ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1738 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34741 - 34760 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34741 | ขออนุมัติลงนามร่างแผนฉุกเฉินเพื่อจัดการและประสานงานเรื่องอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันเกี่ยวกับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง - แม่น้ำโขง | คค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. การลงนามร่างแผนฉุกเฉินเพื่อจัดการและประสานงานเรื่องอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันเกี่ยว กับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวง การต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้แทน สำหรับการลงนามดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
34742 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 32 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการเงินกู้รัฐบาล ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๓๒ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) ได้ลงนามในหนังสือแลก เปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในนามรัฐบาลไทย ร่วมกับอุปทูต รักษา ราชการแทนเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (นาย Yuji Kumamaru) รวมทั้งได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ร่วม กับนาย Yasunori Onishi ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย ในฐานะผู้ให้กู้สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท นอกจากนี้ ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ระหว่างนาย Yasunori Onishi ในฐานะผู้ให้กู้ กับนายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รักษาการแทนผู้ว่าการ รฟม. ในฐานะผู้กู้ โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินกู้ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ราย ละเอียดหนังสือแลกเปลี่ยนฯ สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกันเงินกู้มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะ รัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ ๒. ให้นำประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท ประกาศราช กิจจานุเบกษาภายใน ๖๐ วันนับแต่วันลงนามในสัญญากู้เงิน (ภายในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมาย สำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
34743 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายกฤษฎา มโหทาน) | สธ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษฎา มโหทาน ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ ๑๐ วช. (ด้านเวช
กรรมป้องกัน) กลุ่มควบคุมและป้องกันโรคเรื้อน สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณ สุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
34744 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 5 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เสนอผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๕ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (Indonesia - Malaysia - Thailand Growth Triangle : IMT - GT) เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นการประชุมคู่ ขนานกับการประชุมระดับผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และมอบหมาย ให้ สศช. ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามผลการประชุม ซึ่งได้มีมติเห็นชอบต่อรายงานความก้าว หน้าการดำเนินงานแผนงาน IMT - GT ระหว่างปี ๒๕๕๒/๒๕๕๓ ตามที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานแทนหัวหน้ารัฐมนตรีแผนงาน IMT - GT และเห็นชอบข้อเสนอแนะโดย รัฐมนตรีแผนงาน IMT - GT สามประเทศ ๙ ข้อ ได้แก่ ๑. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสดำเนินโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ หลัก (Flagship programmes) ตามผลการปรับ แผนปฏิบัติการ IMT - GT โดยมีระบบการวางแผนโครงการ การเตรียมการปฏิบัติและการจัดสรรทรัพยากรดำเนิน โครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสประสานการนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเข้าร่วมการเตรียมการจัดทำแนวทาง ดำเนินการ (Implementation) ปี ๒๐๑๒ - ๒๐๑๖ โดยให้สอดรับกับห้าแนวยุทธศาสตร์ตามแผนที่นำทางฉบับ ปัจจุบันที่ได้รับการรับรองอีกครั้งในการทบทวนกลางรอบ ๓. ให้หน่วยงานกลางอำนวยความสะดวกในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อการเชื่อมโยงอนุภูมิภาคที่สำคัญ เร่งด่วนเพื่อจัดทำเป็นแผนดำเนินงานต่อเนื่องระยะ ๓ ปี และให้รัฐและจังหวัดจัดทำมาตรการที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริม ทั้งด้านนโยบายการพัฒนาและการสร้างบรรยากาศต่อโครงการเหล่านี้ โดยไม่ขัดต่อนโยบายการพัฒนาประเทศใน ระดับชาติ ๔. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสและคณะทำงานสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโดยใกล้ชิดร่วมกับศูนย์ประสาน ความร่วมมืออนุภูมิภาค (CIMT) ในการจัดทำและรักษาฐานข้อมูล IMT - GT ด้านการค้า การลงทุนและการท่อง เที่ยว (ITITD) และเว็บไซต์ IMT - GT ๕. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสนำข้อเสนอแนะในรายงานของคณะ IMT - GT Eminent Persons ไปใช้ทบทวน กระบวนการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างและยกระดับสมรรถนะของกลไกการดำเนินงานแผนงาน IMT - GT ทุกระดับ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไป ๖. ให้ CIMT ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโสจัดทำกรอบความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ และแนวทางดำเนินความร่วมมือ พร้อมทั้งเร่งจัดงานการประชุมและนิทรรศการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่น และ IMT - GT ด้านความปลอดภัยของอาหารและการเกษตรมูลค่าสูง และงานการประชุมจัดคู่ธุรกิจสำหรับโครง การร่วมทุนที่มีศักยภาพในอนุภูมิภาค ๗. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสร่วมกับสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจสำหรับอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ติด ตามการจัดทำยุทธศาสตร์โดยนำเสนอจากผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การประหยัดพลังงานและการใช้พลัง งานชีวภาพ จัดโดย ERIA ร่วมกับ CIMT และฝ่ายเลขานุการระดับชาติของ IMT - GT ๘. ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสจัดการประชุม Post IMT - GT Summit ครั้งที่ ๕ ภายหลังการประชุมระดับผู้นำ ครั้งนี้ภายในปี ๒๕๕๓ โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาด้านมาตรการรองรับการสั่ง การโดยผู้นำ ๙. ให้ธนาคารพัฒนาเอเชียสนับสนุนทางวิชาการในกิจกรรมที่ผู้นำได้สั่งการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
