ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1809 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36161 - 36180 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36161 | รายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2553 | รง | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการป้อง
กันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2553 ซึ่งมีผลการดำเนินการสรุปได้ดังนี้ 1. ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดฝึกอบรมให้ประชาชนทั่วไปได้มีความรู้ความเข้าใจในการ ขับขี่อย่างถูกวิธี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น มีผู้เข้ารับการอบรมทั้ง สิ้น 650 คน 2. จัดฝึกอบรมสาขายกระดับฝีมือแรงงานหรือเสริมทักษะฝีมือแรงงานให้แก่ผู้มีหน้าที่ให้บริการผู้ขับขี่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ 3. สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค (สพภ.) และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) ได้ให้บริการ ตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้เดินทางทราบ ซึ่ง ดำเนินการเป็น 2 ช่วง ดังนี้ 3.1 ก่อนการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-9 เมษายน 2553 โดย ตั้งจุดบริการ ณ สพภ. และ ศพจ. มีจำนวนรถที่มาใช้บริการทั้งสิ้น 4,213 คัน แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 2,905 คัน และรถยนต์ 1,308 คัน 3.2 ช่วงระหว่างเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน 2553 โดยตั้งจุดบริการบนถนน สายหลักหรือจุดที่มีการจราจรหนาแน่น มีจำนวนรถที่มาใช้บริการทั้งสิ้น 1,045 คัน แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 650 คัน และรถยนต์ 395 คัน 4. ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์/รถจักรยานยนต์ช่วงก่อนเทศกาลและระหว่างเทศกาล 5. บริการอื่น ๆ อาทิ บริการน้ำดื่ม กาแฟ บริการผ้าเย็น นวดผ่อนคลาย บริการพักรถ/พักคน โดยมี จำนวนผู้ใช้บริการ 1,002 คน 6. กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดการฝึกอบรมในหลักสูตรการขับขี่ปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อ เป็นการส่งเสริมการรณรงค์ช่วยลดอุบัติเหตุ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36162 | รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2553) | พณ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์
สินทางปัญญาตามที่ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2553 สามารถ จับกุมได้ 292 คดี ยึดของกลางได้ 103,180 ชิ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
36163 | การจัดสถานะประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2553 | พณ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอว่า สหรัฐ ฯ ได้ประกาศสถานะประเทศไทยตามกฎ
หมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี พ.ศ. 2553 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 ให้คงไทยเป็นประเทศที่ ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) เช่นเดียวกับปี พ.ศ. 2550-2552 เนื่องจากเห็นว่าไทยยังมีการ ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สีแดง คือ พันธุ์ทิพย์ คลองถม มาบุญครอง และสุขุม วิท อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงให้ไทยมีสิทธิได้รับการทบทวนนอกรอบ (OCR) ในช่วงกลางปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ว่าสหรัฐฯ ตระหนักถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้า เพื่อเอาผิดเจ้าของพื้นที่ขาย ผลิต และเก็บรักษาสินค้าละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะได้มีหนังสือสอบถามสาเหตุที่แท้จริงเกี่ยวกับการจัดอันดับไทยในครั้ง นี้จาก สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative-USTR) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36164 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ร้อยเอก เชษฐ์ รมยะนันทน์) | นร | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งร้อยเอก เชษฐ์ รมยะนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ตามที่นายก รัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36165 | ขอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แทน นายภูษณ ปรีย์มาโนช ที่ลาออก | นร | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิษณุ เทพเจริญ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร
การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แทนนายภูษณ ปรีย์มาโนช ที่ลาออก ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36166 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา 4 (6) ในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (จำนวน 5 ราย 1. รองศาสตราจารย์ มัทนา พนานิรามัย ฯลฯ) | พม | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จำนวน 5 ราย
ตามมาตรา 4(6) แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่ง ครบกำหนดสี่ปีตามวาระ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. รองศาสตราจารย์มัทนา พนานิรามัย 2. นายอภิชัย จันทรเสน 3. ศาสตราจารย์ศศิพัฒน์ ยอดเพชร 4. ศาสตราจารย์สุทธิชัย จิตะพันธ์กุล 5. นางอุบล หลิมสกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||
36167 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคาร
สงเคราะห์ แทนนายนริศ ชัยสูตร ที่ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36168 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,165 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,618 โครงการ วงเงิน 46,212.91 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,547 โครงการ วงเงิน 297,827.57 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 14,387 โครงการ วงเงิน 43,841.61 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 752 โครงการ วงเงิน 11,963.86 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 13,635 โครงการ วงเงิน 31,877.75 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 22,111 โครงการ วงเงิน 253,985.96 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 22,111 โครงการ วงเงิน 229,483.75 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,480 โครงการ วงเงิน 19,096.05 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 17,310 โครงการ วงเงิน 121,751.11 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,321 โครงการ วงเงิน 26,755.80 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 18,631 โครงการ วงเงิน 148,506.91 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
