงานผลการพิจารณาทบทวนคุณสมบัติโรงเรียนขนาดเล็กที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 | ศธ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.1 รายงานผลการพิจารณาทบทวนคุณสมบัติโรงเรียนขนาดเล็กที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำเกณฑ์ที่กำหนดแตกต่างจากที่เสนอคณะรัฐมนตรีในครั้งแรก เนื่องจากได้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก (นักเรียนตั้งแต่ 300 คนลงมา) นั้น ให้รวมโรงเรียนขยายโอกาสด้วยเนื่องจากเป็นโรงเรียนที่อยู่ในชนบทห่างไกล โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเฉพาะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น หัวละ 1,000 บาท/คน/ปี เพื่อจะได้จัดสรรให้โรงเรียนได้ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป 1.2 เห็นชอบการกำหนดให้โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กให้รวมโรงเรียนขยายโอกาส (นักเรียนตั้งแต่ 300 คนลงมา) โดยจัดงบประมาณสนับสนุนเฉพาะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 2. สำหรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มให้โรงเรียนตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 นั้น เนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 มิได้ตั้งงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ สพฐ. จึงต้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จากโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ที่ได้รับจัดสรร จำนวน 40,604.6911 ล้านบาท มาดำเนินการไปก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของ สพฐ. จำนวน 888.70 ล้านบาท แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36132 | การให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2556 ในวงเงิน 25,000 ล้านบาท แทน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยทางการชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารออม สินได้รับจากการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนี้ในอัตราดอกเบี้ยลอยตัว โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน สำหรับผู้ฝากทั่วไปสูงสุดของธนาคารออมสิน บวกร้อยละ 0.98 ต่อปี และหักอัตราผลตอบแทนจากการให้ สถาบันการเงินกู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี ตามข้อเสนอของธนาคารออมสิน โดยใช้งบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง 1.2 ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ในวงเงินที่ยังคงค้างจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ ธปท. ในโครงการนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท (ซึ่งเป็นวงเงินภายในกรอบ 25,000 ล้านบาท) โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 เพื่อสนับ สนุนความต้องการของผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยทางการจะชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารออมสินได้รับจาก การปล่อยสินเชื่อ ตามโครงการนี้ให้แก่ธนาคารออมสินในหลักการเดียวกันกับข้อ 1.1 หรือคิดเป็นวงเงินงบประมาณ 69.48 ล้านบาท (ชดเชยให้ในช่วงวันที่ 1 มิถนายน-31 ธันวาคม 2553) โดยใช้งบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง 2. ส่วนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่อการคำนวณวงเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างทุนกับอัตราผลตอบแทนที่ ธนาคารออมสินได้รับจากการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณ อีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้มีกรอบวงเงินชดเชยรวมไม่เกิน 3,046.98 ล้านบาท (2,977.50+69.48 ล้านบาท) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36133 | แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล | วธ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการ "แนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล" ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดังกล่าวไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป โดยแนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล มีดังนี้ 1.1 มาตรการฟื้นฟูระยะสั้น ดำเนินการภายใน 6-12 เดือน สรุปได้ดังนี้ 1.1.1 การสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ด้วยการจัดทำโฉนดชุมชน เพื่อเป็นเขตสังคมและวัฒนธรรมพิเศษสำหรับกลุ่มชาวเล โดยให้มีการพิสูจน์สิทธิในที่อยู่อาศัยของชุมชนผ่านภาพถ่ายทางอากาศ และด้วยวิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช้เอกสารสิทธิแต่เพียงอย่างเดียว 1.1.2 