34745 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
34746 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวนรวม ๑๐๔,๐๐๐ ล้าน บาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๗ รุ่น ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหาร หนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ ครั้งที่ ๖ ครั้งที่ ๗ ครั้งที่ ๘ รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการ บริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ กระทรวง การคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ ครั้งที่ ๗ และ ครั้งที่ ๘ จำหน่ายเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ และประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีงบ ประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ จำหน่ายเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยในส่วนของการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๔ ได้มีการปรับลดวงเงินการจำหน่าย จากจำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๗,๒๕๔ ล้านบาท เนื่องจากมีผู้เข้าประมูลไม่ครบวงเงินตามที่ประกาศไว้ สำหรับการประมูล พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ฯ ครั้งที่ ๕ และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอย ตัวฯ ครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินการประมูลเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ และ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ ตามลำดับ ๒. ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐๔,๐๐๐ ล้านบาท แล้ว ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงิน คลังรวมทั้งสิ้น ๑๕๔,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินคลังเพื่อการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และตั๋วเงินคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
34747 | รายงานผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30 | กษ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ
โอ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๐ ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน-๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ สาธารณรัฐ เกาหลี สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ ๑. ที่ประชุมได้กระตุ้นให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ หามาตรการรองรับการบรรเทาผลกระทบจากการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียกร้อง FAO ให้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศและให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกในการเพิ่มสมรรถนะในการปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดการกับวิกฤติราคาอาหารและการเงินโลกในช่วงปี ๒๕๕๐-๒๕๕๑ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารอย่างรุนแรง โดยกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกให้ความ สำคัญกับการลงทุนในภาคเกษตรเป็นลำดับแรก และสร้างเสริมระบบตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม เพื่อปก ป้องผู้บริโภคในช่วงวิกฤต พร้อมทั้งเรียกร้องให้ FAO สนับสนุนประเทศสมาชิกในการพัฒนาเทคโนโลยีโครง สร้างพื้นฐานด้านการชลประทาน การสำรองอาหาร ระบบตลาด และเพิ่มความร่วมมือในระดับประเทศ ภูมิ ภาค และระดับโลก นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนประเทศสมาชิกในการหามาตรการ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพ ของธนาคารอาหารภูมิภาคเพื่อรองรับวิกฤติอาหารที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ๓. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ FAO ประจำปี ๒๕๕๑-๒๕๕๒ ในการให้ความช่วยเหลือ ประเทศสมาชิกในภูมิภาคผ่านทางโครงการความร่วมมือทางวิชาการ การประชุมสัมมนา และการฝึกอบรม ใน เรื่องที่สำคัญ ๆ คือ นโยบายการเกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร อาหารปลอดภัย การปรับตัวและการ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การตอบ สนองต่อเรื่องโรคระบาดสัตว์และภัยพิบัติธรรมชาติ การประกันพืชผล และการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อ การเกษตร เป็นต้น ๔. ที่ประชุมให้ความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินงานของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เป็น ระยะเวลา ๑๐ ปี (๒๕๕๓-๒๕๖๒) ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานขององค์การ FAO โดยรวม ๕. ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแผนงานและงบประมาณปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ซึ่งจัดสรรงบประมาณไว้ ประมาณ ๑๖๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเห็นชอบแผนงานปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ซึ่งเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ การดำเนินงานของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ใน ๕ ประเด็น คือ ๑) เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและ โภชนาการ ๒) ส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรและพัฒนาชนบท ๓) สนับสนุนการจัดการและการใช้ทรัพยา กรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและเหมาะสม ๔) เสริมสร้างสมรรถนะให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามและความ เร่งด่วนฉุกเฉินทางด้านอาหารและการเกษตร และ ๕) สามารถเผชิญกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง สภาพ ภูมิอากาศที่มีต่อความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ๖. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของแผนปฏิบัติการเร่งด่วนในการปฏิรูป FAO โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเรื่องที่มีผลกระทบต่อการกระจายอำนาจ รวมถึงโครงการความร่วมมือทางวิชาการ ระบบการรายงานการ ทำงานของเจ้าหน้าที่ การมอบอำนาจและความรับผิดชอบด้านการเงินของ FAO สำนักงานใหญ่ให้แก่สำนัก งานภูมิภาคมากขึ้น ๗. ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอเรื่องการยุบรวมศูนย์บริการร่วม (Shared Services Centre-SSC) ให้เหลือเพียงศูนย์เดียวที่บูดาเปสต์ โดยคาดหวังว่าจะสามารถประหยัดงบประมาณดำเนินการได้ โดยผู้แทน ไทยได้กล่าวแสดงข้อกังวลทั้งในแง่ประสิทธิภาพการทำงานของศูนย์ที่บูดาเปส ต์เมื่อเทียบกับศูนย์ที่กรุงเทพฯ และในแง่ของการประหยัดงบประมาณในระยะยาว เนื่องจากประเทศฮังการีจะใช้เงินตราสกุลยูโรต่อไปในอีก ไม่กี่ปีข้างหน้า จึงได้เสนอท่าทีให้คงศูนย์บริการร่วมที่กรุงเทพฯ ไว้ต่อไป ซึ่งที่ประชุมได้ให้การสนับสนุนท่าที ของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||
