ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1739 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34761 - 34780 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34761 | การแต่งตั้งข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 57 ราย 1. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ฯลฯ) | มท | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูง) ที่เหลืออีก ๘ ราย และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย) จำนวน ๔๘ ราย ๒. แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ได้แก่ ๒.๑ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๓ ราย ๒.๒ ตำแหน่งอธิบดี จำนวน ๓ ราย ๒.๓ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕ ราย ๒.๔ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๔๔ ราย
|
|||||||||||||||||||||
34762 | การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย (รวม 4 คณะ) | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากทั่วประเทศและเห็นชอบการกำหนดผู้รับผิดชอบ หลักในการดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ๑.๑ การสร้างระบบเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและเป็นธรรม มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายสาวิตต์ โพธิวิหค) เป็น ที่ปรึกษา ๑.๒ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและขยายระบบสวัสดิการสังคม มีรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์) เป็นที่ปรึกษา ๑.๓ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การเมือง และความไม่เท่าเทียมในสังคม มีรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายองอาจ คล้ามไพบูลย์) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายบัณฑิต ศิริ พันธุ์) เป็นที่ปรึกษา ๑.๔ การสร้างอนาคตของชาติด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ หลัก และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายกนก วงษ์ตระหง่าน) เป็นที่ปรึกษา ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนิน การต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้รับผิดชอบหลักและที่ปรึกษาในแต่ละด้านร้องขอ ทั้งนี้ ในส่วนของการเสนอชื่อผู้ แทนของหน่วยงาน เพื่อเข้าร่วมดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยในแต่ละด้าน นั้น ให้หน่วยงานพิจารณากำหนดผู้ แทนที่มีอำนาจตัดสินใจและสามารถเข้าร่วมพิจารณาได้อย่างต่อเนื่องด้วย ๓. สำหรับการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและเป็นธรรม มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ๒ เรื่องคือ ปัญหาในเชิงโครงสร้างของระบบราคาและต้นทุนการผลิต และปัญหาของประชาชนในภาคเศรษฐกิจนอก ระบบซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดผู้แทน รวมทั้งบุคลากรที่มีอำนาจตัดสินใจ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง โดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
34763 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 11/2553 | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ในการประชุม
ครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบหลักการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟู ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ กรรมการและเลขานุการ รศก. เสนอ และที่เสนอ เพิ่มเติมขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๑๕/๔๐๔๖ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ดังนี้ ๑. หน้า ๑๐ ข้อ ๒.๓.๓.๔ (๑) จากเดิม “ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งสำรวจความเสียหาย ...”เป็น “ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่ง สำรวจความเสียหาย ...” ๒. หน้า ๑๑ บรรทัดที่ ๑ จากเดิม “(๒) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดระบบประกัน ภัย ...” เป็น “(๒) มอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณากรอบแนวทางประกันภัยพืชผลอันเนื่องมาจากภัยธรรม ชาติเร่งรัดระบบประกันภัย ...” ๓. หน้า ๑๑ บรรทัดที่ ๔ จากเดิม “(๓) มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียในภาพรวม ...” เป็น “(๓) มอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการศึกษาความเหมาะ สมและพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ...”