การให้ชาวเลสามารถประกอบอาชีพประมง หาทรัพยากรตามเกาะต่างๆ ได้ และเสนอผ่อนปรนพิเศษในการประกอบอาชีพประมงที่ใช้อุปกรณ์ดั้งเดิมของกลุ่มชาวเล การเข้าไปทำมาหากินในพื้นที่อุทยานและเขตอนุรักษ์อื่นๆ และกันพื้นที่จอด ซ่อมเรือ เส้นทางเข้า-ออกเรือ และการควบคุมเขตการทำประมงอวนลากและอวนรุนให้เป็นไปตามข้อตกลงอย่างแท้จริง 1.1.3 การช่วยเหลือด้านสาธารณสุข เพื่อฟื้นฟูสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพหาปลา/ดำน้ำ และการมีปัญหาด้านสุขภาพ 1.1.4 การช่วยแก้ปัญหาสัญชาติในกลุ่มชาวเลที่ไม่มีบัตรประชาชน 1.1.5 การช่วยส่งเสริมด้านการศึกษาแก่เด็กและสนับสนุนทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับจัดตั้งการศึกษาพิเศษ/หลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน 1.1.6 การแก้ปัญหาอคติทางชาติพันธุ์และให้มองชาวเลอย่างมีศักดิ์ศรี มีความเป็นมนุษย์ 1.1.7 การให้การส่งเสริมด้านภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเล สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น ส่งเสริมให้มีโรงเรียนสอนภาษาวัฒนธรรมในชุมชน ส่งเสริมให้มีการสอนศิลปวัฒนธรรมชาวเลในหลักสูตรสามัญ ส่งเสริมชมรมท้องถิ่นในโรงเรียน เช่น ชมรมภาษา ชมรมร็องแง็ง ส่งเสริมการใช้สื่อที่หลากหลาย สื่อบุคคล สื่อพื้นบ้าน สื่อสมัยใหม่ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมชุมชน เป็นต้น 1.1.8 ส่งเสริมชุมชนให้เกิดกิจกรรมที่มีความต่อเนื่อง 1.1.9 จัดสรรงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการทำงานของเครือข่ายพี่น้องชาวเลให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและให้มีงบประมาณส่งเสริม "วันนัดพบวัฒนธรรมชาวเล" เพื่อจัดกิจกรรมและการพบปะแลกเปลี่ยน 1.2 มาตรการฟื้นฟูระยะยาว ดำเนินการภายใน 1-3 ปี โดยพิจารณากำหนดพื้นที่เขตวัฒนธรรมพิเศษที่เอื้อต่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีลักษณะสังคมวัฒนธรรมจำเพาะ 2. ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดหาที่ดินให้เป็นที่ชุมชนชาวเล การแก้ไขปัญหาสัญชาติในกลุ่มชาวเลที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน และการส่งเสริมชุมชนชาวเลให้เกิดกิจกรรมที่มีความต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า 2.1 การจัดทำโฉนดชุมชนสำหรับกลุ่มชาวเลอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เป็นเขตอุทยานและป่าชายเลน กระทรวงวัฒนธรรมควรพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเหมาะสมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย 2.2 การแก้ไขปัญหาสัญชาติสำหรับกลุ่มชาวเลที่ไม่มีบัตรประชาชน ให้กระทรวงวัฒนธรรมเสนอสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาในสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36134 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวง หมายเลข 4066 สายบ้านดาโล๊ะหะลอ - บ้านปาลอปาต๊ะ ของกรมทางหลวง | คค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรมทหารช่างเป็นหน่วยดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณแทน
กรมทางหลวง โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4066 สายบ้านดาโล๊ะหะลอ-บ้านปาลอปาต๊ะ ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) จัดทำรายละเอียดประมาณราคาก่อสร้าง แผนปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ในวงเงิน 242.482 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสม ของราคาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนค่าก่อสร้างที่ต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 167.492 ล้านบาท ให้กรมทางหลวงเสนอขอใช้จ่ายจากเงินตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันให้ถือปฏิบัติตามหนังสือกรมบัญชี กลาง ด่วนที่สุดที่ กค 0409.7/ว 355 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2550 เรื่อง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันในระบบ GFMIS ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36135 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่ง คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ โดยร่างประกาศคณะกรรมการฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้ร่างประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2552 เพื่อให้ลูกจ้างที่เกษียณอายุ ในวันที่ 30 กันยายน 2552 ได้รับสิทธิประโยชน์ตามประกาศฉบับนี้ 2. กำหนดให้ลูกจ้างผู้ปฏิบัติงานในช่วงก่อนเกษียณอายุติดต่อกันครบ 15 ปี ให้ได้รับเงินเพื่อตอบ แทนความชอบในการทำงานเป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน (ปัจจุบันได้รับค่าตอบแทนเท่า กับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36136 | ขอความเห็นชอบแผนพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. 