ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1732 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34621 - 34640 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34621 | การแต่งตั้งคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 | รง | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๘ จำนวน ๑๔ คน ประกอบด้วย กรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๔ คน กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และลูกจ้าง ฝ่ายละ ๕ คน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นางสุวรรณี คำมั่น ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๒. นางอัจนา ไวความดี ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๓. นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๔. นางอัมพร นิติสิริ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ๕. นายวัลลภ กิ่งชาญศิลป์ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๖. นายอรรถยุทธ ลียะวณิช ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๗. นายสุเทพ ศรีเพียร ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๘. นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๙. นายสมพงศ์ นครศรี ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ๑๐. นายชัยพร จันทนา ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๑. นายมานะ จุลรัตน์ ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๒. นายประจวบ พิกุล ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๓. นายณัฎฐ์พัฒน์ ปัตตายะโก ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ๑๔. นายสุรเดช ชูมณี ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34622 | รัฐบาลสาธารณรัฐฮังการีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเดแนช โทมอย (Mr. Denes Tomaj)] | กต | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายเดแนช โทมอย (Mr. Denes Tomaj) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญ
ผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฮังการีประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายอันดรัช บาล็อก (Mr. Andras Balogh) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34623 | รายงานผลการทบทวนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณฯ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงสาธารณสุข | สธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการทบทวนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ อนุมัติให้ใช้เงินงบประมาณฯ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยไม่มีข้อผูกพันจำนวนประมาณ ๖๓.๓ ล้านบาทและเงินจากโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาสาธารณสุข (โครงสร้างพื้นฐาน) ที่คงเหลืออยู่ประมาณ ๕๘๒ ล้านบาท ไปช่วยเหลือและฟื้นฟูเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งผลการพิจารณาทบทวน พบว่า ไม่สามารถใช้เงินที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีโดยไม่มีข้อผูกพันดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามยังคงมีความจำเป็นจะต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๒๓๘,๗๙๔,๑๘๐ บาท จากโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาสาธารณสุข (โครงสร้างพื้นฐาน) ที่คงเหลืออยู่ประมาณ ๕๘๒ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเรื่องไปยังผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไปแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34624 | รายงานผลการดำเนินงานศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป | พม | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ดำเนินงานศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป โดยแบ่งเป็นประเภทของกรณีความเสียหาย ดังนี้ ๑. การช่วยเหลือเร่งด่วน ได้เปิดรับลงทะเบียนผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบฯ ตั้งแต่ วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓-๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ มีผู้ลงมาทะเบียน จำนวน ๑,๘๗๑ ราย ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และให้ความช่วยเหลือแล้วจำนวน ๑,๘๒๐ ราย เป็นเงิน ๑๐๗,๐๐๓,๒๐๙ บาท ๒. การช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิตได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นเงิน ยังชีพรายเดือนแก่ผู้ทุพพลภาพ จำนวน ๑๓ ราย บุตรผู้เสียชีวิต จำนวน ๕๘ ราย และบุตรผู้ทุพพลภาพ จำนวน ๑๔ ราย เป็นเงิน ๗๐๙,๐๐๐ บาท ๓. การช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ระเบิดที่อาคารสมานเมตตา แมนชั่น ได้ให้การ ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน ๓ ราย เป็นเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท และผู้บาดเจ็บ จำนวน ๑ ราย เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑,๒๖๐,๐๐๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34625 | โครงการโรงเรียนดีประจำตำบล | ศธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการโรงเรียนดีประจำ
ตำบล ดังนี้ ๑. วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อพัฒนาโรงเรียนในชนบทระดับตำบลให้เป็น “โรงเรียนคุณภาพ” มี ความพร้อมและความเข้มแข็งทั้งทางด้านวิชาการ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การพัฒนาสุขภาพอนามัย การเรียนรู้ อาชีพ และกิจกรรมบริการชุมชนอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนัก เรียนในท้องถิ่นชนบท และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ หรือการมีส่วนร่วมจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานนำไปสู่ความเข้มแข็งของโรงเรียนและรองรับการกระจายอำนาจ ๒. เป้าหมายการดำเนินโครงการฯ ประกอบด้วยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ละ ๑ โรงเรียน (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) รวม ๑๘๒ โรงเรียน และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประชาคมร่วมคัดเลือก โรงเรียน ๑ โรงเรียน ๑ ตำบล รวมประมาณ ๗,๐๐๐ ตำบล (โดยจะคัดเลือก ๑,๐๐๐ ตำบล เป้าหมายของการพัฒนา ปี พ.ศ. ๒๕๕๔) และพัฒนาโรงเรียนที่เหลือในปีต่อ ๆ ไป ๓. ภารกิจสำคัญของการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล อาทิ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และจัด การเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของนักเรียนด้านวิชาการ พื้นฐานอาชีพ ดนตรี กีฬา ศิลปะ และเทคโนโลยี การปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์และพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับภูมิทัศน์และสิ่งแวด ล้อมให้สะอาด ร่มรื่น และปลอดภัย การจัดระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาอย่างเข้มแข็ง การบริหารจัด การศึกษาแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในชุมชนและในท้องถิ่น รวมทั้งพัฒนาครูและบุคลากรตามแผนพัฒนาราย บุคคล (D-Plan) เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34626 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วท | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติ
ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สำนักงาน คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34627 | ร่างพระราชกฤษฎีการวมศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่นไปเป็นส่วนราชการมีฐานะเทียบเท่าภาควิชาในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... | ศธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวมศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอน แก่น ไปเป็นส่วนราชการมีฐานะเทียบเท่าภาควิชาในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทรวงศึกษาธิ การ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่าง พระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามมาตรา ๓ (๒๔) แห่งพระราช กฤษฎีกาจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑.๒ กำหนดให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ พนักงานมหาวิทยาลัย ลูกจ้าง และงบประมาณราย จ่ายของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปเป็นของคณะแพทยศาสตร์ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งส่วน ราชการในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับ การกำหนดงบประมาณรายจ่ายของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปเป็นของคณะแพทยศาสตร์ นั้น เนื่องจากร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้เป็นการยุบรวมส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งในส่วนของงบ ประมาณแผ่นดิน งบประมาณรายจ่ายที่จัดสรรให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถนำไปใช้จ่ายระหว่างหน่วยงาน ภายในมหาวิทยาลัยได้ โดยไม่ต้องกำหนดบทบัญญัติดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกา ส่วนการกำหนดให้ศูนย์หัว ใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปเป็นส่วนราชการมีฐานะเทียบเท่าภาควิชาในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ต้องจัดทำเป็นประกาศทบวงมหาวิทยาลัยตามมาตรา ๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอน แก่น พ.ศ. ๒๕๔๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34628 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... | สผ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34629 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง | ยธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34630 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ [นางซูซัน เอ็น. สตีเวนสัน (Mrs. Susan N. Stevenson)] | กต | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางซูซัน เอ็น. สตีเวนสัน (Mrs. Susan N. Stevenson) ให้ดำรง
ตำแหน่งกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ สืบแทนนายไมเคิล เค. มอโรว ซึ่งครบวาระประจำ การ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34631 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ...." | สสป | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34632 | รายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว Tourism Ministers T20 ครั้งที่ 2 ณ เมือง Buyeo สาธารณรัฐเกาหลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬ า โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) รายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว Tourism Ministers T20 ครั้งที่ ๒ ณ เมือง Buyeo สาธารณรัฐเกาหลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ สรุปได้ดังนี้ ๑. การนำเสนอข้อมูลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เรื่อง How Can Tourism Contribute to Creating Decent Jobs? ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลโดยเน้นในด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการมุ่งสร้างความแข็งแกร่งแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อเป็นทางออกในการแก้ ปัญหาเศรษฐกิจ ๒. การนำเสนอข้อมูลของประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมในประเด็นด้านความสัมพันธ์ของการ ท่องเที่ยวต่อวาระระดับโลก และวาระแห่งชาติในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน การกำหนด ตำแหน่งของการท่องเที่ยวในวาระแห่งชาติ และวาระระดับโลก รวมถึงเป้าหมายเชิงนโยบาย โอกาสและความท้า ทาย ตลอดจนการสร้างความเป็นผู้นำร่วมกันในกลุ่ม T20 และการพัฒนาสาระสำคัญร่วมกันของกลุ่ม ๓. การนำเสนอในประเด็นด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาซึ่งส่งผลต่อการเติบโตอย่างสมดุล ยั่งยืน และเข้มแข็ง และการหารือในประเด็นที่มีเป้าหมายในด้านบทบาทของการท่องเที่ยวต่อวาระในการพัฒนา การ เติบโตร่วมกัน และโลกาภิวัตน์ที่เป็นธรรมมากขึ้น เช่น ทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวมีบทบาทในการเชื่อมโยง ระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา และทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวมีบทบาทในเป้าหมายการ พัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ (UN Millennium Development Goals) ๔. ที่ประชุมฯ ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น การกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐ กิจผ่านการเดินทางและการท่องเที่ยวโดยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายของนักท่องเที่ยว แก้ไขข้อจำกัด ในการเดินทางที่เป็นอุปสรรค การส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง การ สนับสนุนบทบาทของการท่องเที่ยวในการจ้างงานโดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการฝึกอบรมและ การเสริมสร้างสมรรถนะ รวมทั้งการกระตุ้นการสร้างงานที่เหมาะสมในภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว เป็น ต้น โดยจะร่วมมือกันต่อไปเพื่อแบ่งปันข้อมูลและเป็นแบบอย่างการปฏิบัติที่ดี ตลอดจนเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เกื้อหนุนกรณีด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาสำหรับการท่องเที่ยว เพื่อจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากองค์ กรการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34633 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เพื่อประชุมเจรจา แนวทางการบริหารจัดการระบบธุรกิจค้าส่ง - ค้าปลีก และศึกษาช่องทางการขยายการค้า ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะได้เข้าพบและหารือกับรองนายกเทศ มนตรีเมืองอี้อู่ รวมทั้งอธิบดี และรองอธิบดีสำนักการค้าระหว่างประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการขยาย ตลาดสินค้าเกษตรไทยในเมืองอี้อู่ซึ่งการนำสินค้าเกษตรของไทยเข้าร่วมแสดงและวางจำหน่ายในตลาดอี้อู่จะเป็น ช่องทางการกระจายสินค้าที่ดีโดยผู้บริหารตลาดอี้อู่ได้จัดสรรพื้นที่สำหรับการทดลองจำหน่ายเป็นเวลา ๖ เดือน โดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้า ระหว่างประเทศ ณ เมืองเซียเหมิน จัดทำแผนการขยายตลาดสินค้าการเกษตรแปรรูปในตลาดอี้อู่เพื่อสร้างความ ร่วมมือและจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ข้อ หารือเรื่อง การอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ไทย - จีน และความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจจีนกับไทยจะต้อง ได้รับการแก้ไขปัญหาเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เจริญเติบโตต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34634 | โครงการพัฒนาโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อการกระจายโอกาสสำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ | ศธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการพัฒนาโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อการกระจายโอกาสสำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ยกเว้นในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียนประจำและค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนการสอน เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวในอัตราคนละ ๘๔,๐๐๐ บาทต่อปี ตามอัตราที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ได้ให้การสนับสนุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยในปัจจุบัน สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๔ (พฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๔) ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จากโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ๑๕ ปี ที่ได้รับมาดำเนินการก่อน และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการเชื่อมโยงกับสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานทางวิชาการในพื้นที่เพื่อให้การสนับสนุนด้านการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร การจัดกิจกรรมทางวิชาการ การพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างความสามารถทางวิชาชีพของบุคลากรผู้สอนของโรงเรียน รวมทั้งการเชื่อมโยงกับโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ฯ นอกจากนี้ ควรสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ที่ตั้งโรงเรียนหรือในพื้นที่ใกล้เคียง และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้การพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีคุณภาพและเป็นการกระจายโอกาสสำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นการพัฒนาครูผู้สอนในโรงเรียนนั้นด้วย ไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนที่จะเข้าร่วมโครงการฯ จากผลการเรียนของนักเรียนเป็นหลักโดยไม่มีระบบโควตา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34635 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมโครงการอุปสมบทพระสงฆ์ 999 รูป เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยคู่สมรสคณะรัฐมนตรีโดยไม่ถือเป็นวันลา (ระหว่างวันที่ 6 - 23 มกราคม 2554) | นร | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ
ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถเข้าร่วมอุปสมบทใน โครงการที่คณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยคู่สมรสคณะรัฐมนตรีที่จัดขึ้น โดยไม่ถือเป็น วันลา ระหว่างวันที่ ๖-๒๓ มกราคม ๒๕๕๓ ณ กรุงเทพมหานครและจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตามที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34636 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 6 เดือน ปี 2553 | กค | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญรอบ ๖ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ดังนี้
๑. เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรอบ ๖ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ ๑๔.๑๒ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน ๑๙๖,๘๙๙ ล้านบาท สำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับโดยตรง จำนวน ๑๓๗,๔๒๘ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๕.๓๔ และธุรกิจประกันวินาศภัยมีเบี้ยประกันรับโดยตรง จำนวน ๕๙,๔๗๑ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๑.