|
|||||||||||||||||||||
34764 | การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับกรณีราษฎรที่ประสบอุทกภัย
ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ๒๕๕๓ หากได้รับผลกระทบจากกรณีเกิดน้ำท่วมฉับพลันทำให้ไม่สามารถขนย้าย ทรัพย์สินไปสู่ในที่ปลอดภัยได้ หรือมีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๗ วัน ก็จะได้รับการช่วย เหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสำรวจจำนวนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย แล้วดำเนินการให้ความช่วยเหลือครัวเรือน ละ ๕,๐๐๐ บาท โดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
34765 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
34766 | ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
34767 | การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ของส่วนราชการ | วธ | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเข้าพื้นที่ของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นเวลา ๑ ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจ ช่วยลดภาระและบรรเทาอุปสรรคบางส่วนให้แก่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งของชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวม ๗ หน่วยงาน ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมชลประทาน กรมศิลปากร กรมธนารักษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยมีเงื่อนไขยังคงต้องวางเงินประกันความเสียหายก่อนการถ่ายทำให้แก่หน่วยงานดังกล่าวตามระเบียบที่กำหนดไว้ตามเดิม ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม [บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)] เกี่ยวกับกรณีที่จะขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการถ่ายทำภาพยนตร์ ขอให้มีหนังสือยืนยันต่อบริษัทฯ โดยตรงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารต้องบริหารบริษัทฯ ด้วยความระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
34768 | การปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ) | นร | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ) เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ แทนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34769 | แนวทาง นโยบาย และมาตรการการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ | ทก | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติแนวทาง นโยบาย และมาตรการการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนและประสานงานในบริบทของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยกำหนดให้เป็นการบริหารแบบบูรณาการภายใต้การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและบริหารอย่างประหยัดโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเตือนภัย เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอันที่จะรักษาความปลอดภัยและปกป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้ กภช. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการในกรอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังและการแจ้งเตือนภัยก่อนเกิดเหตุ อย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีการประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับคลังข้อมูลสาธารณภัยแห่งชาติ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อนำระบบข้อมูลสารสนเทศสนับสนุนการวางแผนในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่อพยพของประชาชน นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการวางระบบเชื่อมโยงเครือข่าย การสร้างความร่วมมือกับองค์กรบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งในประเทศและต่างประเทศ และให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจัดทำกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการภายใต้กรอบแนวทางนโยบายฯ ให้เชื่อมโยงกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับชาติที่มีอยู่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
34770 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากภาวะวิกฤตของประเทศไทย | สสป | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบความเห็นและข้อเสนอและของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากภาวะวิกฤตของประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มเป้าหมายในการเยียวยาต้องครอบคลุมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทั้งในกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค อย่างทั่วถึง และไม่เลือกฝ่าย ได้แก่ ประชาชน ธุรกิจ และผู้ประกอบการ ๑.๒ มาตรการเยียวยาในระยะสั้น แบ่งเป็น ๒ ด้าน ได้แก่ ๑.๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ควรประเมินผลการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วว่าเพียงพอที่ผู้ได้รับผลกระทบจะสามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้ตามปกติหรือไม่ โดยเสนอมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมจากที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ ด้านผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้ประกอบการชาวต่างชาติ การท่องเที่ยว การเงินการคลัง ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย และการให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษกับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครช่วยชีวิต พยาบาล และผู้สื่อข่าว ๑.๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ ด้านจิตใจ การบังคับใช้กฎหมาย แรงงาน การศึกษา การมีส่วนร่วม การต่างประเทศ และกฎหมายการสื่อสาร ๑.๓ ด้านกลไกการเยียวยาเพิ่มเติม ควรจัดตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดซึ่งเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้โดยความบริสุทธิ์ใจด้วย เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ๑.๔ ด้านการปฏิรูปประเทศไทยตามกรอบแนวคิดของแผนปรองดองแห่งชาติ ได้แก่ ๑.๔.๑ ระยะปานกลาง ควรเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง ๑.๔.๒ ระยะปานกลางและระยะยาว โดยปรับปรุงกฎหมายในภาพรวมจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป รวมตลอดถึงการออกหรือแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการสังคมต่าง ๆ ๒. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเสนอ ๓. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ในเรื่องนี้ ชี้แจงการดำเนินงานของรัฐบาลพร้อมทั้งจัดทำรายงานผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีและรายงานให้สภาที่ปรึกษาฯ ทราบ