34748 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 12 การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+3 ครั้งที่ 9 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (The 12th Informal Asian Ministerial Meeting on the Environment - 12th IAMME) และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๙ (The 9th ASEAN plus Three Environment Ministers Meeting - 9th EMM+3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่าง วันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ เมือง Jerudong บรูไนดารุสซาลาม สรุปได้ดังนี้ ๑. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (12th IAMME) ที่ประชุม เห็นควรให้มีการจัดการประชุมหารือ (pre - consultation meeting) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเตรียม การสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๖ (16 th Session of the Conference of the Parties to the UNFCCC - COP16) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียว โต ครั้งที่ ๖ (the 6th session of the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol - CMP6) และรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการจัดการ ทรัพยากรน้ำ (ASEAN Strategic Plan on Water Resources Management) ความก้าวหน้าในการดำเนิน งานตามแผนสิ่งแวดล้อมศึกษาของอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๕ (ASEAN Environmental Education Plan 2008 - 2012) และความคืบหน้าการจัดทำร่างกลไกของอาเซียน เพื่อส่งเสริมการเฝ้าระวังและติดตามการลัก ลอบทิ้งของเสียที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งการทิ้งของเสียจากการเดินเรือทะเล (ASEAN Mechanism to Enhance Surveillance against Illegal Desludging and Disposal of Tanker Sludge at Sea) ๒. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๙ (The ASEAN plus Three Environment Ministers Meeting - 9th EMM+3) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนได้พบปะหารือกับประเทศคู่เจรจา+๓ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ในเรื่อง การดำเนินงานของ China - ASEAN Environmental Cooperation Centre และการปฏิบัติตาม China - ASEAN Strategy on Environmental Protec tion Cooperation การสนับสนุนจากกองทุน Japan ASEAN Integratde Fund (JAIF) ในการดำเนินโครงการ Promotion of Environmentally Sustainable Cities (ESC) in ASEAN Countries และ Taxonomic Capacity Building and Governance for Conservation and Sustainable Use of Biodiversity
|
|||||||||||||||||||||
34749 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การสร้างความพร้อมของประเทศไทยในการปฏิบัติตามอนุสัญญาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | สสป | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
34750 | มาตรการทบทวนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ 2553 ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป ตาม ที่สำนักงบประมาณเสนอ ยกเว้นกรณีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อไปตั้งจ่ายเป็นรายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว หรือรายการจัดหารถยนต์ที่มิใช่เพื่อการทดแทน ห้ามส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ สำหรับกรณีดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
34751 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบ ประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัย วงเงิน ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท ของคณะกรรมการกลั่น กรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (คณะกรรมการฯ) ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาทรัพยากรน้ำและ การเกษตร สาขาสวัสดิภาพประชาชน จำนวน ๘ โครงการ วงเงินรวม ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรร วงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐ กิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระ ราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานทบทวนรายละเอียดโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ๑.๔ เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้เงินเหลือจ่ายวงเงิน ๒,๓๘๓.๘๒ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีรับทราบ แล้ว มาใช้สนับสนุนการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในสาขาต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยโดยให้แจ้งยืนยัน ผลการทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมี มติ ๑.๕ อนุมัติเป็นหลักการให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการลงนามในสัญญาเงินกู้ล่วงหน้าก่อน มีการผูกพันสัญญาโครงการสำหรับโครงการมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดย กระทรวงการคลังต้องลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการดังกล่าวได้ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑.๖ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการให้แก่หน่วย งานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้น ฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามมาตรการเร่งรัดการ ดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน เห็น ควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับ โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่น (ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และอาคารเรียน) ให้ขยายเวลาลงนาม ในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามกฎหมายและ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด โดยหากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครง การได้ทัน เห็นควรยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นเงินเหลือจ่ายต่อไป ๑.๗ รับทราบและอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงราย ละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน ๑๕ วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติ แล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๘ รับทราบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาแล้วยังคงยืนยันความจำเป็นในการดำเนินโครงการภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้หน่วยงานนั้นพิจารณาทบทวนและปรับแผนการดำเนินงานของโครงการใด ๆ ที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาเพื่อใช้ในการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นการทดแทน โดยให้แจ้ง ข้อมูลการพิจารณาทบทวนฯ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วัน ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
|
|||||||||||||||||||||
34752 | ร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุ ระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
34753 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอ ๑. รายงาน รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน คือ ๑.๑ รายงานผลการปฏิบัติการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ระหว่างวันที่ ๑๑ มีนาคม-๒๐ เมษายน ๒๕๕๓ ๑.๒ รายงานผลการปฏิบัติของศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำ โขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑ ในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ ๒ -๖ เมษายน ๒๕๕๓ ๒. ร่างพระราชบัญญัติ รวม ๕ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน คือ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. .... ๒.๔ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๕ ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
34754 | รายงานผลการปฏิบัติการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ระหว่างวันที่ ๑๑ มีนาคม-๒๐ เมษา ยน ๒๕๕๓ ต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
34755 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบ วาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑. ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
34756 | รายงานผลการปฏิบัติของศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 1 | นร | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติของศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยการ ประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑ ในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ ๒-๖ เมษายน ๒๕๕๓ ต่ อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อบรรจุระเบียบวาระ เป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
34757 | ทดสอบ 1 | นร04 | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
34758 | ทดสอบ3 | 09/11/2553 | |||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
34759 | ขออนุมัติโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2553 เพิ่มเติม ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ 2 | กษ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการอนุมัติจัดสรรโควตานมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๕๓ เพิ่มเติม ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ ที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากวัตถุดิบที่เหลือในคลังสินค้ามีไม่เพียงพอ ตามมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ ๕/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ จำนวน ๒๒ ราย ปริมาณ ๒,๔๔๑.๗๕ ตัน โดยใช้โควตาที่เหลือคืนมาจากผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ จำนวน ๒,๔๖๑.๓๒ ตัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ การใช้โควตาแทนของผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ ในครั้งนี้จะต้องไม่เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ เสนอขออนุมัติจัดสรรโควตานมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๕๓ เพิ่มเติมในภายหลังได้ และต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อนมจากเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมรับความเห็นของกระทรวงต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโคนม อุตสาหกรรมนม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของไทย เพื่อเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่อาจเกิดจากการเปิดตลาดนำเข้านมผงตามความตกลง TAFTA ซึ่งกำหนดอัตราภาษีร้อยละ ๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงการหามาตรการด้านการเงินและภาษี สนับสนุนเอกชนไทย ลงทุนผลิตอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำนมดิบที่มีอยู่มากในประเทศโดยอาจเชิญชวนต่างชาติมาร่วมลงทุนด้วย และเห็นควรทบทวนการปรับสัดส่วนโควตาการนำเข้านมผงขาดมันเนยให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มและสถานการณ์ รวมทั้งสามารถรักษาเสถียรภาพของปริมาณน้ำนมดิบที่ผลิตได้ในประเทศไม่ให้เกิดการล้นตลาด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
34760 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 4 ราย 1. นายทวีศักดิ์ สาลีสังข์ ฯลฯ) | รง | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทวง แรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายทวีศักดิ์ สาลีสังข์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางปราณิน มุตตาหารัช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางศรีสุดา สิงห์ไพร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสาวส่งศรี บุญบา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
.....