ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 6235 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 124696 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 321 | การให้ความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ผู้นำของการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 5 | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 322 | ร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ | กต. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ
การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง
และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ
การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ
โดยร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสตงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับรัฐมนตรีเพื่อเน้นย้ำการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง
ความเท่าเทียมทางเพศ และสนับสนุนการบูรณาการแนวคิดสตรีนิยมในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ
ตลอดจนย้ำถึงความสำคัญของหลักนิติธรรม ประชาธิปไตย พหุภาคีนิยม และความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชน
โดยยืนยันพันธกรณีและความมุ่งมั่นร่วมกันของรัฐต่าง ๆ
ในการดำเนินการตามกรอบที่มีอยู่ เช่น
อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และปฏิญญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่งเพื่อความก้าวหน้าของสตรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 323 | ขอความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 | มท. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖,๑๖๙,๙๘๖,๐๐๐ บาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘ ตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงดูฝน ปี ๒๕๖๘
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสินให้เบิกจ่ายในเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่
นร ๐๗๐๔/๑๘๔ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๘)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๗/๔๙๑๑ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๘) ไปดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรกำชับจังหวัดที่ประสบภัยให้เร่งตรวจสอบความถูกต้องและความซ้ำซ้อนของครัวเรือนที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 324 | ร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน พ.ศ. .... | รง. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงแรงงานจะประชาสัมพันธ์และสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง
ระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหยุดประกอบกิจการของนายจ้าง
เพื่อป้องกันการเรียกร้องสิทธิเกินจริง ตลอดจนเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 325 | มาตรการเพื่อป้องกันมิให้ภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร | ปช. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับภาษีศุลกากร
กรณีภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในภาพรวมของประเทศ
ป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 326 | ขอความเห็นชอบต่อพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเอกสารแนบท้าย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเอกสารแนบท้าย และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งพิธีสารฯ และเอกสารแนบท้ายดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน
และความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าวหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐมีผลใช้บังคับ ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐต่อเลขาธิการอาเซียนเมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๖.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าในการเก็บรักษาต้นฉบับของพิธีสารฯ
ตามนัยข้อ ๕ ของพิธีสารฯ กระทรวงพาณิชย์ควรนำส่งสำเนาของพิธีสารฯ
ที่ได้รับการรับรองความถูกต้องโดยเลขาธิการอาเซียนแล้วมาให้กระทรวงการต่างประเทศเก็บรักษาไว้ที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรติดตามประเมินผล
และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้ทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 327 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 | ปสส. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันอังคารที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 328 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ | กค. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศและสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว
รวมทั้งสนับสนุนการบริโภคและส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการจัดอบรมสัมมนาให้แก่ลูกจ้างภายในประเทศในจังหวัดท่องเที่ยวรองและในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นภายในประเทศ
โดยให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วนทราบ
ตลอดจนควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
เพื่อให้เป็นไปตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงประมาณการการสูญเสียรายได้อย่างละเอียดรอบคอบ
เพื่อให้การดำเนินการมาตรการภาษีดังกล่าวมีความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ
รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินการในทุกขั้นตอนให้สอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 329 | ร่างพิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (Second Protocol to Amend the ASEAN Trade in Goods Agreement) | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
(Second Protocol to Amend the ASEAN Trade in Goods Agreement) และเอกสารแนบท้าย
โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเนื้อหาของความตกลง
ATIGA ฉบับเดิมให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นโดยเป็นการปรับปรุงความตกลง
ATIGA ทั้งฉบับ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งในรูปแบบมาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่
๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และเอกสารแนบท้ายดังกล่าว
เมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งพิธีสารฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
และเอกสารแนบท้ายดังกล่าว ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติ
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่
๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กรมการค้าต่างประเทศและกรมศุลกากรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้พิธีสาร ฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนมีผลใช้บังคับภายใน
๑๘ เดือน หลังจากประเทศสมาชิกอาเซียนลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ๕. เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการนำส่งสัตยาบันสารของร่างพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อสารัตถะและถ้อยคำโดยรวม
หากกระทรวงพาณิชย์เห็นว่ามีความเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของไทย
และสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่มีอยู่
ตลอดจนสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าประเทศไทยควรผลักดันให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานโดยเฉพาะในสาขาการผลิตที่ประเทศสมาชิกมีศักยภาพรวมถึงการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย สามารถเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital
Transition) ควบคู่กับเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Green
Transition) เพื่อรองรับการแข่งขันใหม่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 330 | ร่างแถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน+3 ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาค | กค. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 331 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 332 | รัฐบาลฮังการีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งฮังการีประจำประเทศไทย | กต. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวซิลเวีย ซอโลกี (Ms. Szilvia Szaloki) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งฮังการีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายชานโดร์ ชีโปช (Mr. Sandor
Sipos) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ได้ยกเลิกชั้นความลับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 333 | การลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ | ดศ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในอนุสัญญาดังกล่าว
โดยอนุสัญญาฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งรัฐภาคีที่เข้าร่วมการลงนามต้องนำมาตรการตามอนุสัญญานี้มาบัญญัติใช้ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศตน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งอนุสัญญาฯ
ดังกล่าว ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราขอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติ
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ ๓. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
อย่างเคร่งครัดในภายหน้าต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถพิจารณาจัดทำคำประกาศหรือถ้อยแถลงขณะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันได้ตามความเหมาะสม
และให้นำส่งสัตยาบันสารของหนังสือสัญญาให้แก่เลขาธิการสหประชาชาติเพื่อเก็บรักษา
เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบหนังสือสัญญาแล้ว ๕. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่าการคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล สิทธิส่วนบุคคล
และการใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ เป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ
ทั้งยังสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางวิชาการตามมาตรฐานสากล |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 334 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งปรเภทบริหารระดับสูง (นายฉันทานนท์ วรรณเขจร) | กษ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายฉันทานนท์ วรรณเขจร ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบการต่อเวลา ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) เมื่อวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 335 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | พณ. | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่
๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ๒. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง
(นบมส.) ๓.
คณะกรรมการว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา (Duty free
Quota Free Scheme : DFQF)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 336 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว. | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการ
จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.) ๒.
คณะกรรมการบริหารโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 337 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร) | นร.52 | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 338 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | พม. | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ๒. นางจตุพร โรจนพานิช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ๓. นางเตือนใจ คงสมบัติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 339 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวกนิษฐา กังสวนิช และนายกรนิจ โนนจุ้ย) | พณ. | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวกนิษฐา กังสวนิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกรนิจ โนนจุ้ย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ทั้งนี้
ได้ยกเลิกชั้นความลับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๘)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 340 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม) | นร.04 | 14/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ
(นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
