คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง  กำหนดให้การเวนคืนอสังหา
ริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ และตำบลวัดสุวรรณ  ตำบลธาตุทอง  อำเภอ
บ่อทอง จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน  มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์  ตำบลท่าบุญมี  อำเภอเกาะจันทร์  และตำบลวัดสุวรรณ  ตำบลธาตุทอง  อำเภอบ่อทอง
จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจ
เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ   และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ
สอบร่างกฎหายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               ๑. อนุมัติและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
                   ๑.๑ อนุมัติจัดตั้งสำนักงานเลขานุการ ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve (APTERR) ช่วงเตรียมการ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเสนอขอจัดตั้งสำนักงานเลขานุการ APTERR เป็นการถาวรเมื่อความตกลง APTERR  มีผลผูกพันแล้ว
                   ๑.๒ อนุมัติให้นำข้าวที่สำรองไว้ (Earmarked Reserve) จำนวน ๑๕,๐๐๐ ตัน ภายใต้ความตกลง ASEAN Food Security Reserve (AFSR) มาใช้เป็น Earmarked Reserve ของ APTERR
                   ๑.๓ อนุมัติร่างความตกลง APTERR พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามความตกลง APTERR ในการประชุม ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry Plus Three (AMAF+๓) ครั้งที่ ๑๐ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
                   ๑.๔ อนุมัติการให้สัตยาบันและหลังจากที่ได้ลงนามความตกลง APTERR แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารและยื่นสัตยาบันสารต่อเลขาธิการอาเซียนเพื่อเก็บรักษาตามข้อ X ของร่างความตกลง
                   ๑.๕ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามความตกลง APTERR
                   ๑.๖ มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงาน APTERR ของฝ่ายไทยซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
                   ๑.๗ เห็นชอบในหลักการให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณจัดตั้งเงินกองทุน APTERR
               ๒. อนุมัติในหลักการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมให้มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับกำหนดเวลาและสถานที่สำหรับการลงนามความตกลงดังกล่าว เนื่องจากอาจมีการเลื่อนการลงนามจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เป็นกำหนดเวลาและสถานที่อื่น
               ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาหาแนวทางเพื่อต่อยอดบทบาท Leading Country และโอกาสในการจัดตั้งสำนักงานเลขานุการ APTERR ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการขยายตลาดและการระบายข้าวไทย สำหรับการจัดตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงาน APTERR ของฝ่ายไทย โดยมีสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการ ในการดำเนินงานควรมีการประสานและเชื่อมโยงกับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเพื่อให้มีการบริหารจัดการข้าวไทยอย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนงบประมาณเพื่อจัดตั้งกองทุน APTERR เห็นควรสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งตามเงื่อนไขระยะเวลา ๕ ปี วงเงินปีละ ๒๙,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือคิดเป็นเงิน ๘๖๘,๘๐๐ บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เท่ากับ ๒๙.๔๕ บาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร งบเงินอุดหนุน ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในกรณีที่จะต้องมีการตั้งสำนักงานถาวรและมีข้อผูกพันทางข้อกฎหมาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการต่อไปด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหา
วิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....    ของวุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และให้นำเหตุผล
ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ  วุฒิสภาแก้ไขเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร 
.ศ. .... ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศบริจาคเงินอุดหนุนแก่สถาบันกฎหมายระหว่าง
ประเทศ ณ กรุงเฮก ประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๑  ในอัตรา  ๑๐,๐๐๐  ยูโร  โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายจาก
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรรและให้เสนอขอตั้งงบประมาณสำหรับเงินอุด
หนุนรายการดังกล่าวในปีต่อๆ ไปตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพิเชฐ อังศุวัชรากร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้าน
เวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลบุรีรัมย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงาน
ปลัดกระทรวง  กระทรวงสาธารณสุข  ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
                   ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่นายกรัฐมนตรีจะร่วมให้การรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๑๑ ฉบับ และร่างเอกสารที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะร่วมลงนามหรือรับรองในการประชุมฯ จำนวน ๕ ฉบับ
                   ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างเอกสาร จำนวน ๑๑ ฉบับ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามร่างตราสารที่เกี่ยวข้องกับพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทและกฎระเบียบว่าด้วยการเสนอข้อพิพาทที่มิอาจระงับได้ และร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
               ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปตรวจสอบถ้อยคำของร่างปฏิญญาฮานอยว่าด้วยการรับรองแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนว่าก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายหรือไม่ หากก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมาย ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเรื่องนี้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอรายงานผลการปฏิบัติงานของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำ
ปี ๒๕๕๒ สรุปได้ดังนี้
                 ๑. ให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปก
ครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
                 ๒. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองโดยจัดฝึกอบรม
ข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเป็นวิทยากรออกเผยแพร่ความรู้ตามที่หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ
ร้องขอทั้งในส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องตลอดมา   สำหรับในปี ๒๕๕๒  ได้จัดวิทยากรไป
บรรยายให้แก่กรมการพัฒนาชุมชน  กรมโรงงานอุตสาหกรรม  กรมการปกครอง  กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ
พันธุ์พืช สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งได้จัด
เจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐและประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหา
เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  นอกจากนี้ ได้จัดพิมพ์เอกสารเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎ
หมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐและประชาชนที่สนใจ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตาม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ  ทั้งนี้  ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำรายงานตามมาตรการดังกล่าว เสนอคณะ
รัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นรายเดือน และให้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้นำรายงานด้านสังคมรายไตรมาสที่มีตัวชี้วัดที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมาประกอบด้วยเพื่อ
เผยแพร่ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจอย่างแพร่หลาย รวมทั้งเสริมสร้างให้เกิดความเชื่อมั่นและสร้างความอบอุ่นใจให้กับ
ประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               ๑. รับทราบการขอขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด จาก ๕๐ ล้านบาท เป็น ๑๐๐ ล้านบาท และการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้จังหวัดลพบุรีแล้ว และให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการในส่วนของจังหวัดนครราชสีมาเป็นการด่วน
               ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย ที่นอกเหนือไปจากระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ใน ๒ กรณี คือ (๑) ให้ความช่วยเหลือตามลักษณะของความเสียหายที่รุนแรงและฉับพลัน โดยให้คำนึงถึงระยะเวลาที่เกี่ยวข้องด้วย และ (๒) ให้ความช่วยเหลือเป็นรายครัวเรือน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลความเสียหายเพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า
               ๓. ให้ตั้งศูนย์ประสานงานการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชนไว้ที่ศาลากลางของแต่ละจังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ประสานงาน
               ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการสนธิกำลังกับทุกภาคส่วนในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นกรณีเร่งด่วน
               ๕. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาการจัดทำระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนและการเข้าร่วมโครงการนำร่องโดยการเข้าเป็นภาคีบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของภาคีสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค (Memorandum of Understanding between the Governments of the Participating Member States of the Association of South-East Asian Nations (ASEAN) on the Pilot Project for the Implementation of a Regional Self-Certification System)
               ๒. นำเสนอกรอบการเจรจาการจัดทำระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มการเจรจา
               ๓. นำเสนอบันทึกความเข้าใจฯ โดยมีเอกสารภาคผนวกระเบียบปฏิบัติในการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Operational Certification Procedures) แนบบันทึกความเข้าใจฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบเพื่อไทยจะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันสำหรับการภาคยานุวัตรเป็นภาคีสมาชิกของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดิน
อากาศ  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ของสภาผู้แทนราษฎร   และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
วิสามัญฯ   ซึ่งได้ดำเนินการกำหนดคำนิยามของคำว่า  “แผนการบิน”  “หน่วยงานให้บริการจราจรทางอากาศ”
และ “ผู้ควบคุมอากาศยาน” ไว้ในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแผนการบิน พ.ศ. ....  และกำหนดคำนิยามคำว่า  “แผน
ปฏิบัติการ”  ไว้ในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแผนปฏิบัติการบิน  พ.ศ. ....  ทั้งนี้  ได้เสนอร่างกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ
ซึ่งเป็นร่างกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  (ปัจจุบันคือ  พระ
ราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๓)  เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว  ตามที่กระทรวง
คมนาคมเสนอ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
               ๑. อนุมัติให้มีการลงนามพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่ ๒ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงวันมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ จากเดิมวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ และมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขวันที่มีผลใช้บังคับและถ้อยคำอื่นที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
               ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม หลังการดำเนินการตามข้อ ๑ เสร็จสิ้นแล้ว และแจ้งผลการรับรองผูกพันพิธีสารฯ ของประเทศไทยต่อประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนอย่างเป็นทางการ

