ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1744 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34861 - 34880 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34861 | ขอความเห็นชอบในการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซีย | วธ | 26/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างอาเซียนกับสหพันธ รัฐรัสเซีย (Agreement on Cultural Cooperation between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Government of the Russian Federation) เพื่อกระชับความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกของอาเซียนและสหพันธรัฐรัสเซียในด้านวัฒนธรรม โดยการส่งเสริมและพัฒนา ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนในสาขาวัฒนธรรมรูปแบบต่าง ๆ ประกอบด้วย ดนตรี การละคร งานจดหมายเหตุ หอสมุด พิพิธภัณฑ์ มรดกทางวัฒนธรรม นาฏศิลป์ ทัศนศิลป์ ภาพยนต ร์ สิทธิบัตร หัตถกรรมพื้นบ้าน ศิลปะ ประยุกต์ มัณฑนศิลป์ ละครสัตว์ และศิลปะในรูปแบบอื่น ๆ ภายในขอบเขตของกฎหมายและนโยบายของแต่ละ ประเทศ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจด้านวัฒนธรรมระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซีย |
||||||||||||||||||||||||
34862 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร | 26/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะ
เดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอด ASEAN ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รักษาราชแทน นายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||||||||
34863 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (จำนวน 2 ฉบับ) | อก | 26/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับ
พลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (จำนวน ๒ ฉบับ) มีสาระสำคัญ คือ เปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เนื้อที่ประมาณ ๓๙ ไร่ ๑ งาน ๓๘ ตาราง วา และเนื้อที่ประมาณ ๑๓ ไร่ ๓ งาน ๕๓ ๗/๑๐ ตารางวา ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ใน ท้องที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อการนิคมอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
34864 | บันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย - ลาว ครั้งที่ 18 | กห | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ ๑๘ ระหว่างวันที่ ๙ ถึงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในมาตรา ๑๙๐ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวคือ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน (ก่อนที่จะดำเนินการแจ้งฝ่ายลาวตามข้อ ๑๘ วรรคสี่ ของบันทึกการประชุมฯ) กระทรวงกลาโหมต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของบันทึกการประชุมฯ และในกรณีที่การปฏิบัติตามบันทึกการประชุมฯ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม จะต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม และเมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบบันทึกการประชุมฯ แล้ว จะต้องมีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งฝ่ายลาวตามข้อ ๑๘ วรรคสี่ ของบันทึกการประชุมฯ เพื่อให้บันทึกการประชุมฯ มีผลใช้บังคับ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34865 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ) | กค | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่ผู้มีเงินได้สามารถหักค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้ รวมไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นให้ผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอีกเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ ๑๕ ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
34866 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม และพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อทำเหมืองแร่ ของนายรังสรรค์ ตันตระกูล ที่จังหวัดชัยนาท | อก | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม และพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ เพื่อทำเหมืองแร่หินอ่อนและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของนายรังสรรค์ ตันตระกูล ตามคำขอที่ ๒/๒๕๔๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งวางแนวทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการให้สัมปทานบัตรในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปดำเนินการ รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ที่ว่า ถ้าไม่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษก็ไม่ควรให้มีการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34867 | แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน | นร | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน จำนวน ๑๑ คน โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนเป็นการเฉพาะ โดยมีการกำหนดกลไกและองค์กรที่รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินการสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน และจัดตั้งกองทุนและงบประมาณสนับสนุนการเรียนรู้และสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงตามแนวทฤษฎีใหม่ ตลอดจนกำหนดกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนในการดำเนินงานให้มีความชัดเจนและสามารถผลักดันไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒ ให้คณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนไปดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๓ เดือน ๑.๓ ให้คณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนเสนอรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งองค์กรบูรณาการการดำเนินการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน นโยบายในด้านการเงินการคลังที่เหมาะสม และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ๒. ให้เพิ่มผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