36169 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | พณ | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้าง สรรค์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่ เกิน 30 คน 1.2 กำหนดให้สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (สศส หรือ TCEA) เป็นหน่วยงานภายใน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะกรรมการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กบศส.) ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินงานของสำนักงาน 1.3 กำหนดให้ สศส หรือ TCEA มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแนะนโยบาย มาตรการและกลยุทธ์ ส่ง เสริมการพัฒนาศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และรับผิดชอบงานธุรการของ กศส. และ กบศส. เป็นต้น 1.4 กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสนับสนุนเงินทุนในกิจการใดกิจ การหนึ่งเดียวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยจัดตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น 2. ให้เพิ่มเลขาธการนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่ง ชาติ ตามร่างข้อ 4 แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
36170 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค โดยการให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากรแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค คนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคดังกล่าว และ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุน ของบริษัทต่างประเทศในรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในประเทศไทย 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่า ด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545 ให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่สำนักงาน ปฏิบัติการภูมิภาค คนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคดังกล่าว และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
36171 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบผลการทบทวนโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงิน 178.6200 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินโครง การลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 9,845.9073 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 3. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่จะใช้วงเงินเหลือจากการทบทวน จำนวนเงิน 1,484.1405 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 4. รับทราบตามที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2554 และ 2555 โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สิ่งก่อสร้าง แหล่งน้ำ วงเงิน 829.8 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 เห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับความ สามารถในการเบิกจ่ายเงินอันเป็นผลมาจากการพิจารณาความเหมาะสมของงวดงานภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี จึงเห็นสมควรอนุมัติการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
36172 | เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำของประเทศปี 2553 | นร | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก ๆ ของ
ประเทศดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ปริมาณน้ำไหลออกยังคงมากกว่าไหลเข้าเขื่อนซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้น้ำ ในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนาปีและนาปรัง จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รับไปประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนิน การเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก ๆ ของประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36173 | การห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน | นร | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานในเขตพื้นที่ประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตั้งแต่วันที่ 25-29 พฤษภาคม 2553 ตามวันและเวลา ดังนี้ 1. ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 2. ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 3. ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 4. ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
36174 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน พ.ศ. .... | ศธ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะ กรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการ ของสถาบันอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลัก เกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง นายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน 2. สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพิ่มนิยามของส่วนราชการในร่างข้อ 2 ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีการประสานความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรร่วมกันของสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่ จะรวมกันจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เป็น องค์ประกอบสำคัญของหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการแบ่งส่วนราชการตามที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัติการอาชีว ศึกษา พ.ศ. 2551 เพื่อให้การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษาเป็นมาตรฐานเดียวกันในลักษณะเดียวกับ หลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ใช้เป็นเกณฑ์สำหรับ แบ่งส่วนราชการสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญา และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแนว ทางประสานความร่วมมือเพื่อรับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานประกอบการเอกชน ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36175 | ขอจัดตั้งสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และขอจัดตั้งสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอว่าการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ ในระดับกรม/เทียบเท่าในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม โดยขอจัดตั้งสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในสำนักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรม และการจัดตั้งสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ในสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม โดยการ ปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว ไม่ได้เพิ่มอัตรากำลัง และภาระงบประมาณแต่อย่างใด สำหรับความ เห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งเห็นว่าการดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน เห็นควรให้คณะรัฐมนตรี มีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำเสนอ ก.พ.ร. พิจารณาต่อไป นั้น กระทรวงวัฒนธรรมขอรับความเห็นดังกล่าวไปดำเนิน การต่อไป 2. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ 2.1 จัดตั้งสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 2.2 จัดตั้งสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ในสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม 3. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับอัตรากำลังข้าราชการที่จะปฏิบัติงานในสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมให้ดำเนินการโดยเกลี่ยอัตรากำลังภาย ในกระทรวง ส่วนอัตรากำลังข้าราชการที่จะปฏิบัติงานในสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยปัจจุบันมีอัตรา กำลังข้าราชการตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด ประกอบกับสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณดำเนินการให้แล้ว จึงมีความพร้อมในการดำเนินงาน รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรบริหารจัดการอัตรากำลังภายในกรอบอัตรากำลังที่มีอยู่เพื่อมิให้เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณ โดยในส่วน ของการจัดตั้งสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ควรคำนึงถึงขอบเขตและขนาดของภารกิจในความรับผิดชอบให้เพียงพอ และเหมาะสมที่จะยกฐานะเป็นสำนัก รวมทั้งจำนวนอัตรากำลังที่จะต้องปฏิบัติงานในภารกิจซึ่งอาจมีข้อจำกัดในเรื่อง อัตรากำลังที่จะต้องกำหนดเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 4. ส่วนการจัดทำร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกระทรวงวัฒนธรรมในเรื่องนี้ ให้ดำเนินการตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 โดยส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรม ให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำเสนอ ก.พ.ร. พิจารณา แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
36176 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน | นร | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการ ก.พ. ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2553 ที่เห็นชอบให้ส่วน ราชการมีกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมเป็นหน่วยงานภายในรับผิดชอบภารกิจของกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม โดย เปลี่ยนศูนย์ประสานราชการใสสะอาดของส่วนราชการและจังหวัด หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านการส่ง เสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล เป็นกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมของส่วนราชการและจังหวัดและปฏิบัติ งานภายใต้การกำกับดูแลของเลขานุการคณะกรรมการจริยธรรมส่วนราชการ และจังหวัด ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ 2. ให้ส่วนราชการ จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าบทบาทของกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมนี้ควรมุ่งเน้นให้ความสำคัญ กับการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตลอดจนกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ และควรสร้างระบบเพื่อพิทักษ์ ดูแลพยานและผู้ร้องเรียนให้ได้รับความปลอดภัย มีการสอบสวนที่เป็นธรรม และโปร่งใส ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36177 | การดำเนินการเยียวยาและแก้ไขกรณีศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ | นร | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 วันที่ 8 มีนาคม 2553 เกี่ยวกับการ กำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อเยียวยาและแก้ไขกรณีศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญจำนวน 15 ราย ในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ตามนัยมาตรา 71 แห่งพระราช บัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ส่วนของการกำหนดตำแหน่งในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการแต่งตั้งข้า ราชการผู้นั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิม ต้องมีการกำหนดตำแหน่ง เพื่อแต่งตั้งบุคคลให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่คำสั่งถูกยกเลิก จึงมีมติให้นำเสนอ อ.ก.พ. วิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและ ระเบียบข้าราชการเพื่อพิจารณาในประเด็นดังกล่าว และหาก อ.ก.พ. ฯ พิจารณาเป็นประการใดแล้ว ให้สำนักงาน ก.พ. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ 2. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ เห็นควรจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติในเรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในทุกระดับ ให้มีความชัดเจน เข้าใจ ง่ายและถูกต้องตามระเบียบ ตลอดจนซักซ้อมความเข้าใจแก่หน่วยปฏิบัติต่อไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36178 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 400 ล้านบาท | พม | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กู้ยืมเงิน จำนวน 400 ล้าน
บาท สำหรับใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควร ให้ สธค. เบิกจ่ายเงินกู้จากแหล่งเงินที่มีต้นทุนต่ำสุดก่อน เพื่อเป็นการลดต้นทุนเงินกู้ของ สธค. ไปพิจารณาดำเนิน การต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36179 | ขออนุมัติใช้เงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปี 2553 และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 | กษ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติเงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี 2553 ให้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 121.477 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิด ขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2552 1.2 อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ให้แก่ อ.ต.ก. จำนวน 123.285 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2552 ตามที่ อ.ต.ก. ได้เสนอขอ ตั้งงบประมาณประจำปี 2554 ไว้แล้ว 2. สำหรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2552 วงเงิน 121,477,000 บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อ ไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้พิจารณาจัดทำแผนการระบายข้าวสารในสต็อกภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ให้สอดคล้อง กับสถานการณ์และไม่กระทบราคาข้าวในตลาด รวมทั้งลดภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36180 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2552 | กษ | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบ ภัยศัตรูพืชระบาด (เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล) ของจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก สุพรรณบุรี และอุตรดิตถ์ โดยจ่าย ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินรวมทั้งสิ้น 345,014,586 บาท เพื่อตั้งจ่ายที่ กรมส่งเสริมการเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุด หนุนทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการ ตรวจสอบรายชื่อเกษตรกรผู้ได้รับความเสียหายให้ครบถ้วน ถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....