|
|||||||||||||||||||||
34771 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พ.ศ. .... | ศธ | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย สาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะศาสตร์ และสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ ๑.๒ กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย ๑.๓ กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดสีประจำสาขาวิชา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
34772 | รัฐบาลสาธารณรัฐซิมบับเวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายคัทเบิร์ต ชาคาทา (Mr. Cuthbert Zhakata)] | กต | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายคัทเบิร์ต ชาคาทา (Mr. Cuthbert Zhakata) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซิมบับเวประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นายลูกัส ปานเด ตาวะยะ (Mr. Lucas Pande Tavaya) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34773 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการจัดการ ศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ครูการศึกษาพิเศษ” ให้มีความหมายกว้าง ขึ้น และครอบคลุมครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรี รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรม การประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
34774 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมและลำดับความเร่งด่วนทั้งในส่วนของงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน เพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ๒. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสรุปดังนี้ ๒.๑ รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าและแนวทางการดำเนินการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๒ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน ให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับโครงการเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ขยายเวลาลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ๒.๓ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (จังหวัดน่าน แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สกลนคร มุกดาหาร พังงา ตาก ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๒.๔ ในส่วนของการดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงินรวม ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท และโครงการเดิมที่กระทรวงการคลังกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดส่งคำขอการจัดสรรเงินพร้อมเอกสารรายละเอียดประกอบที่ครบถ้วนให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นั้น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่ราชการต่าง ๆ ตามนัยหลักการที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้แจ้งยืนยันผลการพิจารณาทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๓ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้สำนักงบประมาณเร่งพิจารณาก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ โครงการใดที่หน่วยงานเจ้าของโครงการยังคงยืนยันขอจัดสรรเงินตามโครงการเดิมให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด |
|||||||||||||||||||||
34775 | การแก้ไขปัญหากรณีการละเมิดสิทธิในที่ดินชาวม้ง ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน | มท | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย)
ประธานกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน รับเรื่อง การแก้ไขปัญหากรณีการละเมิด สิทธิในที่ดินชาวม้ง ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ไปพิจารณาทบทวน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. ศึกษา ตรวจสอบ และพิจารณาข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะทำ งานในระดับจังหวัดว่า การที่กรณีชาวบ้านป่ากลางได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และชาวบ้านพื้นราบในเขตอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่านที่เข้าไปขับไล่ รื้อถอน และเผาสวนลิ้นจี่จนได้รับความ เสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพียงใด ๒. การให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หากมิใช่เป็นเพราะเหตุความรับผิดของรัฐ แต่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหายดังกล่าวแล้ว ย่อมไม่สมควรนำหลัก เกณฑ์การคำนวณการจ่ายเงินค่าชดเชยตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งค่าเสียโอกาสให้แก่ผู้เสียหาย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ กรณีดังกล่าวรัฐสมควรคำนึงถึงความสามารถในการให้ความช่วยเหลือเยียว ยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหายตามหลักความเหมาะสมและเพียงพอกับความสามารถของรัฐ ๓. ประสานงานและทำความเข้าใจกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณา ดำเนินการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนในทำนองนี้ว่า นอกจากวิธีการสอบปากคำ และการรับฟังความคิดเห็น แล้ว ควรมีการศึกษา ตรวจสอบ และพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิการครอบครองที่ดินของผู้ร้องเรียนเพิ่ม เติมด้วย เช่น การพิสูจน์สิทธิด้วยภาพถ่ายทางอากาศ รวมทั้งสอบถามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ดำเนินการขับไล่ และรื้อถอนทรัพย์สินของราษฎรออกจากที่ดินของรัฐว่า ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย หรือระเบียบใด ทั้งนี้ หากการให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาวม้งดังกล่าว เป็นไปด้วยความไม่เหมาะสมและ ไม่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายแล้ว ย่อมจะทำให้กรณีนี้เป็นแนวทางทำให้เกิดกรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐ และมีการ ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต |
|||||||||||||||||||||