34868 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าที่ดินกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ค่าเช่าที่ดินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดินแปลงหมายเลข ๒ ตำบลริมถนนราชดำเนินนอกฝั่งตะวันตก (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘) เป็นเงิน ๒๕,๐๕๘,๕๐๐ บาท ๒. ค่าเช่าบ้านพักข้าราชการของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ (ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕) เป็นเงิน ๑,๐๐๘,๐๐๐ บาท หรือ ๒๕,๒๐๐ ยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๔๐ บาท) ๓. ค่าเช่าบ้านพักข้าราชการของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕) เป็นเงิน ๘๘๑,๕๐๐ หรือ ๒๙,๖๔๐ ดอลลาร์ออสเตรเลีย (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์ออสเตรเลีย เท่ากับ ๒๙.๗๔ บาท) ๔. กรณีการเช่าบ้านพักข้าราชการสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเปลี่ยนสถานที่การเช่าบ้านพักและดำเนินเรื่องมายังกระทรวงล่าช้า ทำให้ต้องทำสัญญาก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีนั้น อนุมัติยกเว้นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๓ วรรคสี่ (ข้อ ๕.๑) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ (ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) เป็นเงิน ๒,๘๖๐,๔๐๐ บาท หรือ ๙๓,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๕๖ บาท) |
||||||||||||||||||||||||
34869 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 | กห | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๗
ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อใช้เป็นกรอบการประชุมและกรอบการเจรจาต่อไป ตามที่ กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยเนื้อหาของร่างบันทึกการประชุมฯ ประกอบด้วยการกล่าวนำพิธีเปิดการประชุมการ รับรองระเบียบวาระ การรายงานความคืบหน้า เรื่องเพื่อพิจารณา การรับรองบันทึกการประชุมและคำแถลงข่าว ร่วม การกำหนดการประชุมครั้งที่ ๘ และพิธีปิดการประชุม โดยในส่วนของประเด็นเสนอเพื่อพิจารณาในการ ประชุมฯ มีดังนี้ ๑. ด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ ๑.๑ จุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ๑.๒ ความร่วมมือด้านแรงงาน ๑.๓ การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด ๑.๔ การป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดน ๑.๕ ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ๑.๖ ความร่วมมือในการเก็บกู้ กวาดล้างทุนระเบิด ๑.๗ การส่งเสริมความปลอดภัยทางทะเล ๑.๘ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจ ของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ๒. ความร่วมมือด้านอื่น ๆ ได้แก่ ๒.๑ ความร่วมมือด้านการค้าบริเวณชายแดน ๒.๒ ความร่วมมือด้านการเกษตร ๒.๓ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ๒.๔ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๒.๕ ความร่วมมือด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ๒.๖ ความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๒.๗ ความร่วมมือด้านการบรรเทาภัยพิบัติ |
||||||||||||||||||||||||
34870 | การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนไทย - พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พณ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการแนวทางการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยการก่อสร้างสะพานมิตร ภาพไทย-พม่า แห่งที่สอง จุดก่อสร้างที่บริเวณบ้านวังตะเคียน ฝั่งไทย และบ้านเยปู ฝั่งพม่า ระยะทางประมาณ ๒๒ กิโลเมตร อยู่ในฝั่งไทย ๑๖ กิโลเมตร และอยู่ในฝั่งพม่า ๖ กิโลเมตร ความยาวสะพานที่ข้ามแม่น้ำเมย ๔๐๐ เมตร และการดำเนินโครงการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ระหว่างตำบลแม่ปะ -ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พื้นที่จำนวน ๕,๖๐๓ ไร่ ๕๖ งาน อยู่ติดริมแม่น้ำเมย ทั้งนี้ เพื่อ เป็นการส่งเสริมการขยายตัวของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมชายแดนและเพื่อเป็นการรองรับการเชื่อมโยง ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ในอนาคต ตามความเห็นชอบของ คณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ๑.๒ เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย เพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดให้เป็นไปอย่างบูรณาการ และมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนัก งบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควร กำหนดเป้าหมาย แนวทางการพัฒนาพื้นที่และรูปแบบการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ชัดเจนเป็นรูป ธรรม การกำหนดกิจรรมให้สอดคล้องกับเขตเศรษฐกิจเมียวดีในฝั่งพม่า การกำหนดมาตรการในการอำนวย ความสะดวกและบริหารจัดการแรงงานพม่า และให้ความสำคัญกับการกำหนดแผนแม่บทการใช้ที่ดินและแผน พัฒนาเมืองที่มีประสิทธิภาพและมีการบังคับใช้อย่างจริงจังบนพื้นฐานแนวคิด Green-city/Eco-city เพื่อสร้าง ความสมดุลในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นอกจากนี้ ควร จัดระบบการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลักษณะเป็นทีมบูรณาการของประเทศไทย และให้ หน่วยงานในระดับท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลและช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จากการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ในส่วนของการให้เร่งรัดคณะกรรมการพัฒนาที่ดินดำเนินการในเรื่องการใช้พื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับ ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่ง ที่ ๒ และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด นั้น ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วย งานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการใช้พื้นที่ รวมทั้งจำนวนพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้ให้ชัดเจน เหมาะสม โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งไม่เห็นด้วยกับการเพิกถอนพื้นที่ป่าไม้ ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นเรื่องคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทยหารือในรายละเอียดในเรื่องนี้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคู่ขนานกันไปด้วย เพื่อเสนอประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