2553 - 2557 | กษ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแผนการพัฒนาสุกรทั้งระบบและแผนปฏิบัติงาน พ.ศ. 2553-2557 เพื่อเป็น กรอบในการดำเนินงานพัฒนาสุกรทั้งระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของแผนฯ เป็นการพัฒนา และควบคุมคุณภาพการผลิตสุกรตั้งแต่การจัดการฟาร์มที่ถูกสุขลักษณะ การเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรค ตรวจสอบ คุณภาพอาหารสัตว์ปัจจัยการผลิต และการปรับปรุงพัฒนาโรงฆ่าสัตว์ การฆ่าชำแหละ รวมถึงการขนส่งซากสุกร ที่ถูกสุขอนามัย โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ปรับแก้ไขถ้อยคำในหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ กษ 0614/2560 ลง วันที่ 9 เมษายน 2553 หน้า 5 ข้อ 2.4 บรรทัดที่ 3 จากเดิม "...ซึ่งมีทั้งหมด 4 แผนงาน 16 โครงการ" เป็น "...ซึ่งมีทั้งหมด 4 แผนงาน 18 โครงการ" ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรที่ขึ้นทะเบียน เช่น การตั้งศูนย์ช่วยเหลือเกษตรกรในระดับจังหวัด การกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาที่ครอบคลุมการ สร้างมูลค่าและคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสุกรประเภทต่าง ๆ การประสานความ ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนแผนฯ ให้ บรรลุตามเป้าหมาย รวมทั้งควรมีมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีหรือจัด หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36137 | ขอความเห็นชอบวาระแห่งชาติการส่งเสริมคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตของคนไทย | วธ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการโครงการความร่วมมือส่งเสริมคุณ
ธรรม จริยธรรม เพื่อประเทศไทยใสสะอาด ดำเนินการจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องโดยด่วน ภายในเดือนมิถุนายน 2553 นี้ โดยนำเรื่องขอความเห็นชอบวาระแห่งชาติการส่งเสริมคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการทุจริตของคนไทย ของกระทรวงวัฒนธรรมเข้าพิจารณาด้วย และให้เชิญผู้แทนกระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมด้วย แล้วให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36138 | อนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสำนักเลขาธิการ บุคลากรของสำนักเลขาธิการ และผู้แทนสมาชิกของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย | กต | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. การลงนามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสำนักเลขาธิการ บุคลากรของสำนักเลขาธิ การ และผู้แทนสมาชิกของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง ประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia-CICA) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขอนุสัญญาฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา ดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทน พิเศษของนายกรัฐมนตรีลงนามอนุสัญญาฉบับดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36139 | การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย | พณ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 19 มกราคม 2553 เกี่ยวกับการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย ดังนี้ ความตกลงว่าด้วยการ อุดหนุน และมาตรการตอบโต้การอุดหนุนขององค์การการค้าโลกอนุญาตให้สมาชิกยกเว้น/คืนภาษีนำเข้าให้กับวัตถุ ดิบที่นำเข้ามาในประเทศเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกได้โดยไม่ถือว่าเป็นการอุดหนุนต้องห้าม (Prohibited Subsidy) แต่ต้องไม่มากกว่าภาษีนำเข้าที่เรียกเก็บจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าส่งออก อย่างไรก็ตาม แม้มาตร การดังกล่าวจะไม่เป็นการอุดหนุนต้องห้าม แต่ก็ถือว่าเป็นการอุดหนุนที่ถูกตอบโต้ได้ (actionable subsidies) หาก การอุดหนุนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสมาชิกอื่น โดยอาจถูกเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุน (countervailing duty-CVD) หรือถูกฟ้องร้องให้ยกเลิกโครงการอุดหนุนในองค์การการค้าโลกได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36140 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลคูหาใต้ อำเภอ
รัตภูมิ จังหวัดสงขลา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....