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีทางการค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ และอนุมัติการลงนาม และนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้เอกสารดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป
               ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม และให้รัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณาแก้ไขข้อความที่ไม่มีนัยสำคัญได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
               ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้รัฐมนตรีว่าการ
หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ ระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ ประเทศญี่ปุ่น
               ๔. ให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามกำกับพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓
               ๕. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบตามร่างพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ แล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามสัญญา และมอบกระทรวงการต่างประเทศแจ้งภาคีคู่สัญญาทราบเพื่อให้หนังสือสัญญามีผลใช้บังคับต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              ๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
                  ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region และการ
ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว   และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นชอบการลง
นามแทนคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  ๙  กันยายน  ๒๕๔๖  โดยให้ผู้อำนวยการสำนักงานความ
ร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอร
มนีในนามของรัฐบาลไทย
                  ๑.๒ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของ
หนังสือแลกเปลี่ยนฯ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลง
ในเรื่องนั้น ๆ ได้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
              ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการขอยกเว้นอากรนำเข้า
และภาษีอื่น  ๆ  สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการฯ   หากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างข้อตกลงฯ  แล้ว
การขอยกเว้นอากรนำเข้าสามารถกระทำได้ ตามภาค ๔ ประเภท  ๑๐  แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยสินค้าที่ได้รับการยกเว้นอากรตามภาค ๔ ดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
๘๑ แห่งกฎหมายประมวลรัษฎากร และภาษีสรรพสามิต ตามมาตรา  ๙๙  แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๒๗ ด้วย ไปพิจารณาด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้ให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๑๕.๐ ของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศไทยให้แก่วิสาหกิจในเครือ โดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย หรือรายได้จากการขายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนให้แก่วิสาหกิจในเครือเพื่อความมุ่งประสงค์ในการผลิตนอกประเทศไทยที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือ และลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายให้แก่คนต่างด้าวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการที่ปฏิบัติงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๑๕.๐ สำหรับเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานโดยศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
               ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาความเห็นในเรื่องนี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
               ๑. นางสาวจันทร์สุดา รักษ์พลเมือง     ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒. นายกฤษศญพงษ์ ศิริ                 ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๓. นายเขมชาติ เทพไชย                ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๔. นายชาย นครชัย                      ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๕. นายสหวัฒน์ แน่นหนา               ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๖. นางสาวนันทิยา สว่างวุฒิธรรม       ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายหิรัญ พรหมมา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราช
การประจำ  ด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน  (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)  สำนักเลขาธิการนายก
รัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่  ๒  กรกฎาคม  ๒๕๕๓  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์  ตามที่
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาโอกินาวา (Draft Okinawa Declaration) และร่างแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ของคณะทำงานเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ปี ๒๕๕๓-๒๕๕๘ (Draft APEC TEL Strategy Action Plan : 2010-2015)
               ๒. เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างปฏิญญาโอกินาวาและร่างแผนปฏิบัติการฯ ได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญในระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคด้านโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมสารสนเทศ ครั้งที่ ๒ (TELSOM II) ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งจะมีการพิจารณากลั่นกรองร่างเอกสารทั้งสองฉบับอีกครั้ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายคะซุโอะ ชิบะตะ (Mr. Kazuo Shibata) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่
ญี่ปุ่นประจำจังหวัดเชียงใหม่ สืบแทน นางจุงโกะ โยะโกะตะ (Mrs. Junko Yokota) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่
กระทรวงการต่างประเทศเสนอ