34871 | ต่อเวลาราชการ | สธ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขถอนเรื่อง ต่อเวลาราชการ (ต่อเวลาราชการให้แก่ข้า
ราชการที่ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ระดับชำนาญการพิเศษลงมา) คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
34872 | โครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สธ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ย้าย เปลี่ยนแปลง นักศึกษา ตามโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการเรียนไม่ผ่านและไม่สามารถศึกษาต่อในสาขาพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลักสูตร ๔ ปี ได้ จำนวน ๑๘ ราย มาศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุข ชุมชน) หลักสูตร ๒ ปี จำนวน ๑๗ ราย และหลักสูตรประกาศนียบัตรโสตทัศนศึกษาทางการแพทย์ หลักสูตร ๒ ปี จำนวน ๑ ราย แทน ๑.๒ ให้นักศึกษาทั้ง ๑๘ ราย ยังคงได้รับสิทธิการบรรจุเข้ารับราชการหลังสำเร็จการศึกษาเหมือน เดิม ๑.๓ ให้ใช้งบประมาณจากโครงการเดิม (โครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อเป็นค่าอุดหนุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาทั้ง ๑๘ ราย ที่ย้ายมาศึกษาในหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน) หลักสูตร ๒ ปี และหลักสูตรประกาศนีย บัตรโสตทัศนศึกษาทางการแพทย์ หลักสูตร ๒ ปี ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาค รัฐที่เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพ เพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับ เป็นค่าใช้จ่ายของนักศึกษาทั้ง ๑๘ ราย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแนวทางการช่วยเหลือแก้ไขปัญหา อุปสรรคที่ส่งผลต่อการเรียนสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่มีผลการเรียนอ่อน รวมทั้งวางแผนบริหารจัดการตำแหน่ง ว่างที่มีอยู่เพื่อบรรจุและแต่งตั้งนักศึกษาในโครงการฯ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาไปปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34873 | มาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (1 ตุลาคม 2553) | ศธ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) บริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณงบบุคลากรที่ได้รับจัดสรรประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๑๒ ล้านบาท เพื่อสนับสนุนผู้เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๓) ที่เหลือในโควตา จำนวน ๗๕๐ ราย ให้ได้เข้าร่วมมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๓) ต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาบรรจุอัตราทดแทนผู้เกษียณตามโครงการฯ โดยเร็ว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน การเรียนการสอน และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34874 | ขออนุมัติกู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยรายได้ค่าไฟฟ้าจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ 3 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 จนถึง วันที่ 31 มีนาคม 2553) | มท | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินในประเทศของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ตามค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริง เพื่อชดเชย รายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ (๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓) ภายในกรอบวงเงิน ๒๙๓,๕๒๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้และเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริงและรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนเงิน ต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายใด ๆ อันเกิดจากการกู้เงินดังกล่าว เพื่อชดเชยรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ (๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓) |
||||||||||||||||||||||||
34875 | ขอความเห็นชอบชดเชยการขาดทุนจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมี โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ | กษ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ชดเชยการขาดทุนจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมี โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ ตามจำนวนเงินที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ตรวจสอบปิดบัญชีผลการขาดทุน โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอ ตั้งงบประมาณประจำปีเพื่อใช้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป ๑.๒ ขยายระยะเวลาโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ จากสิ้นสุดวันที่ ๒๙ พฤษภา คม ๒๕๕๓ เป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสท.) เร่งจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่เหลืออยู่โดยด่วนเป็นอันดับแรกตามแนว ทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้วจึงให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตรวจสอบ ปิดบัญชีผลการขาดทุนและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง และในการขอขยายระยะเวลา การชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วย ไปดำเนินการต่อ ไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการจัด หาปุ๋ยเคมี รวมทั้งการกำหนดระดับราคาปุ๋ยเคมีของโครงการให้ชัดเจนรอบคอบ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
34876 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การพิจารณาโครงการย้ายองค์การสะพานปลาฯ | กษ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (องค์การสะพานปลา) รับเรื่อง ขอทบทวน
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๓๔ เรื่อง การพิจารณาโครงการย้ายองค์การสะพานปลาองค์การอุตสาห กรรมห้องเย็น และกองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กองประมงทะเล กรมประมง เพื่อให้องค์การสะพานปลาสามารถ พัฒนาสะพานปลากรุงเทพตามแผนงานที่วางไว้ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อ พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี รวมทั้งหากมีเอก ชนเข้าร่วมลงทุนด้วยองค์การสะพานปลาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วม งานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34877 | ขอความเห็นชอบการจัดทำแถลงการณ์ร่วมพนมเปญ | กษ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำร่างแถลงการณ์ร่วมพนมเปญ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือในการป้องกัน การแพร่กระจายข้ามพรมแดนของศัตรูพืชและสัตว์ไปยังประเทศภาคี เพื่อเป็นการคุ้มครองการเกษตร ป่าไม้ และ ประมง รวมทั้งปกป้องสิ่งแวดล้อมทางนิเวศน์ สุขภาพมนุษย์ และการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการ ค้าและอนุมัติในหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมให้การรับรอง เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อร่างปฏิญญาดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างปฏิญญาดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่หลัก การสำคัญให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะผู้แทนไทยโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับถ้อยคำ ให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมพนมเปญ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
34878 | ร่างปฏิญญาฮานอยว่าด้วยการเสริมสร้างสวัสดิการและการพัฒนาของสตรีและเด็กอาเซียน | พม | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาฮานอยว่าด้วยการเสริมสร้างสวัสดิการและการพัฒนาของสตรีและเด็กอาเซียน (Draft Hanoi Declaration on the Enhancement of Welfare and Development of ASEAN Women and Children) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ ที่กำหนดประชุมในช่วงปลายเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้การรับรองต่อไป โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ จะมุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อคุ้มครองเด็กและสตรี รวมทั้งการเร่งรัดให้มีการจัดตั้งกลไกต่าง ๆ อาทิ ระบบการจัดการความรู้ในระดับภูมิภาคสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลและการปฏิบัติที่ดี เครือข่ายอาเซียนเพื่อการพัฒนาครอบครัวของเด็กในการสร้างประชาคมอาเซียน รวมถึง ASEAN Network Consortium เพื่อให้เป็นเครือข่ายสำหรับผู้ทำงานด้านการบริหารทางสังคมต่อสตรีและเด็ก ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
34879 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 11 ฉบับ) | มท | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และ ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่ง ปี จำนวน ๑๑ ฉบับ ดังนี้ ๑. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๔๐ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ ผังเมืองรวมเมืองโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๔-๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๕-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ ๓. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้ง ที่ ๒ ตั้งแต่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ ๔. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเกาะภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๘ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔-๒๔ มีนาคม ๒๕๕๕ ๕. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕๑ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ ผังเมืองรวมเมืองโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔-๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๖. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ ผังเมืองรวมเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔-๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๗. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๘. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอ้อมใหญ่ จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔-๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ ๙. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔-๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ ๑๐. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๑๑. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔-๖ มิถุนายน ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
34880 | โครงการอัญเชิญธรรมเจดีย์ คัมภีร์พุทธศาสนาโบราณเก่าแก่ที่สุดจากราชอาณาจักรนอร์เวย์ มาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว | พศ | 19/10/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการจัดทำโครงการอัญเชิญธรรมเจดีย์ คัมภีร์พุทธศาสนาโบราณเก่าแก่ที่สุดจากราชอาณาจักรนอร์เวย์ มาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ณ พุทธมณฑล ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาเรียนรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่จารึกไว้ในธรรมเจดีย์ และเพื่อให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรม การศึกษาหลักธรรมจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการอัญเชิญธรรมเจดีย์ ๑.๒ เห็นชอบให้โครงการอัญเชิญธรรมเจดีย์ฯ เป็นโครงการของรัฐบาลร่วมกับคณะสงฆ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณเงินกองทุนพุทธมณฑล จำนวนไม่เกิน ๓๗,๗๒๒,๘๕๐ บาท โดยให้ดำเนินการโดยประหยัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....