34776 | สถานที่สร้างสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. 2555 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) | มท | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เลือกพื้นที่สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เป็นสถานที่ก่อสร้าง สนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. ๒๕๕๕ (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) ๒. ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างสนาม ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ประสานงานกับ สำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะต้อง ใช้ในการก่อสร้างสนามให้ชัดเจนก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกสถานที่ในการสร้างสนามแข่งขัน ให้คำนึงถึงความพร้อมในการขอใช้พื้นที่ ความเป็นไปได้ของการก่อสร้างให้เสร็จทันเวลา ความสะดวกในการคมนา คมและบริการสาธารณูปโภค รวมทั้งจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ของสนามภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันไปพิจารณา ดำเนินการด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ สัปดาห์ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดการการ แข่งขันฟุตซอลดังกล่าว โดยมีองค์ประกอบจากผู้แทนของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม เพื่อทำหน้าที่กำกับ ควบคุม ประสานการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งติดตามและประเมิน ผลการดำเนินงานในฐานะเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลดังกล่าวด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
34777 | ร่างรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม | อส | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วย สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ฉบับภาษาไทย ๑.๒ ให้คณะกรรมการตรวจทานคำแปลที่สำนักงานอัยการสูงสุดจักได้แต่งตั้งต่อไปตรวจทานคำ แปลรายงานฉบับภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับร่างรายงานฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดส่งรายงานประเทศไทยฉบับสมบูรณ์ไปยังเลขาธิ การสหประชาชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรม การสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับสิทธิ ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในประเทศ ซึ่งยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงฐานทรัพยากรและ ปัญหาผลกระทบจากการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้นำไปสู่ความขัดแย้งและการชุมนุมทางการเมือง หลายครั้ง ดังนั้น ความพยายามของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศไทย จึงควรมุ่งแก้ไขประเด็นความเหลื่อมล้ำดัง กล่าว และควรให้ความสำคัญกับข้อเสนอในการปฏิรูปประเทศไทยที่มาจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจาก ประชาชนโดยนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังและควรมีการกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในร่างรายงานฯ ของประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ในร่างรายงานฯ ของประเทศไทยควรกล่าวถึงความท้าทายในการที่รัฐบาลจะประกันสิทธิทางเศรษฐ กิจ สังคม และวัฒนธรรมแก่ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพันธกรณีที่ไทยมีต่อกติการะหว่างประเทศฯ อย่างทั่วถึง รวมทั้งกล่าวถึงสิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปในอนาคตเพื่อให้รับมือกับความท้าทายดังกล่าวซึ่งจะ ทำให้ร่างรายงานฯ ของประเทศไทยมีความสมบูรณ์และมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
34778 | การรับรองร่างเอกสารสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 22 และ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 18 | กต | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๒ (Joint Statement) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้การรับรอง ๒. เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๘ (Leaders’ Declaration) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีให้การรับรอง ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการรับรอง ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
34779 | ขอความเห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง | ทส | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของร่างปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิรก์ เรื่อง การอนุรักษ์เสือโคร่ง ซึ่งรัฐบาลสหพันธ รัฐรัสเซียได้ร้องขอให้ผู้นำประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่ง ๑๓ ประเทศ ได้แก่ อินเดีย เนปาล ภูฏาน พม่า จีน ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และบังคลาเทศ ลงนามร่วมกัน โดย ในส่วนของประเทศไทย มอบให้นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เป็นผู้ลงนามในปฏิญญาดังกล่าว และใน กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถร่วมลงนามได้เห็นสมควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพิจารณามอบ อำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามแทน ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการ ดำเนินการตามข้อ ๓ (เอ) ของร่างปฏิญญาฯ เรื่องการ Strengthened national legislation หากออกเป็นพระราช บัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา อาจเข้าข่ายมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย แต่หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าสามารถดำเนินการตามข้อบทดังกล่าวได้ โดยใช้กฎหมายในระดับต่ำ กว่าพระราชบัญญัติ อาทิ กฎกระทรวง หรือประกาศ ร่างปฏิญญาฯ ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน ไปพิจารณา ด้วย |
|||||||||||||||||||||
34780 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) | มท | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ดังนี้
๑. กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๑๖๑,๔๔๐,๐๐๐ บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน ๖๓๒,๒๘๘ ครัวเรือน ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. จัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารออมสินซึ่งเป็นหน่วยรับงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) โดยด่วนต่อไป
|
.....