๔๒ ๒. ดำเนินการยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่มีความสำคัญในการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินของบริษัท เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและความมั่นคงของบริษัทประกันภัย ให้กฎหมายมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาบริษัทประกันภัยไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสการเข้าถึงระบบประกันภัยของประชาชน ตลอดจนพัฒนากฎระเบียบในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยในการได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยและกำกับพฤติกรรมทางการตลาดของบริษัทประกันภัย ๓. พัฒนาปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยตั้งศูนย์บริการด้านการประกันภัย หรือ Insurance Service Center (ISC) ทางด่วนข้อพิพาทประกันภัย และนำระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนผ่านทาง E-mail : [email protected] และ ๔. กำหนดให้บริษัทประกันภัยทุกบริษัทดำเนินการทดสอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Parallel Test Run) ๕. สร้างเครือข่ายความรู้ประกันภัยผ่านหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมด้านการประกันภัยเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศ ๖. จัดตั้งคณะทำงานเพื่อการเข้าร่วมเป็นภาคีของ IAIS MMoU ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาดำเนินการในการเข้าร่วมเป็นภาคีของ IAIS MMoU ดังกล่าว และปรับปรุงผลการประเมินการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยตามมาตรฐานการกำกับดูแลของสมาคมผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ (IAIS Insurance Core Principles Self-Assessment) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ (ค.ศ. ๒๐๐๙) เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และพัฒนาการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของไทยให้เข้าสู่มาตรฐานสากล ๗. พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันภัยสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34637 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเวียงต้า ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน ตำบลห้วยอ้อ ตำบลหัวทุ่ง ตำบลบ่อเหล็กลอง ตำบลปากกาง ตำบลแม่ปาน ตำบลทุ่งแล้ง อำเภอลอง และตำบลแม่ป้าก ตำบลวังชิ้น ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๓ ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่บางแห่งในอำเภอทรายทองวัฒนา อำเภอบึงสามัคคี อำเภอคลองขลุง อำเภอขาณุวรลักษบุรี และอำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๗ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกามีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจักประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๒๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34638 | ร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2553 - 2557) | นร | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แนวทางการวิจัยและพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูงภายใต้แผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖) นำไปสู่การพัฒนาเฮมพ์ที่เป็นรูปธรรม และเพื่อสร้างความเชื่อมโยงของการดำเนินงานพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง โดยบูรณาการแผนงาน โครงการ กิจกรรม และงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของชุมชนบนพื้นที่สูง รวมทั้งเพื่อให้มีกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาเฮมพ์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และร่างแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูงอย่างเป็นรูปธรรมตามแผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์ฯ โดยกำหนดแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องการพัฒนาเฮมพ์ใน ๕ พื้นที่ ระยะ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕) ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและผลิตเมล็ดพันธุ์ การวิจัยและศึกษาวิธีการเขตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตเฮมพ์ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการประสานหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาบรรจุแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการนี้ไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดินและแผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี ของหน่วยงานต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณในประเด็นความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณเพื่อพัฒนาเฮมพ์ตามยุทธศาสตร์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูงฯ วงเงิน ๗๒.๓๕๐ ล้านบาท และแผนปฏิบัติการโครงการนำร่องพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูงภาคเหนือ ระยะ ๒ ปีฯ วงเงิน ๑๗.๕๔๙ ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๘๙.๘๙๙ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ภายในกรอบงบประมาณที่ได้รับไว้แล้ว และสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอคำขอตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งต้องตรวจสอบและกำหนดแผนงาน/โครงการไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน/แผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี ของหน่วยงานตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34639 | ขออนุมัติลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อวัตถุประสงค์ในทางสันติ | วท | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วย ความร่วมมือในการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อวัตถุประสงค์ในทางสันติ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลง ถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาสาระของร่างความตกลงฯ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการโดย ไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามใน ความตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาหารือร่วมกันว่า ในการดำเนินการตามร่างความตกลงฯ จะก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของ ประเทศอย่างกว้างขวางซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ และเสนอผลการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ แล้วดำเนิน การต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทบทวนและตรวจสอบคำแปลภาษาไทยของร่างความ ตกลงฯ ให้ละเอียดถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34640 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการเทศกาลศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์) ของกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรมถอนเรื่อง ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการเทศกาลศิลปวัฒนธรรมเชิง สร้างสรรค์) ของกระทรวงวัฒนธรรม คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ |